ผุดแนวคิดตั้ง'ตู้'ค้นหาอาชีพเพิ่มช่องทางเข้าถึงงานมากขึ้น
อธิบดีกรมการจัดหางานผุดแนวคิดติดตั้ง "ตู้งาน" ให้ประชาชนค้นหาตำแหน่งงานว่าง เผยอยู่ระหว่างทดลองระบบ ถ้าเห็นผลดีจะเดินหน้าของบประมาณเพื่อนำไปใช้ทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ ยันไม่แพง แค่เครื่องละ 2-3 หมื่น ขณะที่การพิสูจน์ปัญหาแรงงานต่างด้าว 7.9 แสนคนยังไม่คืบหน้า คาดไม่ทันกำหนดชะลอโทษ 180 วัน เสนอ "บิ๊กป้อม" พิจารณาแนวทางผ่อนผันให้ทำงานต่อ
ที่ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย หรือสมาร์ท จ๊อบ เซ็นเตอร์ ในกระทรวงแรงงาน นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ ช่วยรายการในตำแหน่งอธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทยเป็นช่องทางให้คนไทยเข้าถึงตำแหน่งงานที่มีคุณภาพ เพื่อให้มีงานดี มีรายได้มั่นคง รวมทั้งได้รับความคุ้มครอง มีการส่งเสริมการจ้างงานทุกกลุ่มทั้งวัยทำงาน วัยสูงอายุ และคนพิการ ด้วยการใช้
เทคโนโลยีทันสมัยครบวงจร ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559-กันยายน 2560 มีตำแหน่งงานว่าง 534,050 ตำแหน่ง มีคนลงทะเบียนหางาน 428,323 คน ได้บรรจุงาน 335,204 คน
ส่วนในปี 2561 จะเพิ่มช่องทางการเข้าถึงงานได้เร็วขึ้น มีการปรับปรุงแอปพลิเคชัน Smart Job Center เวอร์ชั่น 2 ให้ครอบคลุมและบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลกับภาครัฐผ่านระบบเชื่อมโยงข้อมูลกลางตามแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศ อาทิ กรมการปกครอง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
นายอนุรักษ์กล่าวอีกว่า นอกจากการพัฒนาแอปพลิเคชันหางานและระบบต่างๆ ให้ครอบคลุม รวดเร็วมากขึ้น กกจ.จะให้คนหางานได้เข้าถึงตำแหน่งงานมากขึ้น โดยมีแนวคิดที่จะตั้งตู้ Kios Touch Screen หรือ "ตู้งาน" สำหรับให้ประชาชนใช้ค้นหาตำแหน่งงานว่าง
"ต่อไปนี้คนหางานไม่ต้องเข้ามาที่ศูนย์บริ การจัดหางานฯ ข้าราชการในส่วนนี้จะลดลงและสามารถไปทำงานอื่นได้มากขึ้น โดยการใช้ตู้งานจะมีลักษณะคล้ายตู้เอทีเอ็ม ใช้บัตรประชาชนเสียบเข้าไปเพื่อใช้บริการค้นหางานที่ต้องการ ขณะนี้มีทดลองใช้อยู่ 1 เครื่อง เป็นของสำนักรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (สรอ.) อยู่ที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียง ใหม่ หากใช้งานได้ดี กกจ.จะนำมาใช้งานจริง โดยตั้งเป้าหมายว่าจะให้มีใช้ในทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ ส่วนงบประมาณต่อเครื่องน่าจะใช้ไม่เกิน 2-3 หมื่นบาท หากดีก็ต้องของบสนับสนุน แต่ขณะนี้ยังเป็นเพียงแนวคิดเท่านั้น
นายอนุรักษ์กล่าวด้วยว่า มุ่งเน้นการหางานให้คนไทยมากขึ้น ในขณะเดียวกันจะให้นายจ้างใช้แรงงานต่างด้าวตามความจำเป็น ซึ่งขณะนี้การพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติที่นายจ้างนำมาพิสูจน์ความสัมพันธ์เพื่อขอทำงาน และผ่านการคัดกรองจากกระทรวงแรงงาน 790,000 คน ยังมีปัญหาความล่าช้า โดยเฉพาะกัมพูชากว่า 200,000 คนยังไม่ค่อยคืบหน้า ซึ่งอาจไม่ทันกำหนดชะลอโทษ 180 วัน ตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว พ.ศ.2560 ในวันที่ 31 ธันวาคมนี้
อย่างไรก็ตาม กกจ.มีแผนรองรับไว้แล้ว โดยจะขอให้กระทรวงมหาดไทยใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง มาตรา 17 ผ่อนผันให้แรงงานกลุ่มนี้ทำงานต่อ โดยเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ (กนร.) ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมที่กระทรวงแรงงานเมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อให้มีการพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาความล่าช้าที่เกิดจากการทำงานของประเทศต้นทาง.