ประโยชน์จากต้นไม้บางชนิดที่คนเรียกว่าวัชพืช
ผักกะสัง
ผักกะสังมีรสเผ็ดหอม
มีสรรพคุณทางหยาง (จัดแบ่งง่ายๆ ว่า หยินคือเย็น หยางคือร้อน) เรื่องรสยาเผ็ดหอมนี้ ยังพออธิบายได้อีกมุมมองหนึ่งว่า ผักกะสังกับพริกไทยนั้นเป็นพี่น้องกัน มีคนลองนำเอาผักกะสังมาขยายใหญ่ให้เท่าต้นพริกไทย มองใบสีเขียวใสๆ ให้เป็นสีเขียวเข้ม ก็จะเห็นหน้าตาผักกะสังเหมือนกับต้นพริกไทย นอกจากนี้ถ้าได้กินผักกะสังที่ยังมีเมล็ดเกาะกันเป็นช่อ คล้ายช่อเมล็ดพริกไทย ก็จะได้ลิ้มรสเผ็ดนิดๆ ซ่าน้อยๆ ที่ลิ้น ผักกะสังเป็นผักสมบูรณ์แบบชนิดหนึ่งทั้งรสชาติ รูปร่างหน้าตาโดยนำมากินสดๆ หรือลวกกินกับน้ำพริก กินเป็นสลัด หรือยำกินก็ได้ หรือนำมาจัดเป็นแจกันผักขนาดเล็กเป็นผักแกล้มบนโต๊ะกินข้าวก็น่าชมไม่น้อย
ผักกะสังถือว่าเป็นผักต้านมะเร็งชนิดหนึ่ง เนื่องจากมีการศึกษาวิจัยในปัจจุบันพบว่า ผักกะสังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและมีวิตามินซีสูง เรียกได้ว่าวิตามินซีน้องๆ มะนาว คือมะนาว ๑๐๐ กรัม มีวิตามินซี ๒๐ มิลลิกรัม ส่วนผักกะสังมีอยู่ ๑๘ มิลลิกรัม รวมทั้งทางสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เคยวิเคราะห์หาธาตุอาหารในพืชผักต่างๆ พบว่าผักกะสัง ๑ ขีด หรือ ๑๐๐ กรัม มีเบต้าแคโรทีน ราว ๒๘๕ ไมโครกรัมเทียบหน่วยเรตินัล การที่ผักกะสังมีธาตุอาหารต้านมะเร็งอยู่สูงขนาดนี้ ผักกะสังจึงจัดว่าเป็นผักต้านมะเร็งชนิดหนึ่ง
ประโยชน์ของผักกะสัง
ผักกะสัง...รักษาโรคลักปิดลักเปิด
ในตำรายาไทยระบุไว้ว่าใบของผักกะสังใช้ในการรักษาโรคลักปิดลักเปิด ซึ่งพอจะอธิบายได้ว่า ในผักกะสังมีวิตามินซีและสารอาหารสูง ซึ่งการรักษานั้นใช้ทั้งการกินและการบดต้นแปะบริเวณที่เลือดออกตามไรฟัน
ผักกระสังรักษา เริม ฝี มะเร็งเต้านม
หมอยาพื้นบ้านของไทยใช้ผักกะสังเป็นยาไม่มากนักส่วนใหญ่ใช้พอกฝีและสิวโดยใช้ต้นสดตำพอกฝี หรือใช้น้ำคั้นทาสิว ในต่างประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ใช้ทั้งต้นสดบดประคบฝี หรือตุ่มหนอง และโรคผิวหนังอื่นๆ เช่นกัน ซึ่งจากการศึกษาสมัยใหม่พบว่าผักกระสังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านแบคทีเรียหลายชนิด ทั้งยังมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งจะช่วยกำจัดเนื้อตายทำให้ฝีแตกได้ง่าย และสิวยุบเร็วขึ้น
“ผักกะสังรักษาเริมและมะเร็งเต้านม” ความรู้นี้ไม่ค่อยแพร่หลายนักแต่แมะ (มือลอ มะแซ) ที่บ้านกำปงบือแน ตำบลจะกว๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลาบอกว่า ผักกะสังเป็นยารักษาเริม มะเร็งเต้านม และฝี ในการรักษาเริมนั้นจะนำต้นผักกะสังผสมกับขมิ้นและข้าวสาร (ฮูยงงูกุมาตอกูยิ) ตำให้ละเอียดแล้วพอกทิ้งไว้ ๑ คืน และนำใบมาตำขยำแปะทาเม็ดที่เป็นใต้ราวนม แก้มะเร็งเต้านม ข้อมูลที่ว่าผักกะสังใช้รักษามะเร็งนี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลยและเป็นที่น่าทึ่งตรงที่ว่ามีรายงานการศึกษาพบว่า สารในผักกะสังมีฤทธิ์ต้านมะเร็งด้วย นอกเหนือไปจากการแก้อักเสบและแก้ปวด
ผักกระสังรักษา อาการข้ออักเสบ เก้าท์
หมอยาพื้นบ้านบางคนบอกว่ากินผักกะสังแก้ปวดข้อ ซึ่งในประเทศฟิลิปปินส์มีการกินผักกะสังสดๆ หรือนำมาต้มกิน เพื่อรักษาโรคเก๊าท์และข้ออักเสบ โดยนำผักกะสังต้นยาวสัก ๒๐ เซนติเมตร ต้มกับน้ำ ๒ แก้ว ให้เหลือประมาณ ๑ แก้ว แบ่งรับประทานครั้งละ ครึ่งแก้ว เช้า-เย็น ปัจจุบันผักกะสังเป็นสมุนไพรตัวหนึ่งที่ฟิลิปปินส์กำลังศึกษาวิจัยเพื่อใช้เป็นยารักษาโรคข้ออักเสบรวมทั้งโรคเก๊าท์จากการที่ผักกระสังสามารถลดปริมาณกรดยูริคในกระแสเลือด
ผักกระสังบำรุง ผิว ผม
ผักกะสังยังเป็นสมุนไพรสำหรับผู้หญิงอีกชนิดหนึ่งนอกจากใช้รักษาสิวแล้ว สาวๆ สมัยก่อนยังใช้น้ำต้มผักกะสังล้างหน้าบ่อยๆ จะทำให้ผิวหน้าสดใส และนอกจากนี้ คุณสารีป๊ะ อาแวกือจิ ที่บ้านกำปงบือแน ตำบลจะกวั๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา บอกว่าผักกะสังเป็นยาสระผมทำให้ผมนุ่มโดยนำใบขยำกับน้ำชโลมศีรษะให้ศีรษะเย็น ป้องกันผมร่วง ทำให้ผมนุ่ม ซึ่งอธิบายได้ว่าผักกะสังมีธาตุอาหาร มีความเป็นกรดอ่อนๆ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านเชื้อราและแบคทีเรีย
ผักกะสังเป็นสมุนไพรที่มีประวัติการใช้เป็นยามากมาย ในโบลิเวียมีบันทึกที่มีอายุนับพันปีชื่อ Altenos Indians document กล่าวไว้ว่า ผักกะสังทั้งต้นบดผสมน้ำใช้กินเพื่อห้ามเลือด ใช้ส่วนรากต้มกินรักษาไข้ ใช้ส่วนเหนือดินโปะแผล นอกจากนี้ ในประเทศอื่นๆ ที่มีผักกะสังขึ้นอยู่จะใช้ผักกะสังในการรักษาอาการปวดท้องทั้งแบบธรรมดาและปวดเกร็ง ฝี สิว แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก อ่อนเพลีย ปวดหัว ระบบประสาทแปรปรวน หัด อีสุกอีใส มีแก๊สในกระเพาะ ปวดข้อรูมาติก และยังมีการใช้เฉพาะบางท้องถิ่นเช่น ในบราซิลใช้ในการลดคอเลสเตอรอล ในกียานา (Guyana) ใช้ในการขับปัสสาวะ ลดไข่ขาวในปัสสาวะ ในแถบอเมซอนใช้ขับปัสสาวะ หล่อลื่น หัวใจเต้นผิดปกติ ส่วนในมาเลเซียเชื่อว่าการรับประทานผักกะสังจะช่วยรักษาโรคตาและต้อ (glaucoma) ปัจจุบันมีสารสกัดจากผักกะสังจำหน่ายในต่างประเทศ
นอนดึกส่งผลให้ "อ้วน" เหตุฮอร์โมนแปรปรวน ทำให้หิวกินเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่ควรทำคือควรเข้านอนตั้งแต่ 21.00-23.00 น. ไม่นอนดึกเกินเที่ยงคืน จำไว้นะคะทุกคน ถ้าไม่อยากอ้วนมากขึ้นก็อย่านอนดึกกันนะคะ ส่วนตัวเองนั้นคงทำไม่ได้แน่555 กว่าจะนอนแต่ละวันก็หลังเที่ยงตลอด
กระสัง ชื่อสามัญ Peperomia, Shiny leave[2]
กระสัง ชื่อวิทยาศาสตร์ Peperomia pellucida (L.) Kunth จัดอยู่ในวงศ์พริกไทย (PIPERACEAE)[2] (ข้อมูลทั่วไปใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Peperomia pellucida Korth)
สมุนไพรกระสัง มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ผักราชวงศ์ (แม่ฮ่องสอน), ผักกูด (เพชรบุรี), ผักสังเขา (สุราษฎร์ธานี), ผักฮากกล้วย (ภาคเหนือ), ผักกระสัง (ภาคกลาง), ชากรูด (ภาคใต้), ตาฉี่โพ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) เป็นต้น[1]
ลักษณะของกระสัง
ต้นกระสัง จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุก ลำต้นเปราะหักง่าย มีความสูงได้ประมาณ 15-30 เซนติเมตร ลำต้นและใบเป็นสีเขียวและอวบน้ำ ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด พบขึ้นทั่วไปในเขตร้อนทั่วโลก ในประเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ โดยมักขึ้นในแปลงผัก ตามสวน และตามสนามหญ้าทั่วไป[1] จัดเป็นวัชพืชชนิดหนึ่ง (การกำจัดและป้องกันสามารถใช้ได้ทั้งวิธีการเขตกรรม เช่น ถาก ถอน ทิ้งอยู่เสมอ และการใช้สารเคมีต่างๆ เช่น กรัมม็อกโซน มาร์เก็ต (ไกลโฟเซต), ดามาร์ค (ไกลโฟเลท), ทัชดาวน์ (ไกลโฟเซต, ไตรมีเซียมซอลต์) ฯลฯ[2]
ใบกระสัง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ โดยจะออกจากลำต้นในลักษณะตรงข้าม ลักษณะของใบเป็นรูปหัวใจ ปลายใบแหลม โคนใบเว้าตื้น ส่วนขอบใบเรียบ มีต่อมโปร่งแสง แผ่นใบหนาเป็นคลื่นเล็กน้อย[1] ผิวใบด้านบนเป็นมัน ด้านล่างขุ่นและมีสีอ่อนกว่า ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1-3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1-4 เซนติเมตร[2]
ดอกกระสัง ออกดอกเป็นช่อตามซอกและที่ปลายกิ่ง ช่อดอกเป็นสีเขียวอ่อนหรือสีครีม ช่อดอกจะออกบริเวณข้อตรงข้ามกับใบ เรียงโค้งขึ้น ประกอบไปด้วยดอกเล็ก ๆ ที่ไม่มีก้าน มีดอกย่อยจำนวนมากเวียนรอบแกน ดอกเป็นแบบสมบูรณ์เพศ ไม่มีทั้งกลีบดอกและกลีบเลี้ยง มีใบประดับดอกละ 1 ใบ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน อยู่ข้าง ๆ รังไข่ อับเรณูเป็นสีขาว ก้านชูอับเรณูสั้น เกสรเพศเมียมี 1 อัน รังไข่มีลักษณะกลม อยู่เหนือฐานดอก[1],[2]
ผลกระสัง ผลเป็นผลสด มีลักษณะกลม ภายในผลมีเมล็ด 1 เมล็ด เมล็ดเป็นสีดำทรงกลมและมีขนาดเล็ก[1],[2]
สรรพคุณของกระสัง
ในตรินิแดด (Trinidad) นิยมใช้สมุนไพรชนิดนี้เป็นยาเย็นสำหรับเด็ก (ใบ)[1]
ในบราซิลจะใช้สมุนไพรชนิดนี้เพื่อลดคอเลสเตอรอล (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[6]
ในมาเลเซียเชื่อว่า การรับประทานผักกระสังจะสามารถช่วยรักษาโรคตาและต้อ (glaucoma) ได้ (ใบ)[6]
ใบนำมาตำให้แหลกใช้เป็นยาแก้ปวดศีรษะ (ใบ)[1],[4]
ใบผักกระสังที่ทำให้แหลกแล้ว สามารถนำมาใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้อักเสบได้ (ใบ)[1],[4],[5]
ใบใช้รับประทานสด ๆ จะมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคลักปิดลักเปิดหรือโรคเลือดออกตามไรฟัน เนื่องจากมีวิตามินซีสูง (ใบ)[4],[6]
ใบนำมาตำขยำใช้แปะทาเม็ดที่เป็นใต้ราวนม เป็นยาแก้มะเร็งเต้านม (ใบ)[6]
น้ำคั้นจากใบใช้เป็นยาแก้ปวดท้อง (ใบ)[1],[4]
ในกียานา (Guyana) จะใช้ผักกระสังเป็นยาขับปัสสาวะ ลดไข่ขาวในปัสสาวะ ส่วนในแถบแอมะซอนจะใช้เป็นยาขับปัสสาวะ หล่อลื่น แก้หัวใจเต้นผิดปกติ (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[6]
ใช้เป็นยารักษาเริม ด้วยการนำต้นผักกระสังมาผสมกับขมิ้นและข้าวสาร (ฮูยงงูกุมาตอกูยิ) ตำให้ละเอียด แล้วนำมาพอกทิ้งไว้ 1 คืน (ต้นและใบ)[6]
ยาชงจากใบใช้เป็นยาแก้ชัก (ใบ)[1],[5]
ใบใช้ตำพอกฝีและแผล หรือคั้นเอาน้ำทาแผลฝีที่มีหนอง จะช่วยรักษาแผลฝีหนองได้ (ใบ)[1],[4],[5]
ทั้งต้นใช้เป็นยาแก้พิษฝี หรือนำมาแช่น้ำทาแก้ผื่นคัน (ทั้งต้น)[3]
หมอยาพื้นบ้านบางคนจะกินผักกระสังเป็นยาแก้ปวดข้อ ซึ่งในประเทศฟิลิปปินส์จะมีการกินผักกระสังสด ๆ หรือนำมาต้มกินเพื่อรักษาโรคเกาต์ อาการปวดข้อ และข้ออักเสบ โดยการนำผักกระสังต้นยาวสัก 20 เซนติเมตร นำมาต้มกับน้ำ 2 แก้ว ให้เหลือประมาณ 1 แก้ว ใช้แบ่งรับประทานครั้งละครึ่งแก้ว เช้าและเย็น (ในปัจจุบันฟิลิปปินส์กำลังศึกษาวิจัยเพื่อใช้เป็นยารักษาโรคข้ออักเสบรวมทั้งโรคเกาต์จากการที่ผักกระสังสามารถลดปริมาณกรดยูริกในกระแสเลือด) นอกจากนี้ชาวฟิลิปปินส์ยังใช้ทั้งต้นสดนำมาบดประคบฝีหรือตุ่มหนอง และโรคผิวหนังอื่น ๆ ซึ่งจากการศึกษาสมัยใหม่พบว่า ผักชนิดนี้มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านแบคทีเรียได้หลายชนิด ทั้งยังมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งจะช่วยกำจัดเนื้อตายทำให้ฝีแตกได้โดยง่าย (ต้นและใบ)[6]
ในโบลิเวียมีบันทึกที่มีอายุนานนับพันปีชื่อว่า “Altenos Indians Document” ซึ่งกล่าวไว้ว่า ผักกระสังทั้งต้นใช้บดผสมกับน้ำใช้กินเป็นยาห้ามเลือด ใช้ส่วนเหนือดินโปะแผล ใช้ส่วนของรากต้มกินเป็นยารักษาไข้ (ทั้งต้น)[6]
นอกจากนี้ในประเทศอื่น ๆ ยังมีการใช้ผักกระสังเป็นยารักษาอาการปวดท้อง ทั้งแบบธรรมดาและปวดเกร็ง รักษาฝี สิว หัด อีสุกอีใส แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แก้อาการอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ระบบประสาทแปรปรวน มีแก๊สในกระเพาะ ปวดข้อรูมาติก[6]
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของกระสัง
มีรายงานการศึกษาที่พบว่า ผักกระสังมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง เชื้อแบคทีเรีย ต้านการอักเสบ แก้อาการปวด และไม่มีพิษภัย[6] โดยสารสกัดด้วยน้ำจากใบกระสังมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อ Micrococcus pyogenes Lehm. et Neum. var. aureus Huck. และเชื้อ Escherichia coli (Miq.) Cast. et Chalm.[1]
จากการศึกษาพบว่า ผักกระสังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและมีวิตามินสูง โดยใน 100 กรัมจะมีวิตามินสูงถึง 18 มิลลิกรัม ทางสถาบันวิจัยโภชนาการของมหาวิทยาลัยมหิดล ได้พบว่าผักกระสังเพียง 100 กรัม จะมีเบต้าแคโรทีนประมาณ 285 ไมโครกรัม[6]
สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการวิจัยพบว่า ผักกระสังมีฤทธิ์เสริมสร้างและซ่อมแซมกระดูกส่วนที่สึกหรอได้[7]
ประโยชน์ของกระสัง
ต้นและใบใช้รับประทานเป็นผักสด โดยนำมาผัด ลวก หรือนึ่งเป็นอาหาร[1] หรือใช้ทำยำผักกระสัง ด้วยการนำผักมาหั่นเป็นชิ้นพอประมาณสัก 1-2 ทัพพี, กุ้งแห้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ, น้ำมะนาว 1-2 ช้อนโต๊ะ, มะม่วงซอย 1-2 ช้อนโต๊ะ, แคร์รอตซอยฝอย ๆ 1-2 ช้อนโต๊ะ, ขิงซอย 1-2 ช้อนโต๊ะ, น้ำเปล่า 1-2 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลทราย 1-2 ช้อนโต๊ะ, พริกขี้หนูแห้งทอด พอประมาณ, ถั่วลิสงคั่ว พอประมาณ, หมูหยอง พอประมาณ, หัวหอมซอย พอประมาณ, โหระพาและสะระแหน่ไว้แต่งรส จากนั้นรวมเครื่องปรุงทุกอย่างเข้าด้วยกัน แล้วปรุงรสตามใจชอบ เพียงเท่านี้ก็พร้อมรับประทานได้แล้ว[5] ส่วนยำผักกระสังอีกสูตรจะใช้ผักกระสัง 6 ช้อนคาว, เนื้อหมูสามชั้น 2 ช้อนคาว, หนังหมู 2 ช้อนคาว, กุ้งต้ม 2 ช้อนคาว, หอม 1 ช้อนคาว, กระเทียม 1 ช้อนคาว, ถั่วลิสง 1 ช้อนคาว, พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ด, น้ำปลา, น้ำตาล และมะนาว โดยขั้นตอนในการทำนั้นจะเริ่มจากการนำหมูและหนังหมูมาต้มให้พอสุก หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ยาวประมาณ 1 นิ้ว ซอยหอม กระเทียมตามยาวของกลีบ นำไปเจียวให้พอเหลือง จากนั้นนำถั่วลิสงมาหั่นตามยาวเป็นฝอย ๆ พริกแดงให้ผ่าเอาเมล็ดออก ตัดเป็นสองท่อน แล้วหั่นตามยาวเป็นฝอย ๆ แล้วคลุกเครื่องปรุงข้างต้นเข้าด้วยกัน ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล และมะนาวตามชอบใจ แล้วจึงนำผักกระสังมาตัดรากทิ้ง เด็ดเป็นท่อนสั้น ๆ ล้างน้ำให้สะอาด ทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำ คลุกเคล้ากับเครื่องข้างต้นให้เข้ากัน แล้วจัดใส่จานพร้อมกับโรยหน้าด้วยหอมเจียวและพริกแดง เป็นอันเสร็จ (คู่มือการปรุงอาหารจากผักพื้นบ้านไทย, ยิ่งยง ไพสุขศานติวัฒนา)
ผักชนิดนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงและถูกจัดว่าเป็นผักต้านมะเร็งชนิดหนึ่ง[6]
น้ำคั้นจากใบใช้ทารักษาสิว ทำให้สิวยุบเร็วขึ้น[6]
ผักกระสังเป็นสมุนไพรสำหรับผู้หญิงอีกชนิดหนึ่ง เพราะนอกจากจะใช้รักษาสิวได้แล้ว สาว ๆ ในสมัยก่อนยังใช้น้ำต้มจากผักชนิดนี้นำมาล้างหน้าบ่อย ๆ เพื่อเป็นการบำรุงผิวและทำให้ผิวหน้าสดใสอีกด้วย[6]
นอกจากนี้ยังมีการใช้ผักกระสังเป็นยาสระผม โดยนำใบมาขยำกับน้ำแล้วชโลมศีรษะให้ศีรษะเย็นเพื่อช่วยป้องกันผมร่วงและทำให้ผมนุ่ม เพราะผักชนิดนี้มีธาตุอาหาร มีความเป็นกรดอ่อน ๆ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านเชื้อรา และเชื้อแบคทีเรีย[6]
ปัจจุบันมีการนำสมุนไพรชนิดนี้ไปผลิตเป็นสารสกัดเพื่อจำหน่ายในต่างประเทศ[6]
ข้อควรระวัง : สำหรับผู้ที่แพ้พืชที่มีกลิ่นฉุนประเภท Mustard (พืชเครื่องเทศทั้งหลาย) ไม่ควรรับประทานผักชนิดนี้[6]
ที่มา: (MedThai)