ReadyPlanet.com
dot dot
dot
ชมรมบริหารงานบุคคล
dot
bulletสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย
bulletชมรมบริหารงานบุคคล
bulletชมรมบริหารงานบุคคล อยุธยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลรังสิต
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคล อมตะนคร
bulletสมาคมการบริหารงานบุคคล (PAAs)
bulletชมรมบริหารงานบุคคลบางพลี
bulletชมรมนักบริหารงานบุคคลพัทยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลยุคใหม่
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคลจังหวัดราชบุรี
bulletงานบริหารงานบุคคล
bulletชมรมงานบริหารงานบุคคลกรุงเทพฯ
bulletชมรมบริหารงานบุคลสุขสวัสดิ์
dot
ติดต่อราชการศาล
dot
bulletศาลแรงงานกลาง
bulletศาลแรงงานภาค ๒
bulletศาลยุติธรรม
bulletศาลปกครอง
bulletศาลรัฐธรมนูญ
bulletสำนักงานอัยการสูงสุด
bulletกระทรวงยุติธรรม
bulletคณะกรรมการกฤษฎีกา
bulletกรมบังคับคดี
bulletสภาทนายความ
dot
หน่วยงานราชการสำคัญ
dot
bulletกระทรวงแรงงาน
bulletกรมการจัดหางาน
bulletกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
bulletกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
bulletสำนักงานประกันสังคม
bulletกรมสรรพากร
bulletกรมบัญชีกลาง
bulletกรมพัฒนาธุรกิจกาค้า
bulletกระทรวงอุตสาหกรรม
bulletกรมโรงงานอุตสาหกรรม
bulletกรมส่งเสริมอุตสาหรม
bulletการนิคมอุตสาหกรรม
dot
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน
dot
bulletสมบัติลีกัล
bulletเอกเซลสำหรับงาน HR โดย อ.สำเริง
bulletบทความดี ๆ จากโกป้อม
dot
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
dot
dot
Newsletter

dot


พยากรณ์อากาศวันนี้
..................................


ราคาน้ำมันวันนี้
..................................



ทำสัญญาจ้างต่างด้าวทำงานในอาชีพต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว สัญญาจ้างถือเป็นโมฆะ article

  คำพิพากษาฎีกาที่    1809/57

   ทำสัญญาจ้างต่างด้าวทำงานในอาชีพต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว  สัญญาจ้างถือเป็นโมฆะ

 

                โจทก์ฟ้องว่า  เมื่อวันที่ 5  พฤศจิกายน  2545  จำเลยทำสัญญาว่าจ้างโจทก์เข้าทำงานตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจต่างประเทศของจำเลย ค่าจ้างเดือนละ 5,500 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา  ค่าที่พักและค่าเดินทางเดือนละ  1,500  ดอลลาร์สิงคโปร์  คิดอัตราแลกเปลี่ยนเงินแต่ละสกุลเป็นสกุลเงินบาทแล้วระหว่างโจทก์กับจำเลยถือปฏิบัติการจ่ายอัตราค่าจ้าง  และค่าที่พักอาศัยให้แก่โจทก์เดือนละ  250,000  บาท  กำหนดระยะเวลาการจ้าง 3 ปี นับแต่วันที่  1  ธันวาคม  2545  ตามสัญญาจ้างเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3  เมื่อโจทก์ทำงานกับจำเลยครบกำหนดตามสัญญาจ้าง  จำเลยยังคงว่าจ้างโจทก์ทำงานกับจำเลยต่อไปอีกตามข้อตกลงในสัญญาจ้างเดิมทุกประการ  ต่อมาเมื่อวันที่ 10  กันยายน  2549  จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยมีสาเหตุจากการที่โจทก์ทวงถามค่าจ้างที่จำเลยค้างจ่ายโจทก์นับแต่เดือนมกราคม2547  จนถึงมิถุนายน  2549  จำเลยจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์เพียงเดือนละ  200,000  บาท  ยังคงค้างจ่ายค่าจ้างโจทก์ช่วงดังกล่าวอยู่เดือนละ  50,000  บาท  ค้างจ่ายค่าจ้างเดือนกรกฎาคม  สิงหาคม 2549 เดือนละ  51,838  บาท  และ 91,868 บาท ตามลำดับ  ขณะถูกจำเลยเลิกจ้าง  โจทก์ทำงานกับจำเลยมาแล้วเกินกว่า  3  ปี  จึงมีสิทธิได้รับค่าชดเชย  180  วัน  เป็นเงิน  1,500,000  บาท  และมีสิทธิได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน  30  วัน  เป็นเงิน  250,000  บาท  นอกจากนี้จำเลยยังค้างจ่ายค่าจ้างเดือนกันยายน  2549  แก่โจทก์อีก  10  วัน  เป็นเงิน  83,333  บาท  ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างค้างจ่ายจำนวน  1,677,009  บาท  ค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน  1,750,000  บาท  พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปีของต้นเงินนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

 

                จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า  สัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 นายคอวฮ์ ฮอง  พิน  กรรมการคนหนึ่งของจำเลยทำกับโจทก์ที่ประเทศสิงคโปร์โดยกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยคนอื่นไม่ทราบเรื่องและมิได้ประทับตราสำคัญของจำเลย  จึงไม่ผูกพันจำเลย  นอกจากนี้สัญญาจ้างดังกล่าวไม่ได้เป็นการจ้างโจทก์มาทำงานในตำแหน่งตามที่ระบุไว้ในสัญญาแต่เป็นการจ้างโจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวมาเป็นช่างตัดผมในประเทศไทย  อันเป็นอาชีพที่กฎหมายห้ามคนต่างด้าวทำ  สัญญาดังกล่าวจึงมีวัตถุประสงค์ที่ขัดต่อกฎหมายและความสงบเรียบร้อย จึงตกเป็นโมฆะไม่อาจมีผลบังคับใช้ได้มาแต่ต้น  เนื่องจากโจทก์กับนายคอวฮ์  ฮอง  พิน  กรรมการของจำเลยที่ทำสัญญาจ้างกับโจทก์  มีข้อตกลงกันว่าในการทำหน้าที่ของโจทก์  โจทก์จะทำรายได้ให้แก่จำเลย  4  เท่าของเงินเดือนซึ่งไม่น้อยกว่า 1,000,000  บาท  แต่เมื่อโจทก์มาทำงานกับจำเลย โจทก์ไม่สามารถทำให้จำเลยมีรายได้ถึง 1,000,000 บาท และจากการที่โจทก์ไม่สามารถทำรายได้แก่จำเลยตามจำนวนที่ตกลงไว้ ประกอบกับจำเลยต้องจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์สูงจึงทำให้จำเลยประสบภาวะขาดทุนตลอดมา  ต่อมาในเดือนมกราคม  2547  โจทก์ตกลงให้จำเลยลดค่าจ้างลงเหลือเดือนละประมาณ  210,000  บาท  แต่จำเลยก็ยังขาดทุนตลอดมา  เมื่อโจทก์ไม่สามารถทำให้จำเลยมีกำไรขึ้นมาได้ในเดือนมีนาคม  2548  โจทก์จึงขอเข้าเป็นกรรมการผู้มีอำนาจและเป็นผู้ถือหุ้นของจำเลย  และจำเลยดำเนินการจดทะเบียนให้โจทก์เข้าเป็นกรรมการผู้มีอำนาจและเป็นผู้ถือหุ้นคนหนึ่งของจำเลย  จึงทำให้โจทก์พ้นสภาพการเป็นลูกจ้างกลับเป็นนายจ้างแทน แต่โจทก์ยังคงให้จำเลยจ่ายค่าจ้างเดือนละประมาณ  210,000  บาทอยู่ตลอดมา  ต่อมาประมาณเดือนมิถุนายน  2549  โจทก์เสนอซื้อกิจการของจำเลยในราคา  7,000,000  บาท  และได้ชำระเงินแก่จำเลยบางส่วนเป็นจำนวนเงินประมาณ  100,000  บาท  แต่ไม่ได้ชำระเงินที่เหลือให้แก่จำเลยอีกและโจทก์ได้ไปเปิดกิจการร้านตัดผมและทำผมแข่งกับจำเลยโดยอยู่ห่างจากร้านของจำเลยเพียง  200 เมตร ใช้ชื่อร้านเลียนแบบชื่อร้านของจำเลยทั้งขโมยข้อมูลลูกค้าของจำเลยไปและส่งข้อความไปที่โทรศัพท์มือถือของลูกค้าจำเลยว่าจำเลยเลิกกิจการแล้ว  และไปเปิดกิจการใหม่ที่ร้านของโจทก์  ดังนั้นจำเลยจึงไม่ได้ติดค้างเงินค่าจ้างโจทก์  และโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าจ้างจากจำเลยในฐานะลูกจ้างอีกต่อไป  จำเลยไม่ได้เลิกจ้างโจทก์  แต่โจทก์ไม่มาทำงานกับจำเลยเอง  โดยโจทก์มาทำงานวันสุดท้ายในวันที่  11  กันยายน  2549  แล้วขาดงานไปเกินกว่า  3  วัน  ติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควรแล้วไม่กลับมาทำงานอีกเลย  โดยไม่แจ้งจำเลยถึงสาเหตุที่ไม่กลับมาทำงาน จำเลยได้ทำการตรวจสอบพบว่าโจทก์แอบไปเปิดกิจการร้านตัดผมแข่งขันกับจำเลยตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2549 ทั้งโจทก์ได้ยักยอกเงินของจำเลยไปจำนวน  20,000  บาท  และยักยอกอุปกรณ์ทำผมของจำเลยไปหลายรายการคิดเป็นเงิน 5,400 บาท  โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจากจำเลย สำหรับค่าจ้างตั้งแต่เดือนมกราคม 2547 จนถึงเดือนตุลาคม  2547  ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยค้างชำระนั้นโจทก์ไม่ได้ฟ้องภายใน  2  ปี  จึงขาดอายุความ  เมื่อโจทก์เข้าเป็นกรรมการผู้มีอำนาจและเป็นผู้ถือหุ้นคนหนึ่งของจำเลยเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2548 แล้ว  โจทก์จึงพ้นสภาพการเป็นลูกจ้างของจำเลยไปเป็นนายจ้างแทนนับแต่เดือนมีนาคม  2548  เป็นต้นมา  โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกร้องเงินในส่วนอื่นๆ จากจำเลยได้ ดังนั้นจำนวนเงินที่พิพาทกันจึงมีเพียง 4 เดือนคือเดือนพฤศจิกายน  2547  ถึงเดือนกุมภาพันธ์  2548  เท่านั้น  ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเนื่องจากไม่ได้บรรยายฟ้องว่ากำหนดวันที่จำเลยต้องจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์เป็นวันที่เท่าใดและจำเลยผิดนัดไม่จ่ายค่าจ้างหรือติดค้างค่าจ้างโจทก์เมื่อใด  ทำให้จำเลยไม่เข้าใจฟ้องของโจทก์พอที่จะต่อสู้คดีได้  การที่สัญญาจ้างตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข  3  ตกเป็นโมฆะคู่สัญญาต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม  โจทก์จึงต้องคืนเงินค่าจ้างทั้งหมดที่จำเลยจ่ายให้แก่โจทก์รวมเป็นเงิน  9,970,000  บาท  การที่โจทก์ประกอบกิจการค้าอย่างเดียวกับจำเลยเป็นคู่แข่งกับจำเลยจึงเป็นการผิดสัญญาจ้างตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข  3  และเป็นการทำละเมิดต่อจำเลย  และการที่โจทก์ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยทำกิจการค้าขายอันมีสภาพเป็นอย่างเดียวกันกับจำเลยจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1168 ทั้งโจทก์ได้ลักข้อมูลลูกค้าของจำเลยไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย  จำเลยขอเรียกร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน  7,000,000  บาท  นอกจากนี้โจทก์ต้องคืนเงินที่ยักยอกไปจำนวน  20,000  บาท  และอุปกรณ์ทำผมที่ยักยอกไปคิดเป็นเงิน  5,400  บาท  แก่จำเลย  ขอให้ยกฟ้องและให้บังคับโจทก์ชำระเงินจำนวน  16,995,400  บาท  พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปี  นับจากวันฟ้องแย้งจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย  ตลอดจนห้ามมิให้โจทก์ประกอบการค้าตัดผมและทำผมแข่งขันกับจำเลย 

 

                โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า  สัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยชอบด้วยกฎหมาย  นายคอวฮ์  ฮอง  พิน  ได้ลงนามในสัญญาในฐานะที่เป็นกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยโดยโจทก์และจำเลยได้ถือปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญามาโดยตลอดไม่เคยมีการโต้แย้งเงื่อนไขต่างๆ  จึงเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลผูกพันระหว่างโจทก์กับจำเลย โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลย และได้ทำงานให้แก่จำเลยตามวัตถุประสงค์ของสัญญาแล้วโจทก์ย่อมมีสิทธิได้รับค่าจ้างตามข้อตกลงจากจำเลย  โจทก์จึงไม่ต้องคืนเงินค่าจ้างตามฟ้องแย้ง  สัญญาจ้างตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข  3  เป็นการว่าจ้างโจทก์เข้าทำงานในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจต่างประเทศไม่ใช่เข้าทำงานเป็นช่างตัดผม  จึงไม่มีวัตถุประสงค์ใดๆ  ที่ขัดต่อกฎหมาย  โจทก์ไม่เคยตกลงกับจำเลยว่าจะทำให้จำเลยมีรายได้เดือนละไม่น้อยกว่า 1,000,000 บาท เพราะงานในตำแหน่งหน้าที่ของโจทก์นั้นเป็นเพียงงานส่วนหนึ่งในการประกอบธุรกิจของจำเลย  การที่จำเลยจะสามารถทำรายได้ให้มีจำนวนมากนั้นขึ้นอยู่กับคณะกรรมการซึ่งเป็นผู้บริหารของจำเลย  หาใช่ขึ้นอยู่กับโจทก์  โจทก์กับจำเลยไม่เคยตกลงลดเงินเดือนของโจทก์ลงมาเหลือ 210,000  บาท  จำเลยไม่ได้ประสบภาวะขาดทุน  ตลอดระยะเวลาที่โจทก์ทำงานกับจำเลย  จำเลยมีกำไรตลอดมา  โจทก์ถือหุ้นของจำเลยไว้จำนวน  20,000  หุ้น  และเข้าเป็นกรรมการของจำเลยเมื่อเดือนสิงหาคม  2549  การกระทำดังกล่าวไม่ได้ทำให้โจทก์พ้นสภาพจากการเป็นลูกจ้างของจำเลย โจทก์ไม่เคยเสนอซื้อกิจการของจำเลย เนื่องจากไม่มีความสามารถที่จะซื้อได้  โจทก์ไม่เคยไปเปิดกิจการร้านตัดผมทำผมแข่งกับจำเลยและไม่เคยลักข้อมูลลูกค้าของจำเลยและไม่เคยกระทำการใดๆ  ตามฟ้องแย้ง  สำหรับเงินจำนวน  20,000  บาท  และอุปกรณ์ทำผม  ที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ยักยอกไปนั้นไม่มีมูลความจริง เงินจำนวน 20,000 บาท  เป็นส่วนหนึ่งของเงินเดือนโจทก์ของเดือนกรกฎาคม  2549  ซึ่งโจทก์ได้รับโดยถูกต้องตามกฎหมาย  และจำเลยยังค้างชำระโจทก์อยู่อีก  ส่วนอุปกรณ์ทำผมนั้นเป็นของใช้ส่วนตัวของโจทก์เมื่อโจทก์ไม่ได้ทำงานกับจำเลยแล้ว  โจทก์สามารถนำกลับไปได้และกรณีดังกล่าวไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมจึงไม่อยู่ในอำนาจของศาลแรงงานที่จะพิจารณาฟ้องแย้งส่วนนี้ได้  ขอให้ยกฟ้องแย้ง

 

                ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว  พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้างที่ค้างจ่ายของเดือนตุลาคม  2547  ถึงมิถุนายน  2549  และกรกฎาคมถึงกันยายน  2549  รวมเป็นเงินจำนวน  1,071,104  บาท  พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปี  นับแต่วันฟ้อง  (วันที่  20  ตุลาคม  2549)  จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์  คำขออื่นของโจทก์นอกจากนี้ให้  ยกฟ้องแย้งจำเลย

 

                    จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
 

           ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว  ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า  จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด  มีนายคอวฮ์  ฮอง  พิน  นางสาวเทย์  เลย์  อิง  แคทเทอรีน นายกฤตกร  รัตโนภาส  และโจทก์เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยตามหนังสือรับรองเอกสารหมาย จ.1 นายคอวฮ์ ฮอง พิน  ทำสัญญาจ้างโจทก์ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นเข้าทำงานเป็นลูกจ้างของจำเลยมีกำหนด  3  ปี  นับตั้งแต่วันที่  1  ธันวาคม  2545  เป็นต้นไป  อัตราค่าตอบแทน  5,500  ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา  ค่าที่พักและค่าเดินทางอีกเดือนละ  1,500  ดอลลาร์สิงคโปร์  ตามสำเนาสัญญาจ้างเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข  3  พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย  หลังทำสัญญาโจทก์มาทำงานที่ร้านตัดผมของจำเลย  ชื่อร้านแฮร์เอกซ์เพรส  (HAIR EXPRESS)  ตั้งอยู่ที่ซอยทองหล่อ  ถนนสุขุมวิท  กรุงเทพมหานคร  โดยทำหน้าที่เป็นช่างตัดผม  ในแต่ละเดือนจำเลยจ่ายค่าจ้างรวมค่าที่พักอาศัยและค่าขนส่งเดินทางให้โจทก์เป็นเงินไทยเดือนละ  250,000  บาท  เมื่อโจทก์ทำงานครบกำหนดเวลาตามสัญญาจ้าง  จำเลยคงว่าจ้างโจทก์ทำงานต่อไปอีกตามข้อตกลงในสัญญาจ้างเดิมตั้งแต่เดือนมกราคม  2547 ถึงมิถุนายน 2549 จำเลยจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์เดือนละ  209,805  บาท  ในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม  2549  จำเลยจ่ายค่าจ้างไม่ครบ  250,000  บาท  เดือนกรกฎาคมขาดไป  51,838  บาท  เดือนสิงหาคม  91,838  บาท  โจทก์ทำงานกับจำเลยวันสุดท้ายวันที่  11  กันยายน  2549  โดยจำเลยยังไม่ได้จ่ายค่าจ้างเดือนดังกล่าว  หลังจากไม่ได้มาทำงานกับจำเลย  โจทก์ไปเป็นช่างตัดผมที่ร้านแฮร์รีเควส  (HAIR  REQUEST)  ตั้งอยู่ปากซอยทองหล่อ  ในการทำงานกับจำเลย  จำเลยได้ดำเนินการขอใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยให้แก่โจทก์ตามสำเนาใบอนุญาตทำงาน  เอกสารหมาย  จ.4  และร้านตัดผลของจำเลยจะให้บริการตัดผมและทำเคมีผลให้แก่ลูกค้าเท่านั้น

 

                คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า  สัญญาจ้างตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข  3  เป็นโมฆะหรือไม่  จำเลยต้องรับผิดชำระเงินตามสัญญาแก่โจทก์หรือไม่และโจทก์ต้องคืนเงินค่าจ้างทั้งหมดที่จำเลยจ่ายให้โจทก์จำนวน  9,970,000  บาท  ตามฟ้องแย้งแก่จำเลยหรือไม่  สำหรับปัญหาว่าสัญญาจ้างตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข  3  เห็นว่า  แม้สัญญาจ้างตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข  3  ระบุจำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างในตำแหน่งผู้จัดการส่วนเทคนิคก็ตาม  แต่ปรากฏว่าศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าโจทก์เป็นชาวญี่ปุ่น หลังทำสัญญาดังกล่าวโจทก์ได้ทำหน้าที่เป็นช่างตัดผมที่ร้านตัดผมของจำเลย  เมื่อการทำงานของคนต่างด้าวในประเทศไทยมีกฎหมายเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวที่ใช้บังคับขณะเกิดเหตุคดีนี้คือพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว  พ.ศ.  2521  มาตรา  5  ได้กำหนดบทนิยามของคำว่า  “คนต่างด้าว”  หมายความว่า  “บุคคลธรรมดาซึ่งไม่มีสัญชาติไทย”  และขอคำว่า  “การทำงาน”  หมายความว่า การทำงานโดยใช้กำลังกายหรือความรู้ด้วยประสงค์ค่าจ้างหรือประโยชน์อื่นใดหรือไม่ก็ตาม”  และมาตรา  6  ได้กำหนดว่างานใดที่ห้ามคนต่างด้าวทำในท้องที่ใด  เมื่อใด  โดยห้ามเด็ดขาดหรือห้ามโดยมีเงื่อนไขอย่างใดเพียงใดให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา และต่อมาได้มีการออกพระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ. 2522 ในมาตรา 4 ว่า ให้กำหนดงานในอาชีพหรือวิชาชีพตามที่ระบุไว้ในบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ เป็นงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำเพื่อเป็นการค้าหรือหารายได้โดยเด็ดขาดในทุกท้องที่ในราชอาณาจักร  ซึ่งปรากฏว่า  “งานตัดผม  หรืองานเสริมสวย”  ได้ถูกกำหนดไว้เป็นอาชีพหรือวิชาชีพในลำดับ  (10)  ของบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้านทำ พ.ศ. 2522  โดยกฎหมายเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวที่ห้ามคนต่างด้าวทำงานในอาชีพหรือวิชาชีพดังกล่าวมีเจตนารมณ์เพื่อสงวนอาชีพบางประเภทไว้ให้คนไทยทำ และป้องกันคนต่างด้าวเข้ามาแย่งอาชีพคนไทย ภายใต้หลักการคุ้มครองโอกาสในการประกอบอาชีพของคนไทยและคำนึงถึงประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐและเศรษฐกิจของประเทศ  อันเป็นกฎหมายที่มีการจำกัดเสรีภาพหรือโอกาสในการประกอบอาชีพในประเทศไทยของคนต่างด้าวที่มีผลใช้บังคับอยู่ในขณะประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พุทธ ศักราช  2540  ในบทเฉพาะกาล  มาตรา  335 (1)  ได้รับรองให้มีผลใช้บังคับได้  มาตรา  29  และ  50  เมื่อจำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นเข้าทำงานเป็นลูกจ้างทำหน้าที่เป็นช่างตัดผมที่ร้านตัดผมของจำ เลย  โดยตกลงให้ค่าจ้างเป็นเงินเดือน  จึงถือได้ว่าโจทก์ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นเป็นคนต่างด้าวตามบทนิยามของคนต่างด้าวตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว  พ.ศ.  2521  และงานที่โจทก์ทำตามสัญญาจ้างตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3  เป็นอาชีพหรือวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำเพื่อเป็นการค้าหรือหารายได้โดยเด็ดขาดในทุกท้องที่ในราชอาณาจักรตามพระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ. 2522 ทั้งยังปรากฏข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติอีกว่าในการเข้ามาทำงานในประเทศไทยของโจทก์ครั้งนี้  โจทก์กับจำเลยได้ทำสัญญาจ้างดังกล่าวโดยระบุว่าให้โจทก์ทำงานในตำแหน่งผู้จัดการส่วนเทคนิค ซึ่งเป็นงานที่ไม่ห้ามคนต่างด้าวทำโดยเด็ดขาด โดยมีการขออนุญาตทำงานดังกล่าวอย่างถูกต้อง แต่ความจริงปรากฏตามข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วว่า จำเลยจ้างโจทก์ทำงานเป็นช่างตัดผม จึงย่อมแสดงให้เห็นว่าคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายได้กระทำการทำสัญญาจ้างโดยมีเจตนาที่ไม่สุจริตมาแต่แรกด้วยการขออนุญาตมาทำงานในอาชีพหรือวิชาชีพที่ไม่ต้องห้ามโดยเด็ดขาดเพื่อให้ได้รับอนุญาตแล้วมาแอบหลบเลี่ยงทำงานในอาชีพหรือวิชาชีพที่ต้องห้ามตามกฎหมายโดยชัดแจ้ง  สัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข  3  จึงเป็นการจ้างโจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวทำงานตัดผมอันเป็นอาชีพหรือวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำเพื่อเป็นการค้าหรือหารายได้โดยเด็ดขาด สัญญาจ้างตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 ที่โจทก์ทำกับจำเลยจึงเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย จึงตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา 150 ดังนั้นสัญญาจ้างดังกล่าวจึงไม่มีผลบังคับให้จำเลยต้องปฏิบัติตาม จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระเงินตามสัญญาแก่โจทก์  ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษา  ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย  ส่วนปัญหาว่าโจทก์ต้องคืนเงินค่าจ้างทั้งหมดที่จำเลยจ่ายให้โจทก์หรือไม่ เห็นว่า เมื่อสัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายตกเป็นโมฆะ และการที่จำเลยชำระเงินค่าจ้างจำนวน  9,970,000  บาท  แก่โจทก์ซึ่งถือเป็นการชำระเงินตามสัญญาจ้างดังกล่าว ย่อมเป็นการชำระหนี้อันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมายต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  บรรพ  2  ลักษณะ  4  ด้วยลาภมิควรได้  มาตรา  411  บัญญัติว่า  “บุคคลใดได้กระทำการเพื่อชำระหนี้เป็นการอันฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมายหรือศีลธรรมอันดี  ท่านว่าบุคคลนั้นหาอาจจะเรียกร้องคืนทรัพย์ได้ไม่”  ดังนั้นจำเลยจึงไม่อาจเรียกเงินดังกล่าวคืนจากโจทก์ฐานลาภมิควรได้  โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดชำระเงินคืนให้แก่จำเลยที่ศาลแรงงานกลางพิพากษามาแล้ว  ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล  อุทธรณ์ของจำเลยในข้อนี้จึงฟังขึ้นบางส่วน

 

                พิพากษาแก้เป็นว่า  ให้ยกคำพิพากษาศาลแรงงานกลางที่ให้จำเลยจ่างค่าจ้างค้างจ่ายของเดือนตุลาคม  2547  ถึงเดือนมิถุนายน  2549  และเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน  2549  รวมเป็นเงิน  1,071,104  บาท  พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปี  นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์  นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

 
 

       เรียบเรียงโดย บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด




อัพเดท ฎีกาน่าสนใจ

ขึ้นทะเบียนรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเกิน ๓๐ วัน ยังมีสิทธิได้รับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานได้ article
ลักษณะความผิดเดียวกัน แต่ระดับความร้ายแรงแตกต่างกัน นายจ้างพิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ผู้จัดการสาขา เสนอรายชื่อลูกค้าที่ขาดคุณสมบัติทำประกันชีวิต ถือว่าจงใจทำให้นายจ้างเสียหาย / ผิดร้ายแรง article
หยุดกิจการชั่วคราวตาม มาตรา ๗๕ article
สัญญาจ้างเป็นสัญญาต่างตอบแทน นายจ้างออกค่าใช้จ่ายในการเข้าทดสอบเพื่อรับเกียรติบัตร เมื่อทดสอบผ่านต้องทำงานกับนายจ้าง ๕ ปี บังคับใช้ได้ article
ศาลแรงงานกลางมีอำนาจสั่งรับพยานเอกสารได้ แม้ไม่ได้ส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายก็ตาม article
ประกอบธุรกิจแข่งขัน / ไปทำงานกับนายจ้างอื่น ในลักษณะผิดต่อสัญญาจ้าง เมื่อลูกจ้างได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้างตามสัญญาแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะบังคับ / ห้ามทำงานตามเงื่อนไขในสัญญาจ้างอีกต่อไป article
คดีแรงงานเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้คดีอาญายกฟ้อง แต่พฤติกรรมการกระทำผิด เป็นเหตุให้นายจ้างไม่อาจไว้วางใจในการทำงานได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
เลิกจ้างเนื่องจากปรับโครงสร้างองค์กร แต่กำหนดรายชื่อไว้ล่วงหน้า ถือเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม article
การหักลบกลบหนี้ หนี้อันเกิดจากสัญญาจ้าง กรณีลูกจ้างกระทำผิดกับสิทธิประโยชน์ที่มีสิทธิได้รับตามสัญญาจ้าง ถือเป็นมูลหนี้อันเป็นวัตถุอย่างเดียวกันหักลบกลบหนี้กันได้ article
เล่นการพนันฉลากกินรวบ เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กรณีร้ายแรง article
กรณีไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจแข่งขันหรือไม่ถือว่าทำงานกับนายจ้างใหม่ในลักษณะธุรกิจเดียวกับนายจ้าง article
สัญญาฝึกอบรม นายจ้างกำหนดเบี้ยปรับได้ เป็นสัญญาที่เป็นธรรม article
ค้ำประกันการทำงาน หลักประกันการทำงาน การหักลบกลบหนี้ค่าเสียหายจากการทำงาน article
ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์แต่ตนเอง เรียกรับเงินจากลูกค้า ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ article
ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา มาทำงานสายประจำ ถือว่า กระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สหภาพแรงงานทำบันทักข้อตกลงเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างกับนายจ้าง อันส่งผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ของสมาชิก ขัดกับข้อตกลงเดิมและมิได้ขอมติที่ประชุมใหญ่ ข้อตกลงดังกล่าวไม่อาจใช้บังคับได้ article
ขอเกษียณอายุก่อนกำหนดตามประกาศ ถือเป็นการสมัครใจเลิกสัญญาจ้างแรงงานต่อกัน มิใช่การเลิกจ้างหรือการเกษียณอายุ จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยตามระเบียบกรณีเกษียณอายุ article
สถาบันวิจัยอันเป็นส่วนหนึ่งของกิจการมหาวิทยาลัยถือเป็นหน่วยงานของรัฐ ได้รับยกเว้น ไม่อยู่ภายใต้บังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา ๔ (๑) article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จากการเลิกจ้างมีอายุความฟ้องร้องได้ภายใน ๑๐ ปี article
ทะเลาะวิวาทเรื่องส่วนตัวไม่ส่งผลกระทบต่อการบังคับบัญชา ไม่เป็นความผิด กรณีร้ายแรง ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ article
พี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกัน มิใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ และเงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต ตามพระราชบัญญัติ ประกันสังคม มาตรา ๗๓ และมาตรา ๗๗ article
ขับรถเร็วเกินกว่าข้อบังคับกำหนด เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนคำสั่งโยกย้าย เลิกจ้างได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ประกาศใช้ระเบียบใหม่ ไม่ปรากฏว่ามีพนักงานโต้แย้งคัดค้าน ถือว่าทุกคนยินยอมปฏิบัติตามระเบียบ article
เงินค่าตอบแทนพิเศษกับเงินโบนัส มีเงื่อนไขต่างกัน หลักเกณฑ์การจ่ายต่างกัน จึงต้องพิจารณาต่างกัน article
ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินกองทุนเงินทดแทน article
ค่ารถแทนรถยนต์ประจำตำแหน่ง ไม่ถือเป็นค่าจ้าง และ ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมให้ถือตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่กำหนดไว้ article
เจรจาให้ลาออก ลูกจ้างไม่ตกลง ขอเวลาตัดสินใจและหยุดงานไป นายจ้างแจ้งให้กลับเข้าทำงานตามปกติ ถือว่านายจ้างยังไม่มีเจตนาเลิกจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ แอบนอนหลับในเวลาทำงาน ถือเป็นเหตุในการเลิกจ้างได้ เลิกจ้างเป็นธรรม article
ลาออกโดยไม่สุจริต ไม่มีผลใช้บังคับ article
ทำความผิดคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน พิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ประกอบธุรกิจ บริการ ด่าลูกค้าด้วยถ้อยคำหยาบคาย " ควาย " ถือเป็นการกระทำความผิดกรณีร้ายแรง article
ข้อบังคับ ระบุให้ผู้บังคับบัญชาเหนือกว่ามีอำนาจแก้ไข เพิ่มโทษ หรือลดโทษได้ การยกเลิกคำสั่งลงโทษเดิมและให้ลงโทษใหม่หนักกว่าเดิมจึงสามารถทำได้ article
เลือกปฏิบัติในการลงโทษระเบียบการห้ามใส่ตุ้มหูมาทำงาน บังคับใช้ได้ แต่เลือกปฏิบัติในการลงโทษไม่ได้ article
ลงโทษพักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างและเตือนในคราวเดียวกันได้ ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน article
จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย article
ข้อตกลงรับเงินและยินยอมปลดหนี้ให้แก่กัน ถือเป็นการตกลงระงับข้อพิพาทแม้จะทำขึ้นก่อนคำสั่งเลิกจ้างมีผลใช้บังคับ article
ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่คู่ความอ้างส่งศาลได้ แม้มิได้ระบุบัญชีพยานไว้ก็ตาม article
สัญญาจ้างห้ามลูกจ้างไปทำงานกับนายจ้างใหม่ที่ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกันมีกำหนดเวลา บังคับใช้ได้ article
เลิกจ้างและรับเงินค่าชดเชย ใบรับเงิน ระบุขอสละสิทธิ์เรียกร้องเงินอื่นใดใช้บังคับได้ ลูกจ้างไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องสินจ้างและค่าเสียหายได้อีก article
เกษียณอายุ 60 ปี ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยนับแต่วันครบกำหนดเกษียณอายุ แม้นายจ้างไม่ได้บอกเลิกจ้างก็ตาม article
ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและเพิกเฉยไม่ดูแลผลประโยชน์ของนายจ้าง เป็นเหตุให้นายจ้างไม่ไว้วางใจในการทำงานได้เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ละเลยต่อหน้าที่ ไม่รายงานเคพีไอ นายจ้างตักเตือนแล้ว ถือว่าผิดซ้ำคำเตือน เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง article
ศาลมีคำสั่งให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาตามหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน ในขณะที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ยุติ ต้องสืบพยานใหม่และพิพากษาใหม่ไปตามรูปคดี article
แม้สัญญาจ้างไม่ได้ระบุระยะเวลาทดลองงานไว้ แต่นายจ้างก็สามารถประเมินผลการทำงานของลูกจ้างได้ article
การควบรวมกิจการ สิทธิและหน้าที่โอนไปเป็นของบริษัทใหม่ การจ่ายเงินสมทบบริษัทใหม่ที่ควบรวมจึงมีสิทธิจ่ายเงินสมทบในอัตราเดิมตามสิทธิ มิใช่ในอัตราบริษัทตั้งใหม่ article
เลิกจ้างรับเงินค่าชดเชยแล้วตกลงสละสิทธิ์จะไม่เรียกร้องผละประโยชน์ใดๆ ถือว่าสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเป็นอันระงับไป article
รับเหมาก่อสร้าง ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบ จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแทนผู้รับเหมาช่วง หากผู้รับเหมาช่วงไม่นำส่งเงินสมทบตามกฎหมายโดยคำนวณจากอัตราค่าจ้างที่ระบุตามแบบ ( ภ.ง.ด. 50 ) และบัญชีงบดุล article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานระบุห้ามทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายร่างกาย ผู้บังคับบัญชา เพื่อนพนักงาน ทั้งในสถานที่ทำงาน หรือสถานที่อื่นๆ ฝ่าฝืนถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง ใช้บังคับได้ไม่ขัดต่อกฎหมาย article
ไส้ติ่งอักเสบ แพทย์วินิจฉัยให้ผ่าตัด ถือเป็นกรณีฉุกเฉิน เบิกค่ารักษาได้ มีสิทธิรับเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ได้ article
ค่าเช่าที่พัก ค่าใช้จ่ายเดินทางเป็นสวัสดิการไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่ารถยนต์ซึ่งกำหนดเป็นสวัสดิการไว้ชัดเจนแยกจากฐานเงินเดือนปกติ ถือเป็นสวัสดิการไม่ใช่ค่าจ้าง article
ละเมิดข้อตกลงสภาพการจ้าง ละเมิดสัญญาจ้าง มีอายุความ 10 ปี มิใช่ 1 ปี article
พฤติกรรมการจ้างที่ถือว่าเป็นการจ้างแรงงาน ถือเป็นลูกจ้าง / นายจ้างตามกฎหมาย article
พนักงานขายรถยนต์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ประจำบูธ ตามที่ได้รับมอบหมาย ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
เลือกตั้งคณะกรรมการสหภาพฯ ขัดต่อข้อบังคับสหภาพหรือขัดต่อกฎหมาย ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบ article
ฝ่าฝืนสัญญาจ้าง กรณีห้ามทำการแข่งขันกับนายจ้างหรือทำธุรกิจคล้ายคลึงกับนายจ้างเป็นเวลา 2 ปี นับจากสิ้นสุดสัญญาต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้าง article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระบุให้นายจ้างเลิกจ้างเพราะเหตุคนล้นงาน ปรับลด ขนาดองค์กรได้ ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเลิกจ้างลูกจ้างได้ article
ข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีตัดสิทธิ์รับเงินสมทบพร้อมผลประโยชน์หากกระทำผิดถูกปลดออกจากงานบังคับใช้ได้ article
ทะเลาะวิวาทกัน นอกเวลางาน นอกบริเวณบริษัทฯ ไม่ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนไม่ไปตรวจสารเสพติดซ้ำตามคำสั่งและนโยบาย ถือว่าฝ่าฝืน ข้อบังคับ หรือ ระเบียบ กรณีร้ายแรง article
วันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วน article
เป็นลูกจ้างที่มีอำนาจกระทำการแทนนายจ้างในการจ้างงาน ไม่มีสิทธิได้รับค่าทำงานในวันหยุด และลักทรัพย์เอาต้นไม้ของนายจ้างไป ถือว่ากระทำผิดอาญาแก่นายจ้าง เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ผลการทำงานดีมาโดยตลอดและไม่เคยกระทำผิดมาก่อน แต่ปีสุดท้ายผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่ถือเป็นเหตุที่จะอ้างในการเลิกจ้าง article
ได้รับบาดเจ็บรายการเดียว เข้ารักษา 2 ครั้ง ถือว่าเป็นการรักษารายการเดียว นายจ้างสำรองจ่ายเพิ่มเติมไม่เกิน 50,000 บาท ไม่ใช่ 200,000 บาท article
ผู้บริหารบริษัท ฯ ถือเป็นลูกจ้างหรือไม่ ดูจาก_________ ? article
ขับรถออกนอกเส้นทาง แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรงและก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้าง นายจ้างหักเงินประกันการทำงานได้ article
ค่าจ้างระหว่างพักงาน เมื่อข้อเท็จจริง ลูกจ้างกระทำความผิดจริง จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างระหว่างพักงาน article
“ นายจ้าง ” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 5 article
สัญญารักษาความลับ ข้อมูลทางการค้า (ห้ามประกอบหรือรับปฏิบัติงานแข่งขันนายจ้าง) มีกำหนด 2 ปี บังคับใช้ได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย และการกำหนดค่าเสียหาย ถือเป็นเบี้ยปรับตามกฎหมาย ศาลปรับลดได้ตามสมควร article
เงินรางวัลการขายประจำเดือน จ่ายตามเป้าหมายการขาย ที่กำหนดไว้ ไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่าโทรศัพท์ เหมาจ่าย ถือเป็นค่าจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ 3 วันทำการ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เลิกจ้างเป็นธรรมไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ลาออกมีผลใช้บังคับแล้ว ออกหนังสือเลิกจ้างภายหลังใช้บังคับไม่ได้ article
ตกลงรับเงิน ไม่ติดใจฟ้องร้องอีกถือเป็นการตกลงประนีประนอมกันบังคับได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย
เลิกจ้างระหว่างทดลองงาน ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ข้อตกลงว่า “หากเกิดข้อพิพาทตามสัญญาจ้างแรงงาน ให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย” ไม่เกี่ยวกับสิทธิตามกฎหมายแรงงาน เมื่อเกิดสิทธิตามกฎหมาย ฟ้องศาลแรงงานได้ โดยไม่ต้องให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย article
เลิกจ้างด้วยเหตุอื่น อันมิใช่ความผิดเดิมที่เคยตักเตือน ไม่ใช่เหตุที่จะไม่จ่ายค่าชดเชย เลิกจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย article
นำรถยนต์ไปใช้ในกิจธุระส่วนตัว มีพฤติกรรมคดโกง ไม่ซื่อตรง พฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ไม่น่าไว้วางใจ ลงโทษปลดออกจากการทำงานได้ article
การกระทำที่กระทบต่อเกียรติ ชื่อเสียงของนายจ้าง และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แม้กระทำนอกสถานที่ทำงานและนอกเวลางาน ก็ถือว่า ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรง article
สัญญาค้ำประกันการทำงานไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ต้องรับผิดชอบตลอดไป article
ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเลิกจ้างได้ ถือว่าเลิกจ้างเป็นธรรมและความผิดที่ลงโทษแล้วจะนำมาลงโทษอีกไม่ได้ article
ผิดสัญญาจ้างไปทำงานกับคู่แข่ง นายจ้างฟ้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาได้ แต่ค่าเสียหาย เป็นดุลพินิจของศาลจะกำหนด article
จงใจกระทำผิดโดยผิดกฎหมายเป็นเหตุให้นายจ้างเสียหาย ถือว่า กระทำละเมิดต่อนายจ้าง ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น article
ตกลงสละสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย ภายหลังเลิกจ้าง ใช้บังคับได้ ไม่เป็นโมฆะ article
ก้าวร้าวไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ามิใช่ค่าจ้าง คิดดอกเบี้ยในอัตรา 7. 5 ต่อปี article
ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของนายจ้างในเรื่องส่วนตัวเป็นประจำ ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่กาปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต เลิกจ้างเป็นธรรม article
สั่งให้พนักงานขับรถ ขับรถออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้มีส่วนในการขับรถ ถือว่าผิดต่อสัญญาจ้าง แต่ไม่ต้องรับผิดอันมีผลโดยตรงจากมูลละเมิด ( ขับรถโดยประมาท ) article
จ่ายของสมนาคุณให้ลูกค้า โดยไม่ตรวจสอบบิลให้ถูกต้อง มิใช่ความผิดกรณีร้ายแรงไม่ใช่การทุจริตต่อหน้าที่ แต่ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เสร็จลุล่วงไปโดยถูกต้อง และสุจริต เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ฟ้องประเด็นละเมิด กระทำผิดสัญญาจ้าง ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง มีอายุความ 10 ปี article
ตกลงยินยอมให้หักค่าจ้างชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ นายจ้างสามารถหักค่าจ้างได้ตามหนังสือยินยอมโดยไม่ต้องฟ้อง article
กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างและประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง article
“ งานโครงการตามมาตรา 118 วรรค 4 ” บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ว่าจ้างลูกจ้างทำงานตามโครงการที่รับเหมา ถือว่าจ้างงานในปกติธุรกิจของนายจ้าง มิใช่งานโครงการ article
เงินโบนัสต้องมีสภาพการเป็นพนักงานจนถึงวันกำหนดจ่าย ออกก่อนไม่มีสิทธิได้รับ article
ระเบียบกำหนดจ่ายเงินพิเศษ ( gratuity ) เนื่องจากเกษียณอายุ โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายแตกต่างจากการจ่ายค่าเชย ถือว่านายจ้างยังไม่ได้จ่ายค่าชดเยตามกฎหมาย article
เจรจาให้ลาออก ลูกจ้างขอค่าชดเชย นายจ้างไม่คุยด้วย แต่ยังไม่ได้บอกเลิกจ้างและยังไม่ปรากฎว่านายจ้างไม่จ่ายค่าจ้างและไม่ให้เข้าทำงานต่อ ยังไม่ถือว่าเป็นการเลิกจ้าง ( อย่าเข้าใจไปเอง ) ไม่มีสิทธิได้ค่าชดเชย article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.

บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด

เลขที่ 511/4 ถนนประชาอุทิศ 117/1 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร (10140)

โทร/Tel : 02 - 8159522, แฟกซ์/Fax : 02 - 8159523, มือถือ/Mobile : 081 - 7936156

อีเมล/E-mail : sawai.prm@gmail.com, เว็บไซต์/Web : www.parameelaw.com