ReadyPlanet.com
dot dot
dot
ชมรมบริหารงานบุคคล
dot
bulletสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย
bulletชมรมบริหารงานบุคคล
bulletชมรมบริหารงานบุคคล อยุธยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลรังสิต
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคล อมตะนคร
bulletสมาคมการบริหารงานบุคคล (PAAs)
bulletชมรมบริหารงานบุคคลบางพลี
bulletชมรมนักบริหารงานบุคคลพัทยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลยุคใหม่
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคลจังหวัดราชบุรี
bulletงานบริหารงานบุคคล
bulletชมรมงานบริหารงานบุคคลกรุงเทพฯ
bulletชมรมบริหารงานบุคลสุขสวัสดิ์
dot
ติดต่อราชการศาล
dot
bulletศาลแรงงานกลาง
bulletศาลแรงงานภาค ๒
bulletศาลยุติธรรม
bulletศาลปกครอง
bulletศาลรัฐธรมนูญ
bulletสำนักงานอัยการสูงสุด
bulletกระทรวงยุติธรรม
bulletคณะกรรมการกฤษฎีกา
bulletกรมบังคับคดี
bulletสภาทนายความ
dot
หน่วยงานราชการสำคัญ
dot
bulletกระทรวงแรงงาน
bulletกรมการจัดหางาน
bulletกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
bulletกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
bulletสำนักงานประกันสังคม
bulletกรมสรรพากร
bulletกรมบัญชีกลาง
bulletกรมพัฒนาธุรกิจกาค้า
bulletกระทรวงอุตสาหกรรม
bulletกรมโรงงานอุตสาหกรรม
bulletกรมส่งเสริมอุตสาหรม
bulletการนิคมอุตสาหกรรม
dot
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน
dot
bulletสมบัติลีกัล
bulletเอกเซลสำหรับงาน HR โดย อ.สำเริง
bulletบทความดี ๆ จากโกป้อม
dot
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
dot
dot
Newsletter

dot


พยากรณ์อากาศวันนี้
..................................


ราคาน้ำมันวันนี้
..................................



ค่าเช่าที่พัก ค่าใช้จ่ายเดินทางเป็นสวัสดิการไม่ถือเป็นค่าจ้าง article

คำพิพากษาฎีกาที่    4653/56

ค่าเช่าที่พัก  ค่าใช้จ่ายเดินทางเป็นสวัสดิการไม่ถือเป็นค่าจ้าง

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่  2  ตำแหน่งรองประธานกรรมการเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของจำเลยที่   1   จึงมีฐานะเป็นนายจ้างของโจทก์ด้วย   จำเลยที่ 1 จ้างโจทก์ทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยรองประธานฝ่ายการรับประกันและช่องทางการจัดจำหน่ายที่เป็นทางเลือกตามสัญญาจ้างแรงงานฉบับลงวันที่   28   เมษายน   2546   นอกจากเงินเดือนโจทก์ยังมีสิทธิได้รับประโยชน์ต่างๆ  เช่น  ค่าที่อยู่อาศัย   ค่าเดินทางจากการทำงานที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่พอใจของจำเลยที่ 1 โจทก์ได้รับการแจ้งจากจำเลยที่  1  ว่า  โจทก์จะได้รับเงินค่าใช้จ่ายสำหรับคนขับรถรายเดือน เดือนละ  18,000 บาท  และจะได้รับส่วนแบ่งจากยอดขายในอัตรา 0.002 ของยอดการเก็บเบี้ยประกันจากสามช่องทางขาย ซึ่งประกอบด้วยการขายผ่านตัวแทน   ช่องทางการจัดจำหน่ายของผู้ที่เป็นหุ้นส่วน   และการขายตรง   ต่อมาเมื่อวันที่  1 มกราคม 2551 โจทก์ได้รับแจ้งจากจำเลยที่  1  ว่ามีการปรับเงินเดือนและค่าใช้จ่ายอันเนื่องมาจากการจ้างงานให้มีผลในวันที่ 1 มกราคม 2551 โดยโจทก์จะได้รับเงินเดือนในอัตราเดือนละ 83,097 บาท เหรียญฮ่องกง หรือประมาณ  360,000 บาท   ค่าที่อยู่อาศัยในอัตราเดือนละ 105,950   บาท ค่าพาหนะและค่าเดินทางในอัตราเดือนละ  62,100 บาท และจำเลยที่  1 ได้ยกเลิกเงินส่วนแบ่งจากยอดขายที่โจทก์ได้รับโดยปราศจากความยินยอมของโจทก์ภายหลังมีการประชุมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 แต่จำเลยทั้งสองยังคงยืนยันไม่จ่ายเงินส่วนแบ่งจากยอดขายให้แก่โจทก์และมีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์สั่งพักงานโจทก์   โดยไม่มีกำหนดเวลา  ทั้งไม่อนุญาตให้โจทก์เข้าไปยังสถานประกอบการของจำเลยที่ 1 จากนั้นเมื่อวันที่  3  กรกฎาคม   2551  จำเลยที่  1  มีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่ได้กระทำความผิด จำเลยที่  1  ได้ชำระเงินเดือน   ค่าที่อยู่อาศัยและค่าเดินทางเป็นเงิน 52,775 บาท  สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน  359,659  บาท  ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีเป็นเงิน   116,209   บาท   ค่าชดเชย   2,158,171   บาท   การจ่างเงินของจำเลยที่  1 ให้แก่โจทก์ดังกล่าวไม่เป็นไปตามที่กฎหมายแรงงานกำหนดเนื่องจากไม่นำค่าสิทธิประโยชน์ตามสัญญาที่จำเลยที่ 1 จ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานแก่โจทก์มารวมเพื่อเป็นฐานในการคำนวณค่าชดเชย   สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี   ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า   1,209,630   บาท   พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ  15   ต่อปี   นับแต่วันที่  3  กรกฎาคม   2551   และเงินเพิ่มจากการจงใจไม่ชำระเงินตามกฎหมายแรงงานในอัตราร้อยละ  15  ทุกๆ ระยะเวลา  7  วัน   ของเงิน  1,209,630  บาท  นับแต่วันที่  3  กรกฎาคม  2551   เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ  ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี 73,036   บาท   ค่าชดเชย 2,708,129 บาท พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 15   ต่อปี ของยอดเงิน   2,781,165 บาท   นับแต่วันที่  3  กรกฎาคม  2551   และเงินเพิ่มจากการจงใจผิดนัดไม่ชำระเงินตามกฎหมายแรงงานในอัตราร้อยละ 15 ทุกๆ ระยะเวลา 7 วัน ของเงิน  2,781,165 บาท นับแต่วันที่  3 กรกฎาคม 2551   เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ   เงินส่วนแบ่งจากยอดการขายของเดือนมกราคม 2551   ถึงเดือนกรกฎาคม   2551   เฉลี่ยเดือนละ   215,000 บาท  รวมเป็นเงิน  1,505,000   บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปี   นับแต่วันที่  3  กรกฎาคม  2551   เป็นต้นไป   โบนัสตามข้อตกลงการจ่ายเงินโบนัสประจำปี  พ.ศ.  2550   และข้อตกลงเรื่องเงินตอบแทนระยะยาวเป็นเงิน  3,200,000   บาท   พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปี  นับแต่วันที่  3  กรกฎาคม 2551 เป็นต้นไป   เงินตามกองทุนบำเหน็จบำนาญตามสัญญา 432,000  บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5  ต่อปี   นับแต่วันที่  3  กรกฎาคม   2551 เป็นต้นไป และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม 4,055,250  บาท  พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปี  นับแต่วันที่   3   กรกฎาคม 2551 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

 

จำเลยทั้งสองให้การและแก้ไขคำให้การว่า  โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยที่  1 จำเลยที่  2  ไม่ใช่นายจ้างของโจทก์   จำเลยที่  2  ทำแทนจำเลยที่  1   ไม่ได้กระทำการในฐานะส่วนตัว  จำเลยที่  2  จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์   และเมื่อวันที่   30   กรกฎาคม   2551   จำเลยที่ 2  ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 แล้ว  จำเลยที่ 1 ตกลงจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์จำนวน 515,424  ดอลลอร์ฮ่องกงต่อปี   แบ่งจ่ายเป็นรายเดือนจำนวน  12  เดือนเท่าๆ กัน   ค่าเช่าที่พัก ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าใช้จ่ายสำหรับคนขับรถและเงินอื่นๆ   ถือเป็นสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือโจทก์ซึ่งเป็นชาวต่างประเทศที่ต้องเดินทางมาทำงานในประเทศไทย ไม่ได้จ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานจึงมิใช่ค่าจ้างตามฟ้อง นอกจากนี้เงินส่วนแบ่งจากยอดขายมีลักษณะเป็นค่าคอมมิสชัน   จ่ายเพื่อเป็นสวัสดิการ   และมิได้จ่ายเป็นจำนวนที่แน่นอน   จึงมิใช่ค่าจ้างเช่นกัน   การยกเลิกการจ่ายเงินส่วนแบ่งจากยอดขายเป็นไปเพื่อให้แนวทางการบริหารงานของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลมีความเอก ภาพและสอดคล้องกันทั้งภูมิภาค และจำเลยที่  1  ได้พูดคุยเจรจากับโจทก์ในเรื่องดังกล่าวหลายครั้งโดยมอบผลประโยชน์ตอบแทนให้แต่โจทก์กลับมอบหมายให้ทนายความมีหนังสือทวงถาม และขู่ว่าหากไม่ปฏิบัติตามจะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน   การกระทำของโจทก์ไม่เหมาะสมและไม่สมควรและเป็นปฏิปักษ์กับจำเลยที่   1 จึงไม่มีทางอื่นใดนอกจากจะต้องพักงานโจทก์ไว้ก่อน  ซึ่งระหว่างพักงานจำเลยที่   1  ได้ชำระค่าจ้างและสวัสดิการให้แก่โจทก์ตามปกติ จำเลยที่  1  พยายามเจรจากับโจทก์หลายครั้งแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ  จำเลยที่   1   จึงต้องเลิกจ้างโจทก์เพื่อลดความขัดแย้งในการบริหารงาน   จำเลยที่   1 จ่ายค่าชดเชย  เงินเดือน   ค่าที่พักอาศัย ค่าเดินทางจนถึงวันบอกเลิกจ้าง   สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า  ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีครบถ้วนแล้ว   ที่โจทก์มอบให้ทนายความทวงถามและขู่ว่าจะดำเนินคดีกับจำเลยที่  1  ก็เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมในฐานะผู้บริหาร จำเลยที่  1  เลิกจ้างโจทก์เพราะมีเหตุจำเป็นและสมควร   มิใช่การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม   ภายหลังเลิกจ้างโจทก์ได้งานใหม่ทำแล้ว   จึงมิได้เสียโอกาสในการทำงานแต่อย่างใด  จำเลยที่   1   ไม่จำต้องจ่ายค่าเสียหายใดๆ   แก่โจทก์อีก   สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเรียกดอกเบี้ยได้เพียงร้อยละ 7.5   ต่อปี   และเมื่อโจทก์ไม่ได้ทวงถามให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้มาก่อน   จึงคิดดอกเบี้ยผิดนัดได้นับแต่วันฟ้องคือวันที่   10   กันยายน 2551   เป็นต้นไป   ขอให้ยกฟ้อง


ระหว่างพิจารณา   โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่   2   ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาต  จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่   2   ออกจากสารบบความ

 

ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว   พิพากษาให้จำเลยที่   1   จ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า   335,715   บาท   เงินส่วนแบ่งจากยอดขาย   1,283,031.40   บาท   เงินจากกองทุนบำเหน็จบำนาญ 432,000 บาท และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม 1,700,000   บาท   พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อย   7.5  ต่อปี   ของเงินแต่จะจำนวนดังกล่าวนับจากวันฟ้อง  (ฟ้องวันที่   10   กันยายน   2551)   เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์เสร็จสิ้น  คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

 

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

 

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า   โจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างจำเลยที่   1   เมื่อวันที่   1   พฤษภาคม 2546 โดยจำเลยที่ 1 ตกลงจ่ายค่าจ้างและเงินอื่นๆ   ให้แก่โจทก์ตามหนังสือจ้างงาน   ระหว่างโจทก์ทำงานเป็นลูกจ้าง   จำเลยที่  1  โดยนายเท็ดซี   ริดจ์เวย์   ประธานเจ้าหน้าที่บริหารตกลงเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่โจทก์   2   ประการคือ   ค่าเบี้ยเลี้ยงคนขับรถรายเดือนละ   18,000   บาท และเงินส่วนแบ่งจากยอดขาย  0.002 ของยอดเก็บค่าเบี้ยประกันจากสามช่องทางคือ   การขายผ่านตัวแทน การจัดจำหน่ายของผู้ที่เป็นหุ้นส่วน   และการขายตรง  โดยจะจ่ายเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์พร้อมกับเงินเดือน   ข้อตกลงดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่   1  มิถุนายน  2549   จำเลยที่   1   มีหนังสือแจ้งขึ้นเงินเดือนและสิทธิประโยชน์ให้แก่โจทก์และยกเลิกเงินส่วนแบ่งจากยอดขายให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม   2551   เป็นต้นไป   ภายหลังโจทก์มอบอำนาจให้ทนายความมีหนังสือทวงถามจำเลยที่ 1 ให้จ่ายเงินส่วนแบ่งจากยอดขายแก่โจทก์  จำเลยที่ 1   มีคำสั่งพักงานโจทก์เมื่อวันที่  9  พฤษภาคม 2551   และเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่   3   กรกฎาคม   2551 

 

คดีมีปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ประการแรกว่า   ค่าเช่าที่พัก   ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง   เบี้ยเลี้ยงสำหรับคนขับรถและเงินส่วนแบ่งจากยอดขาย   เป็นค่าจ้างหรือไม่   ตามบทนิยามมาตรา   5  แห่ง   พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ.  2541   คำว่า   “ค่าจ้าง” หมายความว่าเงินที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันจ่ายเป็นค่าตอบแทนในการทำงานตามสัญญาจ้างฯ....”   ดังนั้นในการพิจารณาว่าเงินใดที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเป็นค่าจ้างหรือไม่ จึงต้องพิจารณาวัตถุประสงค์ของนายจ้างว่า เป็นเงินที่นายจ้างจ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานของลูกจ้างหรือไม่ โดยไม่จำต้องพิจารณาวิธีการจ่ายเงินแก่ลูกจ้างหรือรูปแบบการจ่ายเงินเป็นสำคัญเมื่อจำเลยที่ 1 จ่ายค่าเช่าที่พักและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือโจทก์ซึ่งเป็นชาวต่างชาติที่ต้องมาพักอาศัยในประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือโจทก์ในการเดินทางและจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงสำหรับคนขับรถ เพื่อให้โจทก์มีคนขับในการเดินทางระหว่างที่ทำงานให้แก่จำเลยที่ 1 ดังนั้น ค่าเช่าที่พัก  ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และเบี้ยเลี้ยงสำหรับคนขับรถจึงมิใช่การจ่ายเงินเพื่อตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานปกติอันเป็นค่าจ้าง หากแต่เป็นเงินสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือโจทก์เท่านั้น  ส่วนเงินส่วนแบ่งจากยอดขายศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าการจ่ายเงินส่วนแบ่งจากยอดขายเกิดจากประสิทธิ ภาพในการทำงานของทีมงานโจทก์ที่จะขายและเก็บค่าเบี้ยประกันภัยได้ตามยอดขายหรือไม่ หากทีมงานของโจทก์เก็บยอดขายได้น้อยโจทก์ย่อมได้รับผลประโยชน์จากยอดขายดังกล่าวน้อยด้วย เมื่อเงินส่วนแบ่งจากยอดขายขึ้นอยู่กับการทำงานของทีมงานโจทก์  มิใช่การทำงานตามปกติของโจทก์โดยตรง เงินดังกล่าวจึงมิใช่เงินที่จ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานของโจทก์แต่เป็นการจ่ายเพื่อจูงใจให้โจทก์ตั้งใจปฏิบัติงานตามหน้าที่เพื่อสนับสนุนการทำงานของทีมงานมากขึ้น เงินส่วนแบ่งจากยอดขายจึงมิใช่ค่าจ้าง ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยมานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น


พิพากษายืน.

 

เรียบเรียงโดย บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด




อัพเดท ฎีกาน่าสนใจ

ขึ้นทะเบียนรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเกิน ๓๐ วัน ยังมีสิทธิได้รับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานได้ article
ลักษณะความผิดเดียวกัน แต่ระดับความร้ายแรงแตกต่างกัน นายจ้างพิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ผู้จัดการสาขา เสนอรายชื่อลูกค้าที่ขาดคุณสมบัติทำประกันชีวิต ถือว่าจงใจทำให้นายจ้างเสียหาย / ผิดร้ายแรง article
หยุดกิจการชั่วคราวตาม มาตรา ๗๕ article
สัญญาจ้างเป็นสัญญาต่างตอบแทน นายจ้างออกค่าใช้จ่ายในการเข้าทดสอบเพื่อรับเกียรติบัตร เมื่อทดสอบผ่านต้องทำงานกับนายจ้าง ๕ ปี บังคับใช้ได้ article
ศาลแรงงานกลางมีอำนาจสั่งรับพยานเอกสารได้ แม้ไม่ได้ส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายก็ตาม article
ประกอบธุรกิจแข่งขัน / ไปทำงานกับนายจ้างอื่น ในลักษณะผิดต่อสัญญาจ้าง เมื่อลูกจ้างได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้างตามสัญญาแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะบังคับ / ห้ามทำงานตามเงื่อนไขในสัญญาจ้างอีกต่อไป article
คดีแรงงานเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้คดีอาญายกฟ้อง แต่พฤติกรรมการกระทำผิด เป็นเหตุให้นายจ้างไม่อาจไว้วางใจในการทำงานได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
เลิกจ้างเนื่องจากปรับโครงสร้างองค์กร แต่กำหนดรายชื่อไว้ล่วงหน้า ถือเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม article
การหักลบกลบหนี้ หนี้อันเกิดจากสัญญาจ้าง กรณีลูกจ้างกระทำผิดกับสิทธิประโยชน์ที่มีสิทธิได้รับตามสัญญาจ้าง ถือเป็นมูลหนี้อันเป็นวัตถุอย่างเดียวกันหักลบกลบหนี้กันได้ article
เล่นการพนันฉลากกินรวบ เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กรณีร้ายแรง article
กรณีไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจแข่งขันหรือไม่ถือว่าทำงานกับนายจ้างใหม่ในลักษณะธุรกิจเดียวกับนายจ้าง article
สัญญาฝึกอบรม นายจ้างกำหนดเบี้ยปรับได้ เป็นสัญญาที่เป็นธรรม article
ค้ำประกันการทำงาน หลักประกันการทำงาน การหักลบกลบหนี้ค่าเสียหายจากการทำงาน article
ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์แต่ตนเอง เรียกรับเงินจากลูกค้า ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ article
ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา มาทำงานสายประจำ ถือว่า กระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สหภาพแรงงานทำบันทักข้อตกลงเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างกับนายจ้าง อันส่งผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ของสมาชิก ขัดกับข้อตกลงเดิมและมิได้ขอมติที่ประชุมใหญ่ ข้อตกลงดังกล่าวไม่อาจใช้บังคับได้ article
ขอเกษียณอายุก่อนกำหนดตามประกาศ ถือเป็นการสมัครใจเลิกสัญญาจ้างแรงงานต่อกัน มิใช่การเลิกจ้างหรือการเกษียณอายุ จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยตามระเบียบกรณีเกษียณอายุ article
สถาบันวิจัยอันเป็นส่วนหนึ่งของกิจการมหาวิทยาลัยถือเป็นหน่วยงานของรัฐ ได้รับยกเว้น ไม่อยู่ภายใต้บังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา ๔ (๑) article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จากการเลิกจ้างมีอายุความฟ้องร้องได้ภายใน ๑๐ ปี article
ทะเลาะวิวาทเรื่องส่วนตัวไม่ส่งผลกระทบต่อการบังคับบัญชา ไม่เป็นความผิด กรณีร้ายแรง ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ article
พี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกัน มิใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ และเงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต ตามพระราชบัญญัติ ประกันสังคม มาตรา ๗๓ และมาตรา ๗๗ article
ขับรถเร็วเกินกว่าข้อบังคับกำหนด เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนคำสั่งโยกย้าย เลิกจ้างได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ประกาศใช้ระเบียบใหม่ ไม่ปรากฏว่ามีพนักงานโต้แย้งคัดค้าน ถือว่าทุกคนยินยอมปฏิบัติตามระเบียบ article
เงินค่าตอบแทนพิเศษกับเงินโบนัส มีเงื่อนไขต่างกัน หลักเกณฑ์การจ่ายต่างกัน จึงต้องพิจารณาต่างกัน article
ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินกองทุนเงินทดแทน article
ค่ารถแทนรถยนต์ประจำตำแหน่ง ไม่ถือเป็นค่าจ้าง และ ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมให้ถือตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่กำหนดไว้ article
เจรจาให้ลาออก ลูกจ้างไม่ตกลง ขอเวลาตัดสินใจและหยุดงานไป นายจ้างแจ้งให้กลับเข้าทำงานตามปกติ ถือว่านายจ้างยังไม่มีเจตนาเลิกจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ แอบนอนหลับในเวลาทำงาน ถือเป็นเหตุในการเลิกจ้างได้ เลิกจ้างเป็นธรรม article
ลาออกโดยไม่สุจริต ไม่มีผลใช้บังคับ article
ทำความผิดคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน พิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ประกอบธุรกิจ บริการ ด่าลูกค้าด้วยถ้อยคำหยาบคาย " ควาย " ถือเป็นการกระทำความผิดกรณีร้ายแรง article
ข้อบังคับ ระบุให้ผู้บังคับบัญชาเหนือกว่ามีอำนาจแก้ไข เพิ่มโทษ หรือลดโทษได้ การยกเลิกคำสั่งลงโทษเดิมและให้ลงโทษใหม่หนักกว่าเดิมจึงสามารถทำได้ article
เลือกปฏิบัติในการลงโทษระเบียบการห้ามใส่ตุ้มหูมาทำงาน บังคับใช้ได้ แต่เลือกปฏิบัติในการลงโทษไม่ได้ article
ลงโทษพักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างและเตือนในคราวเดียวกันได้ ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน article
จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย article
ข้อตกลงรับเงินและยินยอมปลดหนี้ให้แก่กัน ถือเป็นการตกลงระงับข้อพิพาทแม้จะทำขึ้นก่อนคำสั่งเลิกจ้างมีผลใช้บังคับ article
ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่คู่ความอ้างส่งศาลได้ แม้มิได้ระบุบัญชีพยานไว้ก็ตาม article
สัญญาจ้างห้ามลูกจ้างไปทำงานกับนายจ้างใหม่ที่ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกันมีกำหนดเวลา บังคับใช้ได้ article
เลิกจ้างและรับเงินค่าชดเชย ใบรับเงิน ระบุขอสละสิทธิ์เรียกร้องเงินอื่นใดใช้บังคับได้ ลูกจ้างไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องสินจ้างและค่าเสียหายได้อีก article
เกษียณอายุ 60 ปี ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยนับแต่วันครบกำหนดเกษียณอายุ แม้นายจ้างไม่ได้บอกเลิกจ้างก็ตาม article
ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและเพิกเฉยไม่ดูแลผลประโยชน์ของนายจ้าง เป็นเหตุให้นายจ้างไม่ไว้วางใจในการทำงานได้เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ละเลยต่อหน้าที่ ไม่รายงานเคพีไอ นายจ้างตักเตือนแล้ว ถือว่าผิดซ้ำคำเตือน เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ทำสัญญาจ้างต่างด้าวทำงานในอาชีพต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว สัญญาจ้างถือเป็นโมฆะ article
ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง article
ศาลมีคำสั่งให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาตามหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน ในขณะที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ยุติ ต้องสืบพยานใหม่และพิพากษาใหม่ไปตามรูปคดี article
แม้สัญญาจ้างไม่ได้ระบุระยะเวลาทดลองงานไว้ แต่นายจ้างก็สามารถประเมินผลการทำงานของลูกจ้างได้ article
การควบรวมกิจการ สิทธิและหน้าที่โอนไปเป็นของบริษัทใหม่ การจ่ายเงินสมทบบริษัทใหม่ที่ควบรวมจึงมีสิทธิจ่ายเงินสมทบในอัตราเดิมตามสิทธิ มิใช่ในอัตราบริษัทตั้งใหม่ article
เลิกจ้างรับเงินค่าชดเชยแล้วตกลงสละสิทธิ์จะไม่เรียกร้องผละประโยชน์ใดๆ ถือว่าสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเป็นอันระงับไป article
รับเหมาก่อสร้าง ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบ จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแทนผู้รับเหมาช่วง หากผู้รับเหมาช่วงไม่นำส่งเงินสมทบตามกฎหมายโดยคำนวณจากอัตราค่าจ้างที่ระบุตามแบบ ( ภ.ง.ด. 50 ) และบัญชีงบดุล article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานระบุห้ามทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายร่างกาย ผู้บังคับบัญชา เพื่อนพนักงาน ทั้งในสถานที่ทำงาน หรือสถานที่อื่นๆ ฝ่าฝืนถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง ใช้บังคับได้ไม่ขัดต่อกฎหมาย article
ไส้ติ่งอักเสบ แพทย์วินิจฉัยให้ผ่าตัด ถือเป็นกรณีฉุกเฉิน เบิกค่ารักษาได้ มีสิทธิรับเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ได้ article
ค่ารถยนต์ซึ่งกำหนดเป็นสวัสดิการไว้ชัดเจนแยกจากฐานเงินเดือนปกติ ถือเป็นสวัสดิการไม่ใช่ค่าจ้าง article
ละเมิดข้อตกลงสภาพการจ้าง ละเมิดสัญญาจ้าง มีอายุความ 10 ปี มิใช่ 1 ปี article
พฤติกรรมการจ้างที่ถือว่าเป็นการจ้างแรงงาน ถือเป็นลูกจ้าง / นายจ้างตามกฎหมาย article
พนักงานขายรถยนต์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ประจำบูธ ตามที่ได้รับมอบหมาย ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
เลือกตั้งคณะกรรมการสหภาพฯ ขัดต่อข้อบังคับสหภาพหรือขัดต่อกฎหมาย ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบ article
ฝ่าฝืนสัญญาจ้าง กรณีห้ามทำการแข่งขันกับนายจ้างหรือทำธุรกิจคล้ายคลึงกับนายจ้างเป็นเวลา 2 ปี นับจากสิ้นสุดสัญญาต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้าง article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระบุให้นายจ้างเลิกจ้างเพราะเหตุคนล้นงาน ปรับลด ขนาดองค์กรได้ ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเลิกจ้างลูกจ้างได้ article
ข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีตัดสิทธิ์รับเงินสมทบพร้อมผลประโยชน์หากกระทำผิดถูกปลดออกจากงานบังคับใช้ได้ article
ทะเลาะวิวาทกัน นอกเวลางาน นอกบริเวณบริษัทฯ ไม่ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนไม่ไปตรวจสารเสพติดซ้ำตามคำสั่งและนโยบาย ถือว่าฝ่าฝืน ข้อบังคับ หรือ ระเบียบ กรณีร้ายแรง article
วันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วน article
เป็นลูกจ้างที่มีอำนาจกระทำการแทนนายจ้างในการจ้างงาน ไม่มีสิทธิได้รับค่าทำงานในวันหยุด และลักทรัพย์เอาต้นไม้ของนายจ้างไป ถือว่ากระทำผิดอาญาแก่นายจ้าง เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ผลการทำงานดีมาโดยตลอดและไม่เคยกระทำผิดมาก่อน แต่ปีสุดท้ายผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่ถือเป็นเหตุที่จะอ้างในการเลิกจ้าง article
ได้รับบาดเจ็บรายการเดียว เข้ารักษา 2 ครั้ง ถือว่าเป็นการรักษารายการเดียว นายจ้างสำรองจ่ายเพิ่มเติมไม่เกิน 50,000 บาท ไม่ใช่ 200,000 บาท article
ผู้บริหารบริษัท ฯ ถือเป็นลูกจ้างหรือไม่ ดูจาก_________ ? article
ขับรถออกนอกเส้นทาง แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรงและก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้าง นายจ้างหักเงินประกันการทำงานได้ article
ค่าจ้างระหว่างพักงาน เมื่อข้อเท็จจริง ลูกจ้างกระทำความผิดจริง จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างระหว่างพักงาน article
“ นายจ้าง ” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 5 article
สัญญารักษาความลับ ข้อมูลทางการค้า (ห้ามประกอบหรือรับปฏิบัติงานแข่งขันนายจ้าง) มีกำหนด 2 ปี บังคับใช้ได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย และการกำหนดค่าเสียหาย ถือเป็นเบี้ยปรับตามกฎหมาย ศาลปรับลดได้ตามสมควร article
เงินรางวัลการขายประจำเดือน จ่ายตามเป้าหมายการขาย ที่กำหนดไว้ ไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่าโทรศัพท์ เหมาจ่าย ถือเป็นค่าจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ 3 วันทำการ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เลิกจ้างเป็นธรรมไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ลาออกมีผลใช้บังคับแล้ว ออกหนังสือเลิกจ้างภายหลังใช้บังคับไม่ได้ article
ตกลงรับเงิน ไม่ติดใจฟ้องร้องอีกถือเป็นการตกลงประนีประนอมกันบังคับได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย
เลิกจ้างระหว่างทดลองงาน ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ข้อตกลงว่า “หากเกิดข้อพิพาทตามสัญญาจ้างแรงงาน ให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย” ไม่เกี่ยวกับสิทธิตามกฎหมายแรงงาน เมื่อเกิดสิทธิตามกฎหมาย ฟ้องศาลแรงงานได้ โดยไม่ต้องให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย article
เลิกจ้างด้วยเหตุอื่น อันมิใช่ความผิดเดิมที่เคยตักเตือน ไม่ใช่เหตุที่จะไม่จ่ายค่าชดเชย เลิกจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย article
นำรถยนต์ไปใช้ในกิจธุระส่วนตัว มีพฤติกรรมคดโกง ไม่ซื่อตรง พฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ไม่น่าไว้วางใจ ลงโทษปลดออกจากการทำงานได้ article
การกระทำที่กระทบต่อเกียรติ ชื่อเสียงของนายจ้าง และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แม้กระทำนอกสถานที่ทำงานและนอกเวลางาน ก็ถือว่า ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรง article
สัญญาค้ำประกันการทำงานไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ต้องรับผิดชอบตลอดไป article
ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเลิกจ้างได้ ถือว่าเลิกจ้างเป็นธรรมและความผิดที่ลงโทษแล้วจะนำมาลงโทษอีกไม่ได้ article
ผิดสัญญาจ้างไปทำงานกับคู่แข่ง นายจ้างฟ้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาได้ แต่ค่าเสียหาย เป็นดุลพินิจของศาลจะกำหนด article
จงใจกระทำผิดโดยผิดกฎหมายเป็นเหตุให้นายจ้างเสียหาย ถือว่า กระทำละเมิดต่อนายจ้าง ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น article
ตกลงสละสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย ภายหลังเลิกจ้าง ใช้บังคับได้ ไม่เป็นโมฆะ article
ก้าวร้าวไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ามิใช่ค่าจ้าง คิดดอกเบี้ยในอัตรา 7. 5 ต่อปี article
ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของนายจ้างในเรื่องส่วนตัวเป็นประจำ ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่กาปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต เลิกจ้างเป็นธรรม article
สั่งให้พนักงานขับรถ ขับรถออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้มีส่วนในการขับรถ ถือว่าผิดต่อสัญญาจ้าง แต่ไม่ต้องรับผิดอันมีผลโดยตรงจากมูลละเมิด ( ขับรถโดยประมาท ) article
จ่ายของสมนาคุณให้ลูกค้า โดยไม่ตรวจสอบบิลให้ถูกต้อง มิใช่ความผิดกรณีร้ายแรงไม่ใช่การทุจริตต่อหน้าที่ แต่ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เสร็จลุล่วงไปโดยถูกต้อง และสุจริต เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ฟ้องประเด็นละเมิด กระทำผิดสัญญาจ้าง ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง มีอายุความ 10 ปี article
ตกลงยินยอมให้หักค่าจ้างชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ นายจ้างสามารถหักค่าจ้างได้ตามหนังสือยินยอมโดยไม่ต้องฟ้อง article
กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างและประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง article
“ งานโครงการตามมาตรา 118 วรรค 4 ” บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ว่าจ้างลูกจ้างทำงานตามโครงการที่รับเหมา ถือว่าจ้างงานในปกติธุรกิจของนายจ้าง มิใช่งานโครงการ article
เงินโบนัสต้องมีสภาพการเป็นพนักงานจนถึงวันกำหนดจ่าย ออกก่อนไม่มีสิทธิได้รับ article
ระเบียบกำหนดจ่ายเงินพิเศษ ( gratuity ) เนื่องจากเกษียณอายุ โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายแตกต่างจากการจ่ายค่าเชย ถือว่านายจ้างยังไม่ได้จ่ายค่าชดเยตามกฎหมาย article
เจรจาให้ลาออก ลูกจ้างขอค่าชดเชย นายจ้างไม่คุยด้วย แต่ยังไม่ได้บอกเลิกจ้างและยังไม่ปรากฎว่านายจ้างไม่จ่ายค่าจ้างและไม่ให้เข้าทำงานต่อ ยังไม่ถือว่าเป็นการเลิกจ้าง ( อย่าเข้าใจไปเอง ) ไม่มีสิทธิได้ค่าชดเชย article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.

บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด

เลขที่ 511/4 ถนนประชาอุทิศ 117/1 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร (10140)

โทร/Tel : 02 - 8159522, แฟกซ์/Fax : 02 - 8159523, มือถือ/Mobile : 081 - 7936156

อีเมล/E-mail : sawai.prm@gmail.com, เว็บไซต์/Web : www.parameelaw.com