คำพิพากษาฎีกาที่ ๖๕๐๓/๕๗
ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่คู่ความอ้างส่งศาลได้ แม้มิได้ระบุบัญชีพยานไว้ก็ตาม
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๐ จำเลยจ้างโจทก์เข้าทำงานในตำแหน่งหัวหน้าแผนกสนับสนุน ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ ๒๐,๐๐๐ บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ ๒๙ ของเดือน ระหว่างทำงานจำเลยค้างจ่ายค่าจ้างโจทก์ตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๕๐ ถึงเดือนมกราคม ๒๕๕๒ รวมเป็นเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท ต่อมาเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ จำเลยได้ให้โจทก์ลาหยุดโดยไม่ได้รับเงินเดือนและให้ไปหางานใหม่ เนื่องจากจำเลยไม่มีเงินจ่ายค่าจ้าง ถือว่าเป็นการเลิกจ้างโจทก์ โจทก์ทำงานมา ๒ ปี แต่ยังไม่ครบ ๓ ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชย ๙๐ วัน เป็นเงิน ๖๐,๐๓๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้าง ๑๕๐,๐๐๐ บาท ค่าชดเชย ๖๐,๐๓๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยไม่ให้การ
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระค่าจ้างค้างจ่าย ๑๕๐,๐๐๐ บาท และค่าชดเชย ๖๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยจ้างโจทก์ทำงานในตำแหน่งหัวหน้าแผนกสนับสนุนได้รับค่าจ้างเดือนละ ๒๐,๐๐๐ บาท จำเลยค้างจ่ายค่าจ้างตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๕๐ ถึงเดือนมกราคม ๒๕๕๒ เป็นเงิน ๑๕๘,๙๙๘.๓๗ บาท เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์มิได้กระทำความผิด จำเลยจะต้องจ่ายค่าชดเชยเป็นเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท ปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ว่า โจทก์มิได้อ้างเอกสารหมาย จ.๑ ถึง จ.๔ ไว้ในบัญชีระบุพยาน และมิได้ส่งสำเนาเอกสารให้จำเลยศาลแรงงานกลางรับฟังเอกสารดังกล่าว ฝ่าฝืนกฎหมายนั้น เห็นว่า เมื่อโจทก์เบิกความประกอบเอกสารหมาย จ.๑ ถึง จ.๔ และส่งเอกสารดังกล่าวเป็นพยาน ศาลแรงงานกลางรับไว้เป็นพยานโจทก์และนำมาวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีเช่นนี้ถือว่า ศาลแรงงานกลาง เห็นว่า เป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี แม้โจทก์มิได้ระบุอ้างเอกสารดังกล่าวไว้ในบัญชีระบุพยานและมิได้ส่งสำเนาให้จำเลยก็ตาม ศาลแรงงานกลางก็มีอำนาจรับฟังเอกสารหมาย จ.๑ ถึง จ.๔ เป็นพยานหลักฐานโจทก์ได้ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๕ วรรคหนึ่ง อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปีนั้น เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยไม่จ่ายค่าจ้างและค่าชดเชยแก่โจทก์ตามกำหนดจำเลยย่อมตกเป็นผู้ผิดนัด โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน
พิพากษายืน.
เรียบเรียงโดย บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด