ReadyPlanet.com
dot dot
dot
ชมรมบริหารงานบุคคล
dot
bulletสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย
bulletชมรมบริหารงานบุคคล
bulletชมรมบริหารงานบุคคล อยุธยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลรังสิต
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคล อมตะนคร
bulletสมาคมการบริหารงานบุคคล (PAAs)
bulletชมรมบริหารงานบุคคลบางพลี
bulletชมรมนักบริหารงานบุคคลพัทยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลยุคใหม่
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคลจังหวัดราชบุรี
bulletงานบริหารงานบุคคล
bulletชมรมงานบริหารงานบุคคลกรุงเทพฯ
bulletชมรมบริหารงานบุคลสุขสวัสดิ์
dot
ติดต่อราชการศาล
dot
bulletศาลแรงงานกลาง
bulletศาลแรงงานภาค ๒
bulletศาลยุติธรรม
bulletศาลปกครอง
bulletศาลรัฐธรมนูญ
bulletสำนักงานอัยการสูงสุด
bulletกระทรวงยุติธรรม
bulletคณะกรรมการกฤษฎีกา
bulletกรมบังคับคดี
bulletสภาทนายความ
dot
หน่วยงานราชการสำคัญ
dot
bulletกระทรวงแรงงาน
bulletกรมการจัดหางาน
bulletกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
bulletกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
bulletสำนักงานประกันสังคม
bulletกรมสรรพากร
bulletกรมบัญชีกลาง
bulletกรมพัฒนาธุรกิจกาค้า
bulletกระทรวงอุตสาหกรรม
bulletกรมโรงงานอุตสาหกรรม
bulletกรมส่งเสริมอุตสาหรม
bulletการนิคมอุตสาหกรรม
dot
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน
dot
bulletสมบัติลีกัล
bulletเอกเซลสำหรับงาน HR โดย อ.สำเริง
bulletบทความดี ๆ จากโกป้อม
dot
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
dot
dot
Newsletter

dot


พยากรณ์อากาศวันนี้
..................................


ราคาน้ำมันวันนี้
..................................



ค่ารถแทนรถยนต์ประจำตำแหน่ง ไม่ถือเป็นค่าจ้าง และ ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมให้ถือตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่กำหนดไว้ article

คำพิพากษาฎีกาที่   ๕๔๒๕ - ๕๔๒๖/๖๐

ค่ารถแทนรถยนต์ประจำตำแหน่ง ไม่ถือเป็นค่าจ้าง และ ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมให้ถือตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่กำหนดไว้

 

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของจำเลยที่ ๑ โดยมีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้บริหารแผน จำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๑๐ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑๑ เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ ๑ และได้รับมอบหมาย แต่งตั้ง และอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของจำเลยที่ ๒ โดยมีจำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๑๑ เป็นตัวแทนมีอำนาจบังคับบัญชาลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ถือว่าจำเลยทั้งสิบเอ็ดเป็นนายจ้าง โจทก์ที่ ๑ เข้าทำงานเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๓๖ ตำแหน่งสุดท้ายเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ เงินเดือนสุดท้ายเดือนละ ๑๘๙,๔๓๐ บาท   และค่าตำแหน่ง  ๒๒,๕๐๐ บาท  กับค่ารถ ๓๕,๐๐๐ บาท ซึ่งจำเลยที่ ๑ จ่ายให้แก่โจทก์ที่ ๑ เป็นจำนวนแน่นอนทุกเดือนรวมเป็นค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ ๒๔๖,๙๓๐ บาท โจทก์ที่ ๒ เข้าทำงานเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๔๕ ตำแหน่งสุดท้ายเป็นผู้จัดการส่วนกำกับธุรกิจโทรคมนาคม เงินเดือนสุดท้ายเดือนละ ๕๐,๗๒๐ บาท   และค่ารถ ๒,๕๐๐ บาท   ซึ่งจำเลยที่ ๑ จ่ายให้แก่โจทก์ที่ ๒   เป็นจำนวนแน่นอนทุกเดือน รวมเป็นค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ ๕๓,๒๒๐ บาท   กำหนดจ่ายค่าจ้างก่อนวันทำการสุดท้ายของแต่ละเดือน  จำเลยที่ ๑  เลิกจ้างโจทก์ทั้งสอง  มีผลเป็นการเลิกจ้างโจทก์ที่ ๑ วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๕   และโจทก์ที่ ๒ วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕  โดยอ้างเหตุผลว่า   จำเลยที่ ๑ อยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการและปรับโครงสร้างการทำงานใหม่ให้สอดคล้องรองรับการทำธุรกิจซึ่งเป็นภารกิจหนึ่งในแผนฟื้นฟูกิจการเพื่อลดค่าใช้จ่ายและเห็นว่าโจทก์ทั้งสองอยู่ตำแหน่งที่ต้องปรับลดจำเลยที่ ๑ เลิกจ้างโดยโจทก์ทั้งสองไม่มีความผิด   เลือกปฏิบัติ  และกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ขอให้บังคับจำเลยทั้งสิบเอ็ดร่วมกันหรือแทนกันชำระค่าชดเชยที่ยังจ่ายไม่ครบ ๓๕๐,๐๐๐ บาท สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าที่ยังจ่ายไม่ครบ ๓๕,๐๐๐ บาท   ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมย้อนหลังปี ๒๕๔๕ ถึงปี ๒๕๕๕ รวม ๑๑๑ วัน เป็นเงิน ๙๑๓,๖๔๑ บาท  พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี  ของต้นเงินทั้งสามจำนวนรวม ๑,๒๙๘,๖๔๑ บาท นับแต่วันเลิกจ้างถึงวันฟ้องคิดเป็นดอกเบี้ย  ๖๓,๓๑๕.๓๒ บาท กับดอกเบี้ยของต้นเงิน ๑,๒๙๘,๖๔๑ บาท  นับแต่วันเลิกจ้างถึงวันฟ้องคิดเป็นดอกเบี้ย ๖๓,๓๑๕.๓๒ บาท กับดอกเบี้ยของต้นเงิน   ๑,๒๙๘,๖๔๑   บาท   นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ ๑ กับค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ได้แก่ค่าขาดรายได้  ๒๐,๐๐๑,๓๓๐ บาท   เงินโบนัส ๑,๔๘๑,๕๘๐ บาท ค่าขาดประโยชน์จากเงินที่นายจ้างต้องจ่ายสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ๑,๔๐๐,๐๙๓.๑๐ บาท   ค่าขาดประโยชน์จากการที่จำเลยที่ ๑ ต้องจัดสรรหุ้นให้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ ๔๙๓,๘๖๐ บาท   และค่าโทรศัพท์ ๘๑,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีของค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม นับแต่วันเลิกจ้างถึงวันฟ้องคิดเป็นดอกเบี้ย ๕๕๙,๑๓๒.๖๓  บาท แก่โจทก์ที่ ๑ จนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยทั้งสิบเอ็ดร่วมกันหรือแทนกันชำระค่าชดเชยที่ยังจ่ายไม่ครบ ๒๐,๐๐๐ บาท   สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าที่ยังจ่ายไม่ครบ ๒,๕๐๐ บาท ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมย้อนหลังปี   ๒๕๔๕ ถึงปี ๒๕๕๕ รวม ๑๔ วัน เป็นเงิน ๒๔,๘๓๖ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงินทั้งสามจำนวนรวม ๔๔,๘๓๖ บาท นับแต่วันเลิกจ้างถึงวันฟ้องคิดเป็นดอกเบี้ย ๑,๙๓๖ บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปีของต้นเงิน ๔๖,๗๗๒ บาท   นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ ๒ กับค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ได้แก่ ค่าเสียหายที่ไม่สามารถหางานได้ ๖๓๘,๖๔๐ บาท ค่าขาดรายได้จากส่วนต่างเงินเดือนเป็นเงิน ๕,๗๑๒,๑๒๐ บาท ค่าขาดประโยชน์จากเงินที่นายจ้างต้องจ่ายสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ๔๔๔,๕๕๓ บาท   ค่าขาดประโยชน์จากการที่จำเลยที่ ๑ ต้องจัดสรรหุ้นให้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ ๕๓,๒๒๐ บาท   และค่าโทรศัพท์  ๑๒๙,๐๐๐  บาท  พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม นับแต่วันเลิกจ้างถึงวันฟ้องคิดเป็นดอกเบี้ย ๖๘๗,๖๗๕ บาท แก่โจทก์ที่ ๒ จนกว่าจะชำระเสร็จ

 

จำเลยทั้งสิบเอ็ดให้การทั้งสองสำนวนทำนองเดียวกันว่า   จำเลยที่ ๑ จ่ายเงินค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า  และค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีครบถ้วนแล้ว   ค่ารถเป็นสวัสดิการไม่ใช่ค่าจ้าง   จำเลยที่ ๑ ยกเลิกรถประจำตำแหน่งและจ่ายเป็นเงินแทนจึงไม่อาจนำมารวมคำนวณเป็นค่าจ้าง  ไม่มีข้อตกลงหรือสัญญาให้จำเลยที่ ๑ จ่ายค่าขาดรายได้  ค่าขาดประโยชน์  พร้อมดอกเบี้ยจากการเลิกจ้างตามฟ้อง การเลิกจ้างเป็นธรรมและมีเหตุสมควร  จำเลยที่ ๑  ขาดทุนต่อเนื่องหลายปี  จนต้องฟื้นฟูกิจการตามแผนโดยปรับลดขนาดองค์กร ลดจำนวนลูกจ้างโดยพิจารณาด้วยความเป็นธรรมไม่เลือกปฏิบัติ   จึงไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายตามฟ้อง จำเลยที่ ๒ มีอำนาจบริหารกิจการของจำเลยที่ ๑ ตามขอบอำนาจหน้าที่ตามแผนฟื้นฟูกิจการและต้องรายงานผลการดำเนินงานต่อเจ้าหนี้ในการประชุมเจ้าหนี้ทุกเดือน จำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๑๐ เป็นกรรมการบริษัทจำเลยที่ ๒ ไม่ใช่นายจ้างของโจทก์ทั้งสอง   จำเลยที่ ๑๑ มีอำนาจหน้าที่บริหารงานของจำเลยที่ ๑ ตามขอบอำนาจที่ได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ ๑ และที่ ๒  และต้องรายงานผลการดำเนินงานต่อจำเลยที่ ๑  และที่ ๒ ทุกเดือน จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๑๑ ไม่ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวร่วมกับจำเลยที่ ๑ ขอให้ยกฟ้อง

 

ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ จ่ายค่าชดเชย ๒๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕  ต่อปี   และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ๒,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี  นับแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕   เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ ๒ ยกฟ้องโจทก์ที่ ๑ คำขออื่นให้ยก

 

โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

 

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า จำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัด ประกอบธุรกิจบริการโทรคมนาคม เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๑   ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของจำเลยที่ ๑ และตั้งจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดเป็นผู้ทำแผนต่อมาวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๓   ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการโดยมีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้บริหารแผน จำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๑๐ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ ๒ ส่วนจำเลยที่ ๑๑ รับว่าจ้างจากจำเลยที่ ๑ โดยการติดต่อของจำเลยที่ ๒ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของจำเลยที่ ๑ ตั้งแต่ต้นปี   ๒๕๕๔  มีหน้าที่บริหารกิจการงานของจำเลยที่ ๑ ให้ประสบผลสำเร็จตามแผนฟื้นฟูกิจการ   จำเลยที่ ๑ ว่าจ้างคณะบุคคลชัชวลิตทำแผนฟื้นฟูองค์กรและโครงสร้างองค์กรใหม่   โจทก์ที่ ๑ เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ เข้าทำงานตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๓๖ ตำแหน่งสุดท้ายเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่  ได้รับเงินเดือนอัตราสุดท้ายเดือนละ ๑๘๙,๔๓๐ บาท   และค่าตำแหน่ง ๒๒,๕๐๐ บาท  กับค่ารถ ๓๕,๐๐๐ บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างก่อนวันทำการสุดท้ายของแต่ละเดือน จำเลยที่ ๑   มีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์ที่ ๑  เมื่อวันที่ ๒๗   มีนาคม   ๒๕๕๕   มีผลเป็นการเลิกจ้างโจทก์ที่ ๑ ในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๕ โจทก์ที่ ๑ ได้รับค่าชดเชย ๑๐ เดือน  เป็นเงิน ๒,๑๑๙,๓๐๐ บาท สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ๑ เดือน เป็นเงิน ๒๑๑,๙๓๐ บาท และค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี ๒๐ วัน เป็นเงิน ๑๔๑,๒๘๖.๖๖ บาท   จากจำเลยที่ ๑ แล้ว  ตามสำเนาคำสั่งเลิกจ้างและบันทึกการรับเงินเอกสารหมาย จ.๔๓ ล.๑๗ และ ล.๑๘ โจทก์ที่ ๑ มีวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่ไม่ได้ใช้สิทธิ ๑๑๑ วัน  ตามสำเนาสถิติการลาและสำเนาตารางแสดงการคำนวณค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี   เอกสารหมาย   จ.๘   และ  จ.๑๐  โจทก์ที่ ๒   เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑   เข้าทำงานตั้งแต่วันที่   ๑๖  กันยายน ๒๕๔๕ ตำแหน่งสุดท้ายเป็นผู้จัดการส่วนกำกับธุรกิจโทรคมนาคม   ได้รับเงินเดือนอัตราสุดท้ายเดือนละ ๕๐,๗๒๐ บาท   และค่ารถหรือเงินช่วยเหมาจ่าย ๒,๕๐๐ บาท   กำหนดจ่ายค่าจ้างก่อนวันทำการสุดท้ายของแต่ละเดือน จำเลยที่ ๑ มีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์ที่ ๒   เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕  มีผลเป็นการเลิกจ้างในวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ โจทก์ที่ ๒ ได้รับค่าชดเชย ๘ เดือน เป็นเงิน ๔๐๕,๗๖๐ สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ๑ เดือน เป็นเงิน ๕๐,๗๒๐ บาท และค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี ๑๖ วัน   เป็นเงิน ๒๗,๐๕๐.๖๗ บาท   จากจำเลยที่ ๑ แล้วตามคำสั่งเลิกจ้างและสำเนาบันทึกการรับเงินเอกสารหมาย   จ.๕๖  ล.๒๐   และ   ล.๒๑ โจทก์ที่ ๒ มีวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่ไม่ได้สิทธิ ๑๔ วัน   ตามสำเนาสถิติการลาและสำเนาตารางแสดงการคำนวณค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี เอกสารหมาย   จ.๙   และ จ.๑๑ จำเลยที่ ๑ มีระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน   ตามเอกสารหมาย ล.๑๖ กำหนดว่า   ลูกจ้างมีสิทธิสะสมวันลาหยุดพักผ่อนประจำปีที่เหลืออยู่ในรอบปีปัจจุบันรวมกับปีถัดไปได้ แต่รวมวันลาได้ทั้งสิ้นไม่เกิน ๒๐ วันทำงานในแต่ละปีปฏิทินวันหยุดส่วนที่เกิน ๒๐ วันทำงานจะหมดไปในวันสิ้นปีโดยไม่มีเงินชดเชย

 

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ที่ ๑ ว่า เงินค่ารถ ๓๕,๐๐๐ บาท ที่จำเลยที่ ๑  จ่ายให้โจทก์ที่ ๑ ทุกเดือน   เป็นค่าจ้างตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน   พ.ศ.   ๒๕๔๑  มาตรา ๕ หรือไม่   ปัญหานี้ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า โจทก์ที่ ๑ ได้รับเงินค่ารถตั้งแต่ก่อนดำรงตำแหน่งระดับพี ๑๒ โดยระบุเป็นเงิน   "อื่นๆ"  ในใบรับเงินเดือน   และมีการเพิ่มค่ารถให้ตามระดับของตำแหน่งที่เพิ่มขึ้น เช่น   เมื่อช่วงปี   ๒๕๔๗ โจทก์ที่ ๑ ทำงานในตำแหน่งระดับพี ๑๐ ได้รับค่ารถ ๑๕,๐๐๐ บาท   ต่อมาตั้งแต่งวดเดือนมกราคม   ๒๕๕๑   ถึงเดือนมกราคม  ๒๕๕๓ โจทก์ที่ ๑  ได้รับค่ารถ ๒๕,๐๐๐ บาท   และขณะที่โจทก์ที่ ๑  ดำรงตำแหน่งระดับพี ๑๒ โจทก์ที่ ๑ ได้รับเงินช่วยเหมาจ่ายเป็นค่าตำแหน่ง ๒๒,๕๐๐ บาท และค่ารถ ๓๕,๐๐๐ บาท นอกจากนี้โจทก์ที่ ๑ ยังได้รถยนต์ประจำตำแหน่งด้วย จำเลยที่ ๑ เคยมีหนังสือลงวันที่ ๑๗ มิถุนายน  ๒๕๔๗  อนุมัติจ่ายค่ารถ  (Car Allowance)  และน้ำมันรถยนต์ผู้บริหารตามเอกสาร หมาย ล.๑๒ ระบุว่า  ยกเลิกรถยนต์ประจำตำแหน่งผู้บริหารทั้งหมดโดยจ่ายเป็นเงิน  (Car Allowance) แทนคงไว้เฉพาะระดับผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสขึ้นไป (เอสวีพีอัพ, พี ๑๒ ถึงพี ๑๔) ผู้อำนวยการเขต พีเอ ๑ - ๙ เท่านั้น โดยมีเอกสารแนบท้ายระบุว่าโจทก์ที่ ๑ เป็นผู้บริหารที่เคยได้สิทธิรถยนต์ประจำตำแหน่งแล้วอยู่ในเกณฑ์ได้รับเงินค่ารถ (Car   Allowance)  แทนและในเอกสารดังกล่าวแสดงถึงผู้บริหารระดับสูงที่อยู่ในเกณฑ์ได้รถยนต์ประจำตำแหน่งจะไม่ได้เงินค่ารถ (Car   Allowance) ด้วย   ดังนี้   เห็นว่า   การจัดรถยนต์ประจำตำแหน่งเป็นสวัสดิการ   ต่อมาเมื่อมีการจ่ายเงินค่ารถ  (Car   Allowance)   แทนการจัดรถยนต์ประจำตำแหน่งให้ จึงเป็นการจ่ายเงินเพื่อเป็นสวัสดิการ มิใช่เงินที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันจ่ายเป็นค่าตอบแทนการทำงานตามสัญญาจ้างสำหรับระยะเวลาทำงานปกติเป็นรายเดือน มิใช่ค่าจ้างตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๕ ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยมาว่าเงินค่ารถ ๓๕,๐๐๐ บาท   ที่จำเลยที่ ๑ จ่ายให้โจทก์ที่ ๑ ทุกเดือนไม่ใช่ค่าจ้างและไม่นำไปรวมเป็นฐานคำนวณเงินอื่นๆ   ด้วยนั้น   ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแล้ว   อุทธรณ์ข้อนี้ของโจทก์ที่ ๑ ฟังไม่ขึ้น

 

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ข้อต่อไปของโจทก์ทั้งสองว่า โจทก์ทั้งสองมีสิทธิได้รับค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมหรือไม่ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑  มาตรา ๓๐ กำหนดให้เป็นหน้าที่ของนายจ้างต้องจัดให้ลูกจ้างมีวันหยุดพักผ่อนประจำปีหรือกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้ตามที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันปีละไม่น้อยกว่า ๖ วันทำงาน  โดยอาจตกลงกันให้สะสมและเลื่อนวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่ยังมิได้หยุดในปีนั้นรวมเข้ากับปีต่อๆ ไปได้ เมื่อตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเอกสารหมาย  ล.๑๖  บทที่ ๓  วันหยุด  และหลักเกณฑ์การหยุด   ข้อ ๓.๓ ได้กำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิสะสมวันลาหยุดพักผ่อนประจำปีที่เหลืออยู่ในรอบปีปัจจุบันไปรวมกับปีถัดต่อไปได้ แต่รวมวันลาดังกล่าวทั้งสิ้นไม่เกิน ๒๐ วันทำงานในแต่ละปีปฏิทิน  และตามข้อ ๓.๔ จำเลยที่ ๑ ได้กำหนดหลักเกณฑ์การลาหยุดพักผ่อนประจำปีให้ลูกจ้างที่ต้องการใช้สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีต้องยื่นใบลาต่อผู้บังคับบัญชาล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓ วัน เมื่อได้รับอนุมัติแล้วจึงจะหยุดงานได้โดยหากลูกจ้างมีวันหยุดพักผ่อนประจำส่วนที่เกินกว่าสิทธิที่กำหนดไว้ในข้อ ๓.๓ สิทธิดังกล่าวจะหมดไปในวันสิ้นปี  โดยไม่มีเงินชดเชย เมื่อพิจารณาหลักเกณฑ์ดังกล่าว การที่ลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ประสงค์จะหยุดพักผ่อนประจำปีในวันใดจะต้องยื่นใบลาล่วงหน้า โดยจะหยุดได้ต่อเมื่อได้รับอนุมัติแล้ว  จึงเป็นกรณีที่จำเลย ๑ ได้ตกลงกับลูกจ้างกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีร่วมกันเมื่อข้อตกลงกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีและกำหนดสิทธิในการสะสมวันหยุดพักผ่อนประจำปีไว้เช่นใด โจทก์ทั้งสองจึงต้องใช้สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีและมีสิทธิสะสมวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามที่ตกลงกันไว้นั้น การที่โจทก์ทั้งสองไม่ใช้สิทธิลาหยุดพักผ่อนประจำปีในปีใดจึงมีสิทธิสะสมวันหยุดพักผ่อนประจำปีในปีถัดไปได้เพียงแค่  ๒๐ วันทำงาน  ส่วนวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่  โจทก์ทั้งสองมิได้ใช้สิทธิที่เหลือจึงต้องถือว่าโจทก์ทั้งสองไม่ประสงค์จะหยุดพักผ่อนประจำปีและสะสมวันหยุดตามที่ตกลงกันแล้ว จำเลยหาจำต้องจ่ายค่าจ้างสำ หรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมตามฟ้องแก่โจทก์ทั้งสองไม่  อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองฟังไม่ขึ้น

 

ส่วนที่โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ว่า การเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมเพราะพยานหลักฐานของจำเลยที่ ๑ ไม่อาจรับฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ มีความจำเป็นต้องปรับโครงสร้างการทำงานใหม่โดยปรับลดขนาดองค์กรลงและมิได้เกิดจากภาวะเศรษฐกิจจำเป็น แต่กลับปรากฏจากเอกสารหลักฐานต่างๆ ว่าปริมาณและภารกิจงานจำเลยที่ ๑ มิได้ลดลงเพราะจำเลยที่ ๑ จะต้องลงทุนประกอบธุรกิจใหม่ทั้งจำเลยที่ ๑ มิได้ดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการที่เป็นธรรมต่อโจทก์ที่ ๑ และโจทก์ที่ ๒ ก่อนที่จะเลิกจ้าง ไม่เคยมีหลักเกณฑ์ให้ลูกจ้างสมัครใจลาออกโดยรับค่าชดเชยหรือลดเงินเดือนแทนการเลิกจ้าง  ไม่มีการกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาที่เป็นธรรมแก่ลูกจ้างที่จะถูกเลิกจ้างมาก่อนแต่อย่างใด นั้น เมื่อศาลแรงงานกลางวินิจฉัยจากพยานหลักฐานทั้งปวงแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า   จำเลยที่ ๑ ตกอยู่ในภาวะยากลำบากต้องพยายามหาวิธีการบริหารจัดการเพื่อความอยู่รอด   ต้องจ้างจำเลยที่ ๒ และที่ ๑๑ รวมทั้งที่ปรึกษากฎหมายมืออาชีพด้วย  ค่าจ้างสูงมาให้ความเห็นทำแผนฟื้นฟูกิจการ   ทำโครงสร้างการทำงานใหม่  จำเลยที่ ๑  เลิกจ้างโจทก์ทั้งสองรวมทั้งลูกจ้างอื่นอีกสามร้อยกว่าคนไปตามโครงสร้างใหม่ไม่ได้กลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองดังนี้อุทธรณ์ข้อนี้ของโจทก์ทั้งสองจึงเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงกลาง เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน  พ.ศ.  ๒๕๒๒   มาตรา  ๕๔  วรรคหนึ่ง   ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

 

คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองประการสุดท้ายว่า จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๑๑ ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ หรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ ๒ เป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของจำเลยที่ ๑ โดยมีจำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๑๐ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยที่ ๒ ส่วนจำเลยที่ ๑๑ มีอำนาจหน้าที่บริหารของจำเลยที่ ๑  ตามขอบอำนาจที่ได้รับมอบหมายดังนั้น  จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๑๑ จึงเป็นผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำงานแทนจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นนายจ้าง  หรือเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นนิติบุคคลและผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ ๑ ให้ทำการแทนด้วย จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๑๑ จึงอยู่ในความหมายของ " นายจ้าง " ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๕ ดังนั้นจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๑๑ จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ต่อโจทก์ทั้งสองแต่การกระทำของจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๑๑ ในฐานะนายจ้างตัวแทนหรือนายจ้างรับมอบได้กระทำการแทนจำเลยที่ ๑ ไปในขอบอำนาจของตัวแทน ย่อมถือเป็นการกระทำของจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นตัวการ   จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๑๑   จึงไม่ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัว  อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองฟังขึ้นบางส่วน

 

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๑๑ ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ต่อโจทก์ที่ ๒ แต่ไม่จำต้องรับผิดเป็นการส่วนตัว   นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามพิพากษาศาลแรงงานกลาง.

 

 

             เรียบเรียงโดย บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด




อัพเดท ฎีกาน่าสนใจ

ขึ้นทะเบียนรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเกิน ๓๐ วัน ยังมีสิทธิได้รับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานได้ article
ลักษณะความผิดเดียวกัน แต่ระดับความร้ายแรงแตกต่างกัน นายจ้างพิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ผู้จัดการสาขา เสนอรายชื่อลูกค้าที่ขาดคุณสมบัติทำประกันชีวิต ถือว่าจงใจทำให้นายจ้างเสียหาย / ผิดร้ายแรง article
หยุดกิจการชั่วคราวตาม มาตรา ๗๕ article
สัญญาจ้างเป็นสัญญาต่างตอบแทน นายจ้างออกค่าใช้จ่ายในการเข้าทดสอบเพื่อรับเกียรติบัตร เมื่อทดสอบผ่านต้องทำงานกับนายจ้าง ๕ ปี บังคับใช้ได้ article
ศาลแรงงานกลางมีอำนาจสั่งรับพยานเอกสารได้ แม้ไม่ได้ส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายก็ตาม article
ประกอบธุรกิจแข่งขัน / ไปทำงานกับนายจ้างอื่น ในลักษณะผิดต่อสัญญาจ้าง เมื่อลูกจ้างได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้างตามสัญญาแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะบังคับ / ห้ามทำงานตามเงื่อนไขในสัญญาจ้างอีกต่อไป article
คดีแรงงานเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้คดีอาญายกฟ้อง แต่พฤติกรรมการกระทำผิด เป็นเหตุให้นายจ้างไม่อาจไว้วางใจในการทำงานได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
เลิกจ้างเนื่องจากปรับโครงสร้างองค์กร แต่กำหนดรายชื่อไว้ล่วงหน้า ถือเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม article
การหักลบกลบหนี้ หนี้อันเกิดจากสัญญาจ้าง กรณีลูกจ้างกระทำผิดกับสิทธิประโยชน์ที่มีสิทธิได้รับตามสัญญาจ้าง ถือเป็นมูลหนี้อันเป็นวัตถุอย่างเดียวกันหักลบกลบหนี้กันได้ article
เล่นการพนันฉลากกินรวบ เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กรณีร้ายแรง article
กรณีไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจแข่งขันหรือไม่ถือว่าทำงานกับนายจ้างใหม่ในลักษณะธุรกิจเดียวกับนายจ้าง article
สัญญาฝึกอบรม นายจ้างกำหนดเบี้ยปรับได้ เป็นสัญญาที่เป็นธรรม article
ค้ำประกันการทำงาน หลักประกันการทำงาน การหักลบกลบหนี้ค่าเสียหายจากการทำงาน article
ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์แต่ตนเอง เรียกรับเงินจากลูกค้า ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ article
ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา มาทำงานสายประจำ ถือว่า กระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สหภาพแรงงานทำบันทักข้อตกลงเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างกับนายจ้าง อันส่งผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ของสมาชิก ขัดกับข้อตกลงเดิมและมิได้ขอมติที่ประชุมใหญ่ ข้อตกลงดังกล่าวไม่อาจใช้บังคับได้ article
ขอเกษียณอายุก่อนกำหนดตามประกาศ ถือเป็นการสมัครใจเลิกสัญญาจ้างแรงงานต่อกัน มิใช่การเลิกจ้างหรือการเกษียณอายุ จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยตามระเบียบกรณีเกษียณอายุ article
สถาบันวิจัยอันเป็นส่วนหนึ่งของกิจการมหาวิทยาลัยถือเป็นหน่วยงานของรัฐ ได้รับยกเว้น ไม่อยู่ภายใต้บังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา ๔ (๑) article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จากการเลิกจ้างมีอายุความฟ้องร้องได้ภายใน ๑๐ ปี article
ทะเลาะวิวาทเรื่องส่วนตัวไม่ส่งผลกระทบต่อการบังคับบัญชา ไม่เป็นความผิด กรณีร้ายแรง ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ article
พี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกัน มิใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ และเงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต ตามพระราชบัญญัติ ประกันสังคม มาตรา ๗๓ และมาตรา ๗๗ article
ขับรถเร็วเกินกว่าข้อบังคับกำหนด เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนคำสั่งโยกย้าย เลิกจ้างได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ประกาศใช้ระเบียบใหม่ ไม่ปรากฏว่ามีพนักงานโต้แย้งคัดค้าน ถือว่าทุกคนยินยอมปฏิบัติตามระเบียบ article
เงินค่าตอบแทนพิเศษกับเงินโบนัส มีเงื่อนไขต่างกัน หลักเกณฑ์การจ่ายต่างกัน จึงต้องพิจารณาต่างกัน article
ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินกองทุนเงินทดแทน article
เจรจาให้ลาออก ลูกจ้างไม่ตกลง ขอเวลาตัดสินใจและหยุดงานไป นายจ้างแจ้งให้กลับเข้าทำงานตามปกติ ถือว่านายจ้างยังไม่มีเจตนาเลิกจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ แอบนอนหลับในเวลาทำงาน ถือเป็นเหตุในการเลิกจ้างได้ เลิกจ้างเป็นธรรม article
ลาออกโดยไม่สุจริต ไม่มีผลใช้บังคับ article
ทำความผิดคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน พิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ประกอบธุรกิจ บริการ ด่าลูกค้าด้วยถ้อยคำหยาบคาย " ควาย " ถือเป็นการกระทำความผิดกรณีร้ายแรง article
ข้อบังคับ ระบุให้ผู้บังคับบัญชาเหนือกว่ามีอำนาจแก้ไข เพิ่มโทษ หรือลดโทษได้ การยกเลิกคำสั่งลงโทษเดิมและให้ลงโทษใหม่หนักกว่าเดิมจึงสามารถทำได้ article
เลือกปฏิบัติในการลงโทษระเบียบการห้ามใส่ตุ้มหูมาทำงาน บังคับใช้ได้ แต่เลือกปฏิบัติในการลงโทษไม่ได้ article
ลงโทษพักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างและเตือนในคราวเดียวกันได้ ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน article
จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย article
ข้อตกลงรับเงินและยินยอมปลดหนี้ให้แก่กัน ถือเป็นการตกลงระงับข้อพิพาทแม้จะทำขึ้นก่อนคำสั่งเลิกจ้างมีผลใช้บังคับ article
ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่คู่ความอ้างส่งศาลได้ แม้มิได้ระบุบัญชีพยานไว้ก็ตาม article
สัญญาจ้างห้ามลูกจ้างไปทำงานกับนายจ้างใหม่ที่ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกันมีกำหนดเวลา บังคับใช้ได้ article
เลิกจ้างและรับเงินค่าชดเชย ใบรับเงิน ระบุขอสละสิทธิ์เรียกร้องเงินอื่นใดใช้บังคับได้ ลูกจ้างไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องสินจ้างและค่าเสียหายได้อีก article
เกษียณอายุ 60 ปี ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยนับแต่วันครบกำหนดเกษียณอายุ แม้นายจ้างไม่ได้บอกเลิกจ้างก็ตาม article
ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและเพิกเฉยไม่ดูแลผลประโยชน์ของนายจ้าง เป็นเหตุให้นายจ้างไม่ไว้วางใจในการทำงานได้เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ละเลยต่อหน้าที่ ไม่รายงานเคพีไอ นายจ้างตักเตือนแล้ว ถือว่าผิดซ้ำคำเตือน เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ทำสัญญาจ้างต่างด้าวทำงานในอาชีพต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว สัญญาจ้างถือเป็นโมฆะ article
ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง article
ศาลมีคำสั่งให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาตามหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน ในขณะที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ยุติ ต้องสืบพยานใหม่และพิพากษาใหม่ไปตามรูปคดี article
แม้สัญญาจ้างไม่ได้ระบุระยะเวลาทดลองงานไว้ แต่นายจ้างก็สามารถประเมินผลการทำงานของลูกจ้างได้ article
การควบรวมกิจการ สิทธิและหน้าที่โอนไปเป็นของบริษัทใหม่ การจ่ายเงินสมทบบริษัทใหม่ที่ควบรวมจึงมีสิทธิจ่ายเงินสมทบในอัตราเดิมตามสิทธิ มิใช่ในอัตราบริษัทตั้งใหม่ article
เลิกจ้างรับเงินค่าชดเชยแล้วตกลงสละสิทธิ์จะไม่เรียกร้องผละประโยชน์ใดๆ ถือว่าสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเป็นอันระงับไป article
รับเหมาก่อสร้าง ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบ จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแทนผู้รับเหมาช่วง หากผู้รับเหมาช่วงไม่นำส่งเงินสมทบตามกฎหมายโดยคำนวณจากอัตราค่าจ้างที่ระบุตามแบบ ( ภ.ง.ด. 50 ) และบัญชีงบดุล article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานระบุห้ามทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายร่างกาย ผู้บังคับบัญชา เพื่อนพนักงาน ทั้งในสถานที่ทำงาน หรือสถานที่อื่นๆ ฝ่าฝืนถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง ใช้บังคับได้ไม่ขัดต่อกฎหมาย article
ไส้ติ่งอักเสบ แพทย์วินิจฉัยให้ผ่าตัด ถือเป็นกรณีฉุกเฉิน เบิกค่ารักษาได้ มีสิทธิรับเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ได้ article
ค่าเช่าที่พัก ค่าใช้จ่ายเดินทางเป็นสวัสดิการไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่ารถยนต์ซึ่งกำหนดเป็นสวัสดิการไว้ชัดเจนแยกจากฐานเงินเดือนปกติ ถือเป็นสวัสดิการไม่ใช่ค่าจ้าง article
ละเมิดข้อตกลงสภาพการจ้าง ละเมิดสัญญาจ้าง มีอายุความ 10 ปี มิใช่ 1 ปี article
พฤติกรรมการจ้างที่ถือว่าเป็นการจ้างแรงงาน ถือเป็นลูกจ้าง / นายจ้างตามกฎหมาย article
พนักงานขายรถยนต์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ประจำบูธ ตามที่ได้รับมอบหมาย ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
เลือกตั้งคณะกรรมการสหภาพฯ ขัดต่อข้อบังคับสหภาพหรือขัดต่อกฎหมาย ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบ article
ฝ่าฝืนสัญญาจ้าง กรณีห้ามทำการแข่งขันกับนายจ้างหรือทำธุรกิจคล้ายคลึงกับนายจ้างเป็นเวลา 2 ปี นับจากสิ้นสุดสัญญาต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้าง article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระบุให้นายจ้างเลิกจ้างเพราะเหตุคนล้นงาน ปรับลด ขนาดองค์กรได้ ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเลิกจ้างลูกจ้างได้ article
ข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีตัดสิทธิ์รับเงินสมทบพร้อมผลประโยชน์หากกระทำผิดถูกปลดออกจากงานบังคับใช้ได้ article
ทะเลาะวิวาทกัน นอกเวลางาน นอกบริเวณบริษัทฯ ไม่ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนไม่ไปตรวจสารเสพติดซ้ำตามคำสั่งและนโยบาย ถือว่าฝ่าฝืน ข้อบังคับ หรือ ระเบียบ กรณีร้ายแรง article
วันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วน article
เป็นลูกจ้างที่มีอำนาจกระทำการแทนนายจ้างในการจ้างงาน ไม่มีสิทธิได้รับค่าทำงานในวันหยุด และลักทรัพย์เอาต้นไม้ของนายจ้างไป ถือว่ากระทำผิดอาญาแก่นายจ้าง เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ผลการทำงานดีมาโดยตลอดและไม่เคยกระทำผิดมาก่อน แต่ปีสุดท้ายผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่ถือเป็นเหตุที่จะอ้างในการเลิกจ้าง article
ได้รับบาดเจ็บรายการเดียว เข้ารักษา 2 ครั้ง ถือว่าเป็นการรักษารายการเดียว นายจ้างสำรองจ่ายเพิ่มเติมไม่เกิน 50,000 บาท ไม่ใช่ 200,000 บาท article
ผู้บริหารบริษัท ฯ ถือเป็นลูกจ้างหรือไม่ ดูจาก_________ ? article
ขับรถออกนอกเส้นทาง แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรงและก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้าง นายจ้างหักเงินประกันการทำงานได้ article
ค่าจ้างระหว่างพักงาน เมื่อข้อเท็จจริง ลูกจ้างกระทำความผิดจริง จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างระหว่างพักงาน article
“ นายจ้าง ” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 5 article
สัญญารักษาความลับ ข้อมูลทางการค้า (ห้ามประกอบหรือรับปฏิบัติงานแข่งขันนายจ้าง) มีกำหนด 2 ปี บังคับใช้ได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย และการกำหนดค่าเสียหาย ถือเป็นเบี้ยปรับตามกฎหมาย ศาลปรับลดได้ตามสมควร article
เงินรางวัลการขายประจำเดือน จ่ายตามเป้าหมายการขาย ที่กำหนดไว้ ไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่าโทรศัพท์ เหมาจ่าย ถือเป็นค่าจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ 3 วันทำการ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เลิกจ้างเป็นธรรมไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ลาออกมีผลใช้บังคับแล้ว ออกหนังสือเลิกจ้างภายหลังใช้บังคับไม่ได้ article
ตกลงรับเงิน ไม่ติดใจฟ้องร้องอีกถือเป็นการตกลงประนีประนอมกันบังคับได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย
เลิกจ้างระหว่างทดลองงาน ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ข้อตกลงว่า “หากเกิดข้อพิพาทตามสัญญาจ้างแรงงาน ให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย” ไม่เกี่ยวกับสิทธิตามกฎหมายแรงงาน เมื่อเกิดสิทธิตามกฎหมาย ฟ้องศาลแรงงานได้ โดยไม่ต้องให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย article
เลิกจ้างด้วยเหตุอื่น อันมิใช่ความผิดเดิมที่เคยตักเตือน ไม่ใช่เหตุที่จะไม่จ่ายค่าชดเชย เลิกจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย article
นำรถยนต์ไปใช้ในกิจธุระส่วนตัว มีพฤติกรรมคดโกง ไม่ซื่อตรง พฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ไม่น่าไว้วางใจ ลงโทษปลดออกจากการทำงานได้ article
การกระทำที่กระทบต่อเกียรติ ชื่อเสียงของนายจ้าง และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แม้กระทำนอกสถานที่ทำงานและนอกเวลางาน ก็ถือว่า ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรง article
สัญญาค้ำประกันการทำงานไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ต้องรับผิดชอบตลอดไป article
ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเลิกจ้างได้ ถือว่าเลิกจ้างเป็นธรรมและความผิดที่ลงโทษแล้วจะนำมาลงโทษอีกไม่ได้ article
ผิดสัญญาจ้างไปทำงานกับคู่แข่ง นายจ้างฟ้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาได้ แต่ค่าเสียหาย เป็นดุลพินิจของศาลจะกำหนด article
จงใจกระทำผิดโดยผิดกฎหมายเป็นเหตุให้นายจ้างเสียหาย ถือว่า กระทำละเมิดต่อนายจ้าง ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น article
ตกลงสละสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย ภายหลังเลิกจ้าง ใช้บังคับได้ ไม่เป็นโมฆะ article
ก้าวร้าวไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ามิใช่ค่าจ้าง คิดดอกเบี้ยในอัตรา 7. 5 ต่อปี article
ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของนายจ้างในเรื่องส่วนตัวเป็นประจำ ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่กาปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต เลิกจ้างเป็นธรรม article
สั่งให้พนักงานขับรถ ขับรถออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้มีส่วนในการขับรถ ถือว่าผิดต่อสัญญาจ้าง แต่ไม่ต้องรับผิดอันมีผลโดยตรงจากมูลละเมิด ( ขับรถโดยประมาท ) article
จ่ายของสมนาคุณให้ลูกค้า โดยไม่ตรวจสอบบิลให้ถูกต้อง มิใช่ความผิดกรณีร้ายแรงไม่ใช่การทุจริตต่อหน้าที่ แต่ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เสร็จลุล่วงไปโดยถูกต้อง และสุจริต เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ฟ้องประเด็นละเมิด กระทำผิดสัญญาจ้าง ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง มีอายุความ 10 ปี article
ตกลงยินยอมให้หักค่าจ้างชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ นายจ้างสามารถหักค่าจ้างได้ตามหนังสือยินยอมโดยไม่ต้องฟ้อง article
กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างและประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง article
“ งานโครงการตามมาตรา 118 วรรค 4 ” บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ว่าจ้างลูกจ้างทำงานตามโครงการที่รับเหมา ถือว่าจ้างงานในปกติธุรกิจของนายจ้าง มิใช่งานโครงการ article
เงินโบนัสต้องมีสภาพการเป็นพนักงานจนถึงวันกำหนดจ่าย ออกก่อนไม่มีสิทธิได้รับ article
ระเบียบกำหนดจ่ายเงินพิเศษ ( gratuity ) เนื่องจากเกษียณอายุ โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายแตกต่างจากการจ่ายค่าเชย ถือว่านายจ้างยังไม่ได้จ่ายค่าชดเยตามกฎหมาย article
เจรจาให้ลาออก ลูกจ้างขอค่าชดเชย นายจ้างไม่คุยด้วย แต่ยังไม่ได้บอกเลิกจ้างและยังไม่ปรากฎว่านายจ้างไม่จ่ายค่าจ้างและไม่ให้เข้าทำงานต่อ ยังไม่ถือว่าเป็นการเลิกจ้าง ( อย่าเข้าใจไปเอง ) ไม่มีสิทธิได้ค่าชดเชย article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.

บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด

เลขที่ 511/4 ถนนประชาอุทิศ 117/1 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร (10140)

โทร/Tel : 02 - 8159522, แฟกซ์/Fax : 02 - 8159523, มือถือ/Mobile : 081 - 7936156

อีเมล/E-mail : sawai.prm@gmail.com, เว็บไซต์/Web : www.parameelaw.com