"เจ็บส้นเท้า" อยู่ ๆก็เจ็บ .. เจ็บนานแล้ว หาสาเหตุไม่เจอ...
มาดูกันค่ะว่า ยังไงกันแน่ จะได้หายเสียทีนะคะ :)
เจ็บส้นเท้า
บทความโดย : หมอแดง ดิอโรคยา
ตื่นนอนขึ้นมา ไม่อยากจะเหยียบพื้น จะเจ็บส้นเท้า ต้องค่อยๆเดินสักพักถึงจะดีขึ้น กินยา ฉีดยา เปลี่ยนถุงเท้า รองเท้าก็แล้ว ก็ยังไม่ยอมหายสักที ก็ลองมาเปลี่ยนวิธีการรักษาดูบ้าง
ถ้าดูจากแผนที่เท้าที่แสดงจุดสะท้อนที่หมอนวดเท้าใช้นวดกดจุด บริเวณส้นเท้าเป็นจุด Sex Gland หรือเป็นจุดสะท้อนของระบบสืบพันธุ์ ของเรา เมื่อมีอาการเจ็บที่บริเวณดังกล่าวนี้ ก็เป็นสัญญาณให้เรารู้ว่ากำลังมีปัญหากับระบบดังกล่าว
“ไต” ทำหน้าที่คุมระบบสืบพันธุ์ ไม่ว่ามดลูก รังไข่ ต่อมลูกหมาก อัณฑะ สมรรถภาพทางเพศ ล้วนแล้วแต่เป็นหน้าที่ของไตที่จะดูแล
ส้นเท้า และเอ็นร้อยหวาย ถูกขนาบข้างด้วยเส้นลมปราณไต และเส้นลมปราณกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งเป็นเส้นลมปราณที่ขนานเป็นคู่กัน เส้นหนึ่งเป็นหยิน(เย็น) อีกเส้นเป็นหยาง(ร้อน)
“ไต” นั้น เป็นธาตุน้ำ ควบคุมน้ำ ไม่ชอบเย็น ไม่ชอบชื้น
เท่าที่พบผู้ที่ปวดส้นเท้า ส่วนใหญ่แล้ว ทำผิดต่อไต ดื่มน้ำโดยไม่ถูกวิธี บางคนดื่มน้ำน้อยไป หรือบางคนดื่มน้ำมากไป น้ำเย็น จะทำให้ไตเสียสมดุล ทำให้ปราณ หรือพลังชีวิต เลือดลม ที่เดินผ่านเส้นลมปราณทั้งสองไม่ดี ขาดสารอาหารที่จะหล่อเลี้ยง ยิ่งถ้าได้รับการบาดเจ็บมาแล้ว ก็จะขาดเลือดลมมาฟื้นฟู เปรียบดั่งแม่น้ำที่เน่าเสีย สรรพสิ่งต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำ หรือริมแม่น้ำ พากันตาย เน่าเสียตามไปด้วยหมด
การที่จะแก้ไข ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอ ถูกเวลา น้ำไม่เย็น นวดเท้า แช่น้ำอุ่น เพื่อให้เลือดลมเดินได้ดี ฟื้นฟูไตให้ทำงานได้ดีขึ้น อาการก็น่าจะดีขึ้น
อาจารย์หญิงท่านหนึ่ง มีอาการเจ็บส้นเท้ามา 3 ปีกว่าแล้ว รักษาโดยการกินยา ฝังเข็ม และฉีดยามาแล้ว 2 ครั้ง แต่ละครั้ง อาการก็หายไปได้ 2 เดือน แล้วก็กลับมาเป็นใหม่ จะไปฉีดอีกครั้งชักจะกลัว ไม่กล้าฉีดอีก ได้แต่กินยาบรรเทาไป เธอว่าปิดเทอมครั้งหน้านี้จะไปให้หมอผ่า ตรวจดูซิว่ามันเป็นอะไรแน่ ทำไมมันไม่หายซักที เข่าก็ชักตึง เหยียดขาไม่ค่อยจะออกแล้ว เวลายืนสอนหนังสือได้สักพัก ก็ต้องขออนุญาตนักเรียน นั่งสอนหนังสือ ยืนไม่ไหว ปวดส้นเท้า และปวดขามาก
เธอดื่มน้ำน้อยมากในแต่ละวัน ส่วนใหญ่จะดื่มในช่วงทานอาหาร มื้อละ 2 แก้ว หลังอาหารเย็นมีน้ำเต้าหู้ด้วย อาหารก็ไม่มีทางย่อยได้เลย ท้องเลยอืดแน่น ลมเต็มท้อง แล้วยังขาดน้ำอีก ทำให้ไตทำงานหนัก ไตจึงเจ็บป่วยได้
ไต กำหนด น้ำ ไตมีส่วนสำคัญกับน้ำในร่างกาย เกี่ยวข้องกับการสร้างน้ำปัสสาวะ การขับถ่ายปัสสาวะต้องอาศัยพลังจากไตปรับสมดุลของน้ำภายในร่างกาย ไตไม่ชอบเย็น ไม่ชอบชื้น ตำแหน่ง “ส้นเท้า” เป็นบริเวณที่เส้นลมปราณของ “ไต” และ “กระเพาะปัสสาวะ” เดินผ่าน เมื่อเกิดอาการเจ็บที่บริเวณนี้ ก็แสดงว่า “ลมปราณ” หรือเลือดลมที่ไหลผ่านเส้นลมปราณทั้ง 2 ติดขัด ไหลเวียนไม่สะดวก ก็จะทำให้แนวเส้นหรือบริเวณที่เส้นลมปราณทั้ง 2 ไหลผ่านเกิดปัญหาเจ็บหรือปวดขึ้นได้ ซึ่งส้นเท้าก็เป็นจุดหนึ่ง
อีกท่านเป็นแม่บ้าน ปวดส้นเท้าซ้ายมา 2-3 เดือนแล้ว รักษาโดยกินยา และฉีดยาเข้าส้นเท้ามาแล้ว 1 เข็ม อาการเจ็บก็ลดลง
นอกจากจะเจ็บส้นเท้าแล้ว ข้อเท้าทั้งสองข้างยังบวมขึ้นมาถึงหน้าแข้ง เท้าจะเย็น ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะมีกลิ่นแรง เวลานวด กดส้นเท้า และน่องเจ็บจะเจ็บมาก ไม่ค่อยชอบน้ำเย็น แต่กินน้ำเต้าหู้ วันละ 2-3 แก้ว นม ส้ม ซึ่งมีฤทธิ์เย็น ทำให้ไตเย็น การขับน้ำจึงทำได้ไม่ดี ข้อเท้าจึงบวมขึ้นมาเป็นสัญญาณเตือน
ก่อนหรือหลังอาหารก็มีน้ำเต้าหู้ หรือไม่ก็ส้ม 2-3 ลูก ทำให้อาหารไม่ย่อย ทำให้ร้อนใน มีอาการคันคอและไอ
คุณสมฤดี สุภาพสตรี วัย 52 ปี น้ำหนัก 86 กิโลกรัม เป็นอีกท่านหนึ่งที่มีอาการเจ็บ ปวดส้นเท้า และเป็นมานาน 4 ปีแล้ว ก็ได้หาหมอรักษากันมาตลอด หมอบอกให้ลดน้ำหนัก ให้เดินบนสายพาน เดินได้พักก็เจ็บเข่า เดินต่อไม่ไหว ไปหาหมออีก หมอก็สั่งให้เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ ผลที่ได้ หมอบอกว่ากระดูก L4-L5 ทรุด ให้ออกกำลังเพื่อจะได้หายทรุด แต่ออกกำลังกายแล้วก็เจ็บเข่าตามที่ว่า ตกลงออกกำลังกายไม่ได้ ก็เลยต้องมีอาการเจ็บเรื่อยมา น้ำหนักก็เพิ่มขึ้นๆ
นอกจากจะเจ็บเข่า เจ็บส้นเท้าแล้ว เธอก็ยังมีอาการเบาหวานก็ต้องกินยาคุมอยู่ “พี่ๆ น้องๆ ก็เป็นกันหมด เป็นกันมา 3 รุ่น ต่อกันมาเป็นกรรมพันธุ์” นี่คือความเข้าใจของผู้คนอีกมากมาย เมื่อเจ็บป่วยขึ้นมา ก็อ้างไว้ก่อนว่า ที่เป็นอย่างนี้ ก็เพราะมีเชื้อจากกรรมพันธุ์เป็นมรดกตกทอดมา ตัวเองจึงต้องเป็น เป็นเรื่องที่ไม่มีทางที่เราจะปฏิเสธ หรือหลีกเลี่ยงได้เลย
“สิ่งที่เราเป็น คือสิ่งที่เราทำ” ขอให้เราต้องเข้าใจ และจดจำ แปลความหมายนี้ให้ออก
เธอดื่มน้ำเย็นทุกวัน ใส่น้ำแข็ง ชอบดื่มน้ำชาแถมใส่น้ำแข็งด้วย ทานอาหารก็มีน้ำชาใส่น้ำแข็ง หรือน้ำเย็นตลอด อาหารก็ไม่ย่อย มื้อเช้าตื่นขึ้นมาก็กาแฟก่อนเลย 1 แก้ว สักพัก รับประทานธัญพืชใส่นม ขนมปังตามแบบฝรั่ง อาหารก็ไม่ย่อยแต่เช้าแล้ว เพราะนมเข้าไปดับไฟย่อยหมดแล้ว
การที่จะแยกร่างกาย โดยดูแต่ “ส้นเท้า” ที่เจ็บป่วยจุดเดียวนั้น คงหายไม่ได้ ร่างกายมนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักร ที่ตรงไหนเสีย หรือชำรุด ก็เปลี่ยนออก หรือแก้ไขเฉพาะจุด ร่างกายมนุษย์สุดประเสริฐนั้นเป็นหนึ่งเดียว ไม่สามารถจะแยกออกเป็นชิ้นๆ ได้ ต้องประกอบกันเป็นองค์รวม ให้ทุกส่วนทำงานประสานกัน ส้นเท้าเป็นบริเวณที่เส้นลมปราณของไต และกระเพาะปัสสาวะไหลผ่าน ถ้าการไหลเวียนของลมปราณติดขัด ส้นเท้าก็ย่อมเจ็บป่วยไปด้วย เหมือนคนที่ขาดอาหารหล่อเลี้ยง
*****การที่จะแก้ไขอาการปวดส้นเท้า ต้องดูแลไตจัดการดื่มน้ำให้ถูกต้อง ถูกเวลา ไม่ดื่มน้ำเย็นหรืออาหารที่มีฤทธิ์เย็นมากๆ ทำให้ไตพร่อง ขาดพลัง ดูแลให้กระเพาะย่อยอาหารได้ดี เพื่อให้การย่อยอาหารได้ดี จะได้ไม่เกิดของเสีย และแก๊สขึ้นในร่างกาย นวดเท้าเพื่อฟื้นฟูไต กระตุ้นเลือดลมให้ไหลเวียนได้ดี เท่านี้ส้นเท้าที่เจ็บปวดอยู่ก็จะหายได้*******
…........................
วิธีการบำบัด โรคเกี่ยวกับไต
ปรับพฤติกรรมการทานให้ถูกต้อง
- ตื่นนอนดื่ม 2-3 แก้ว ช่วยให้เลือดไม่ข้น ห่างไกลโรคหัวใจ และไล่ของเสียออกจากร่างกาย
- ระหว่างวัน แบ่งดื่มให้ได้ วันละ 1.5-2 ลิตร โดยวิธีการแบ่งดื่มครั้งละ ครึ่งแก้ว เพื่อให้ร่างกายค่อยๆดูดซึม ไม่เป็นภาระของไต (การเกิดนิ่วก็เหมือนการไหลเวียนของน้ำไม่ค่อยดี น้ำน้อย หรือข้น เกิดการตกตะกอนจนกลายเป็นนิ่วได้ )
- ก่อนและหลังอาหาร 20 นาที ไม่ควรดื่มน้ำเกินครึ่งแก้ว เพื่อรักษาความเข้มข้นของน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร
- ก่อนนอน ไม่ดื่มน้ำเกินครึ่งแก้ว เพื่อลดการทำงานของไต
- งดการดื่มน้ำประเภทอื่น ชา กาแฟ หรือแม้กระทั้่งยาอาหารเสริมที่เกิดจากการสังเคราะห์ วิตามินสังเคราะห์ต่างๆ จะเป็นตัวที่ทำให้เกิดนิ่วที่ไตได้
เจ็บส้นเท้า สัญญาณของโรคไต.jpg