คำพิพากษาฎีกาที่ ๓๘๙๕/๕๗
ประกอบธุรกิจ บริการ ด่าลูกค้าด้วยถ้อยคำหยาบคาย " ควาย " ถือเป็นการกระทำความผิดกรณีร้ายแรง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยเมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ตำแหน่งสุดท้ายทำหน้าที่ call center ค่าจ้างอัตราสุดท้ายได้รับเดือนละ ๘,๐๐๐ บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ ๒๘ ของเดือน จำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๔๙ โดยโจทก์ไม่มีความผิด โจทก์มีสิทธิได้ค่าชดเชย ๘,๐๐๐ บาท สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ๑๒,๒๖๗ บาท และค่าจ้างค้างจ่ายโจทก์ตั้งแต่วันที่ ๑ ถึง ๑๒ มกราคม ๒๕๔๙ รวม ๑๒ วัน เป็นเงิน ๓,๒๐๐ บาท ขอให้บังคับให้จำเลยจ่ายค่าสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ๑๒,๒๖๗ บาท ค่าชดเชย ๘,๐๐๐ บาท ค่าจ้าง ๓,๒๐๐ บาท พร้อมออกหนังสือสำคัญแสดงการทำงาน และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑๒,๒๖๗ บาท กับอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๘,๐๐๐ บาท และ ๓,๒๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปให้แก่โจทก์
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า โจทก์พูดจายอกย้อนน้ำเสียงแข็งกระด้าง กับลูกค้า และด่าลูกจ้างว่า " ควาย " เป็นการกระทำทุจริตต่อหน้าที่ จงใจทำให้จำเลยเสียหาย ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน จำเลยจ่ายค่าจ้างค้างจ่ายให้แก่โจทก์แล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยรับจ้างบริษัทสามารถอินโฟเนต จำกัด ทำหน้าที่บริการลูกค้าของบริษัทสามารถอินโฟเนต จำกัด เกี่ยวกับข้อมูลการใช้และการส่งเสริมอินเตอร์เน็ต โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยเมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ตำแหน่งสุดท้ายทำหน้าที่ให้บริการทางโทรศัพท์ call center ค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ ๘,๐๐๐ บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ ๒๘ ของทุกเดือน จำเลยมีระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานตามเอกสารหมาย จ.๙ ในระหว่างการให้บริการแก่ลูกค้า โจทก์พูดคำด่าลูกค้ารายหนึ่งว่า " ควาย " ภายหลังที่มีการวางโทรศัพท์แล้ว และลูกค้ารายนั้นไม่สามารถได้ยินถ้อยคำดังกล่าว แล้ววินิจฉัยว่าถือไม่ได้ว่าการกระทำของโจทก์เป็นเหตุให้จำเลยเสียหาย แต่การกระทำของโจทก์ดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือระเบียบหรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม แต่ยังถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีร้ายแรง เมื่อการกระทำของโจทก์ฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๘๓ จำเลยย่อมมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าตามหนังสือเลิกจ้างเอกสารหมาย ล.๘ เมื่อการกระทำฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานมิใช่เป็นกรณีร้ายแรงแล้ว จำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๑๘ (๑) โจทก์แถลงรับข้อเท็จจริงว่า จำเลยจ่ายค่าจ้างค้างจ่ายแก่โจทก์แล้ว ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย ๘,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้อง ( ฟ้องวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๔๙ ) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยออกหนังสือสำคัญแสดงการทำงานให้แก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีนี้ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ให้คำว่า " ควาย " ภายหลังที่มีการวางสายโทรศัพท์แล้วและลูกค้าไม่สามารถได้ยินคำด่าดังกล่าว
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า การที่โจทก์ด่าลูกค้าว่า ควาย แต่ลูกค้าไม่ได้ยิน เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายเป็นกรณีร้ายแรงหรือไม่นั้น เห็นว่า บริษัทจำเลยได้ประกอบธุรกิจให้บริการทางโทรศัพท์ ( Call Center ) แก่บริษัทสามารถอินโฟเนต จำกัด ดังนั้นมารยาทของพนักงานของบริษัทจำเลยจึงเป็นสิ่งสำคัญในการประกอบกิจการตามหน้าที่การงานของจำเลย การที่โจทก์ด่าลูกค้าว่าควายนั้น แม้ว่าลูกค้าไม่ได้ยิน แต่การกระทำดังกล่าวก็เป็นการใช้กิริยาวาจาหยาบคาย ก้าวร้าว ดูหมิ่น เหยียดหยาม ล่วงเกินลูกค้าในเวลาทำงานและในบริเวณบริษัทจำเลย โดยที่เมื่อพิจารณาจากถ้อยคำที่โจทก์พูดคุยกับลูกค้า ตามเอกสารหมาย ล.๓ ก็ไม่ปรากฏว่า ลูกค้าพูดจาหยาบคาย หรือดูหมิ่นโจทก์ในทางเสียหายก่อน การกระทำของโจทก์จึงเป็นการกระทำที่ร้ายแรงอันเป็นความผิดตามวินัยและการลงโทษทางวินัยของจำเลยข้อ ๔.๑.๖ จำเลยย่อมมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๑๙ ( ๒ ) อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น เมื่อจำเลยไม่จำต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์แล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยประการอื่น เนื่องจากไม่เปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษา
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง.
เรียบเรียงโดย บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด