คำพิพากษาฎีกาที่ 3529 - 3530/57
ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยวันที่ 1 กันยายน 2538 ทำงานตำแหน่งสุดท้ายเป็นหัวหน้างานควบคุมเครื่องจักรกลหนัก ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 10,245 บาท โจทก์ที่ 2 เป็นลูกจ้างจำเลยวันที่ 21 มกราคม 2548 ทำงานตำแหน่งสุดท้ายเป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการ ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 8,545 บาท จำเลยจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ทั้งสองทุกวันที่ 1 ของเดือน เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2551 จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าและโจทก์ทั้งสองไม่มีความผิด จำเลยจึงต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้โจทก์ที่ 1 จำนวน 12,635.50 บาท โจทก์ที่ 2 จำนวน 10,539 บาท ค่าชดเชยให้โจทก์ที่ 1 จำนวน 102,450 บาท โจทก์ที่ 2 จำนวน 51,270 บาท ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีของโจทก์ที่ 1 จำนวน 7.5 วัน เป็นจำนวน 2,561.25 บาท ของโจทก์ที่ 2 จำนวน 7.5 วัน เป็นจำนวน 2,136 บาท และเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมจึงต้องจ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมให้โจทก์ที่ 1 จำนวน 143,430 บาท โจทก์ที่ 2 จำนวน 34,180 บาท ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้โจทก์ที่ 1 จำนวน 2,561.25 บาท โจทก์ที่ 2 จำนวน 2,136 บาท ค่าชดเชยให้โจทก์ที่ 1 จำนวน 102,450 บาท โจทก์ที่ 2 จำนวน 51,270 บาท สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้โจทก์ที่ 1 จำนวน 12,635.50 บาท โจทก์ที่ 2 จำนวน 10,539 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ จ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมให้โจทก์ที่ 1 จำนวน 143,430 บาท โจทก์ที่ 2 จำนวน 34,180 บาท แจ้งสำนักงานประกันสังคมว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองโดยไม่ได้กระทำผิด และให้จำเลยออกหนังสือรับรองการทำงานให้โจทก์ทั้งสอง
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ประกอบธุรกิจจัดหาพนักงานรับจ้างขับรถจักรกลหนัก โดยจำเลยจะส่งพนักงานของจำเลยตำแหน่งผู้จัดการแผนกปฏิบัติการ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการหรือโฟร์แมน และพนักงานขับรถจักรกลหนักไปให้บริการกับผู้รับบริการรถจักรกลหนัก เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงานเป็นของผู้รับบริการหรือผู้รับบริการจัดหามาด้วยตนเอง ผู้จัดการแผนกปฏิบัติการหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการ และพนักงานขับรถจักรกลหนักของจำเลยมีหน้าที่ให้บริการขับรถจักรกลหนักแก่ผู้รับบริการ และควบคุมดูแลรักษารถจักรกลหนัก เครื่องมือกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงานซึ่งเป็นของผู้รับบริการหรือที่ผู้รับบริการจัดหามาให้อยู่ในสภาพดีครบถ้วนและไม่สูญหาย จำเลยให้โจทก์ทั้งสองไปทำงานให้บริการแก่บริษัทเลิศนภาบริการ จำกัด ผู้รับบริการ ในตำแหน่งหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการหรือโฟร์แมน มีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของนายดอกรัก สะอาดวงศ์ พนักงานขับรถจักรกลหนัก ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยที่ทำงานให้บริการแก่บริษัทเลิศนภาบริการ จำกัด ตลอดจนตรวจดูแลรักษาทรัพย์สินของผู้รับบริการด้วยตนเองให้อยู่ในสภาพดีครบถ้วนและไม่สูญหาย เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2551 เวลา 24 นาฬิกา – 8 นาฬิกา โจทก์ทั้งสองเข้าทำงานตามปกติ และมีนายดอกรัก สอาดวงศ์ พนักงานขับรถจักรกลหนัก ลูกจ้างจำเลยได้ขับรถไถ รหัส BH 4 ยี่ห้อ FORD NEW HOLLAND รุ่น 6640 หมายเลขตัวถัง 8780093 หมายเลขเครื่องยนต์ E - 140936 (FO – 02) ทำงานให้บริการแก่บริษัทเลิศนภาบริการ จำกัด เมื่อนายดอกรักทำงานแล้วเสร็จเวลาประมาณ 2 นาฬิกา นายดอกรักไม่ได้เคลื่อนย้ายรถไถคันดังกล่าวไปยังบริเวณงานแห่งใหม่ตามที่จำเลยกำหนดไว้ให้ปฏิบัติงาน และไม่ได้นำไปจอดไว้ในโรงงานตามระเบียบที่จำเลยกำหนด แต่กลับนำไปจอดไว้นอกโรงงานและเสียบลูกกุญแจไว้ที่สวิตซ์เปิดปิดเครื่องยนต์แล้วกลับไปบ้านพัก ปรากฏว่ารถไถคันดังกล่าวได้สูญหายไปเนื่องจากถูกโจรกรรม จำเลยเรียกโจทก์ทั้งสองมาสอบสวนได้ความว่าโจทก์ทั้งสองมิได้ตรวจสอบความเรียบร้อยว่ามีการนำรถไถไปเก็บไว้ในสถานที่ปลอดภัยหรือไม่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของโจทก์ทั้งสองต้องปฏิบัติทุกครั้ง การกระทำของโจทก์ทั้งสองจึงเป็นการละทิ้งหน้าที่และประมาทเลินเล่อทำให้รถไถซึ่งเป็นทรัพย์สินของผู้รับบริการของจำเลยสูญหาย อันเป็นเหตุให้จำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้รับบริการเนื่องจากไม่สามารถติดตามเอารถไถคันดังกล่าวส่งคืนผู้รับบริการได้ และจำเลยเสียหายต่อชื่อเสียงกับความน่าเชื่อถือในทางธุรกิจ ซึ่งเป็นการกระทำฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยหมวด 9 ว่าด้วยวินัยและโทษทางวินัยข้อ 9.1.3.14 ซึ่งระบุว่าห้ามกระทำการใดๆ โดยประมาทเลินเล่อขาดความระมัดระวังอันเป็นเหตุให้ทำลายหรือทำให้เสียหายซึ่งเครื่องมือเครื่องใช้รวมทั้งทรัพย์สินของจำเลย จึงเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า การเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองเป็นธรรมแล้ว โจทก์ทั้งสองได้ใช้สิทธิลาหยุดพักผ่อนประจำปีครบถ้วนแล้วทุกปีจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีและค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมให้แก่โจทก์ทั้งสองการกระทำของโจทก์ทั้งสองเป็นการประมาทเลินเล่อทำให้จำเลยได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงและฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ถือว่าโจทก์ทั้งสองผิดสัญญาจ้างแรงงาน ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายต้องชดใช้ค่าทรัพย์สินที่สูญหายให้แก่ผู้รับบริการ เป็นจำนวน 200,000 บาท โจทก์ทั้งสองจึงต้องชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 200,000 บาท ให้จำเลย ขอให้ยกฟ้องและขอให้บังคับโจทก์ทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 200,000 บาท ให้แก่จำเลยพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย
โจทก์ทั้งสองสำนวนให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่มีอำนาจฟ้องแย้งเนื่องจากจำเลยไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถไถตามฟ้องและโจทก์ทั้งสองไม่ได้ละทิ้งหน้าที่กับไม่ได้ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้รถไถ รหัส BH 4 ยี่ห้อ FORD NEW HOLLAND รุ่น 6640 หมายเลขตัวถัง 8780093 หมายเลขเครื่องยนต์ E - 140936 (FO – 02) สูญหาย โจทก์ทั้งสองมีหน้าที่ควบคุมดูแลการทำงานของพนักงานขับรถ ให้ทำงานขับรถให้ได้ปริมาณและคุณภาพงานแล้วเสร็จตามที่จำเลยกำหนด การปฏิบัติงานในวันที่รถไถคันดังกล่าวสูญหาย โจทก์ทั้งสองได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถและในวันเกิดเหตุนายดอกรักพนักงานขับรถมีหน้าที่ต้องเฝ้าดูแลรถไถที่ตนเองเป็นผู้ขับ การที่รถไถคันดังกล่าวสูญหายไปก็เนื่องจากการละทิ้งหน้าที่ของนายดอกรัก ไม่ได้เกิดจากการประมาทเลินเล่อของโจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสองไม่ต้องรับผิดต่อจำเลย รถไถคันดังกล่าวมีอายุการใช้งานหลายสิบปีแล้วและได้มีการดัดแปลงต่อเติมจนผิดประเภทไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ค่าเสียหายจำนวน 200,000 บาท จึงสูงกว่าความเป็นจริงขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลแรงงานภาค 2 พิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ที่ 1 จำนวน 102,450 บาท โจทก์ที่ 2 จำนวน 51,270 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงินค่าชดเชยที่โจทก์ทั้งสองได้รับนับแต่วันฟ้อง (วันที่ 17 เมษายน 2551) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้แก่โจทก์ทั้งสองเสร็จสิ้น ให้จำเลยมีหนังสือแจ้งให้สำนักงานประกันสังคมทราบว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองโดยโจทก์ทั้งสองไม่ได้กระทำความผิดและให้จำเลยออกหนังสือรับรองการทำงานให้โจทก์ทั้งสอง คำขออื่นให้ยก กับยกฟ้องแย้งจำเลย
จำเลยทั้งสองสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานภาค 2 ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยวันที่ 1 กันยายน 2538 ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 10,245 บาท โจทก์ที่ 2 เป็นลูกจ้างจำเลยวันที่ 21 มกราคม 2548 ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 8,545 บาท โจทก์ทั้งสองทำงานในตำแหน่งหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการ (โฟร์แมน) จำเลยจ่ายค่าจ้างให้ทุกวันที่ 1 ของเดือน จำเลยรับจ้างจัดหาพนักงานขับรถไพเพื่อมาทำงานให้บริษัทเลิศนภาบริการ จำกัด เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2551 เวลาประมาณ 2 นาฬิกา นายดอกรัก สอาดวงศ์พนักงานขับรถไถของจำเลยซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของโจทก์ทั้งสองได้ขับรถไถตามฟ้องแย้งซึ่งเป็นรถไถที่บริษัทเลิศนภาบริการ จำกัด ผู้ว่าจ้าง นำมาให้จำเลยครอบครองเพื่อให้นายดอกรักขับทำงานให้บริษัทผู้ว่าจ้างวันเวลาดังกล่าวนายดอกรักได้ขับรถไถคันดังกล่าวไปจอดไว้ด้านนอกรั้วโรงงานจำเลยโดยเสียบลูกกุญแจไว้ที่สวิตซ์เปิดปิดเครื่องยนต์และไม่อยู่เฝ้ารถไถตามหน้าที่ ต่อมาวันที่ 25 มกราคม 2551 จำเลยได้ชดใช้ค่ารถไถที่สูญหายแกบริษัทเลิศนภาบริการ จำกัด เป็นเงิน 200,000 บาท ตามบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย ล.11 กับใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย ล.12 วันที่ 25 มีนาคม 2551 จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสอง ด้วยเหตุโจทก์ทั้งสองกระทำผิดโดยประมาทเลินเล่อและฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของจำเลย ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายร้ายแรงตามหนังสือเลิกจ้างเอกสารหมาย ล.5 และ ล.6 แล้ววินิจฉัยว่า การที่จำเลยมีหนังสือเลิกจ้างโดยอาศัยเหตุเดียวดังกล่าวย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยได้พิจารณาการทำงานของโจทก์ทั้งสองแล้วว่ามิใช่เป็นการละทิ้งหน้าที่โดยฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน พยานหลักฐานของจำเลยจึงรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งสองละทิ้งหน้าที่โดยฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กรณีร้ายแรง การกระทำของนายดอกรัก สะอาดวงศ์ มีพฤติกรรมกระทำโดยประมาทและละทิ้งหน้าที่ เมื่อจำเลยไม่ได้นำสืบให้ปรากฏว่าโจทก์ทั้งสองเป็นผู้ออกคำสั่งให้นายดอกรักกระทำเช่นนั้น นำสืบได้แต่เพียงโจทก์ทั้งสองมีหน้าที่ควบคุมการทำงานและมิได้ตรวจสอบการทำงานของนายดอกรัก ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งสองได้กระทำโดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการแรกว่า โจทก์ทั้งสองประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายอย่างแร้งแรงหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ทั้งสองทำงานในตำแหน่งหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการ ในคืนเกิดเหตุรถไถหายไป นายดอกรักพนักงานขับรถไถของจำเลยเข้างานช่วงเวลาเดียวกับโจทก์ทั้งสอง นายดอกรักจึงอยู่ใต้บังคับบัญชาของโจทก์ทั้งสอง ซึ่งจำเลยมีระเบียบเกี่ยวกับการทำงานเอกสารหมาย ล.8 ว่า โจทก์ทั้งสองที่เป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการ ต้องปฏิบัติตามคำบรรยายลักษณะงานที่กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบ ข้อ 36 ให้โจทก์ทั้งสองต้องตรวจสอบการทำงานของนายดอกรักซึ่งเป็นช่างขับให้ปฏิบัติตามกฎของจำเลย โดยนายดอกรักจะต้องนำรถไถเข้าไปจอดภายในโรงงาน และตามระเบียบปฏิบัติข้อ 14 ที่กำหนดให้โจทก์ทั้งสองติดตามการทำงานของช่างขับอย่างใกล้ชิด และข้อ 15 ให้ติดตามผลเป้าหมายงานทุกๆ ชั่วโมง แม้นายดอกรักจะละทิ้งหน้าที่ไปโดยไม่แจ้งให้โจทก์ทั้งสองทราบหากโจทก์ทั้งสองยึดถือระเบียบการทำงานอย่างเคร่งครัด โจทก์ทั้งสองก็จะทราบในทันทีก่อนรถไถหายไปว่านายดอกรักไม่นำรถไถเข้าไปเก็บไว้ในโรงงาน การกระทำของโจทก์ทั้งสองถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อ ทำให้จำเลยเสียหายอย่างร้ายแรงแล้ว จำเลยจึงมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 (3) ที่ศาลแรงงานภาค 2 พิพากษามานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการต่อไปว่า โจทก์ทั้งสองต้องจ่ายค่าเสียหายตามฟ้องแย้งหรือไม่ เพียงใด เห็นว่า ตามฟ้องแย้งจำเลยขอให้โจทก์ทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายอันเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสองปฏิบัติหน้าที่ประมาทเลินเล่อทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย เป็นการขอให้ศาลแรงงานภาค 2 พิพากษาให้โจทก์ทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายตามสัญญาจ้างแรงงาน เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของโจทก์ทั้งสองเป็นการประมาทเลินเล่อทำให้จำเลยได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง จึงชอบที่จะกำหนดค่าเสียหายที่โจทก์ทั้งสองต้องรับผิดต่อจำเลย แต่การกำหนดค่าเสียหายดังกล่าวเป็นเรื่องดุลพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริงศาลฎีกาไม่อาจจะกระทำได้ ในปัญหานี้ศาลแรงงานภาค 2 ยังไม่ได้ฟังข้อเท็จจริงมาว่าโจทก์ทั้งสองก่อความเสียหายแก่จำเลยจำนวนคนละเท่าใด จึงต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานภาค 2 ฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวเสียก่อนแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี สำหรับอุทธรณ์ข้ออื่นของจำเลยไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ทั้งสอง จำเลยไม่ต้องมีหนังสือถึงสำนักงานประกันสังคมแจ้งว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองโดยโจทก์ทั้งสองไม่ได้กระทำความผิด และยกคำพิพากษาศาลแรงงานภาค 2 เฉพาะที่ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย โดยให้ศาลแรงงานภาค 2 ฟังข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเฉพาะความเสียหายตามฟ้องแย้งดังกล่าวข้างต้น แล้วดำเนินการต่อไปตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 56 วรรคสองหรือวรรคสาม แล้วแต่กรณี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานภาค 2
เรียบเรียงโดย บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด