ReadyPlanet.com
dot dot
dot
ชมรมบริหารงานบุคคล
dot
bulletสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย
bulletชมรมบริหารงานบุคคล
bulletชมรมบริหารงานบุคคล อยุธยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลรังสิต
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคล อมตะนคร
bulletสมาคมการบริหารงานบุคคล (PAAs)
bulletชมรมบริหารงานบุคคลบางพลี
bulletชมรมนักบริหารงานบุคคลพัทยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลยุคใหม่
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคลจังหวัดราชบุรี
bulletงานบริหารงานบุคคล
bulletชมรมงานบริหารงานบุคคลกรุงเทพฯ
bulletชมรมบริหารงานบุคลสุขสวัสดิ์
dot
ติดต่อราชการศาล
dot
bulletศาลแรงงานกลาง
bulletศาลแรงงานภาค ๒
bulletศาลยุติธรรม
bulletศาลปกครอง
bulletศาลรัฐธรมนูญ
bulletสำนักงานอัยการสูงสุด
bulletกระทรวงยุติธรรม
bulletคณะกรรมการกฤษฎีกา
bulletกรมบังคับคดี
bulletสภาทนายความ
dot
หน่วยงานราชการสำคัญ
dot
bulletกระทรวงแรงงาน
bulletกรมการจัดหางาน
bulletกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
bulletกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
bulletสำนักงานประกันสังคม
bulletกรมสรรพากร
bulletกรมบัญชีกลาง
bulletกรมพัฒนาธุรกิจกาค้า
bulletกระทรวงอุตสาหกรรม
bulletกรมโรงงานอุตสาหกรรม
bulletกรมส่งเสริมอุตสาหรม
bulletการนิคมอุตสาหกรรม
dot
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน
dot
bulletสมบัติลีกัล
bulletเอกเซลสำหรับงาน HR โดย อ.สำเริง
bulletบทความดี ๆ จากโกป้อม
dot
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
dot
dot
Newsletter

dot


พยากรณ์อากาศวันนี้
..................................


ราคาน้ำมันวันนี้
..................................



เลือกตั้งคณะกรรมการสหภาพฯ ขัดต่อข้อบังคับสหภาพหรือขัดต่อกฎหมาย ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบ article

คำพิพากษาฎีกาที่    4697/57

เลือกตั้งคณะกรรมการสหภาพฯ  ขัดต่อข้อบังคับสหภาพหรือขัดต่อกฎหมาย   ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบ

 

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า  จำเลยที่  1  เป็นนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์  พ.ศ.  2543  จำเลยที่  2  เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นผู้วินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่  1  โจทก์และนายชัชพงษ์ พราหมณ์พันธุ์  กับพวกรวม 19 คน เป็นลูกจ้างของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) และเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย โจทก์และนายชัชพงษ์กับพวกรวม 30 คน ได้รับเลือกตั้งให้เป็นกรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยเมื่อวันที่ 27  สิงหาคม  2547  โดยชอบด้วยข้อบังคับทุกประการ  เมื่อวันที่  1  กันยายน  2547  นายสมศักดิ์ ศรีนวล รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยนำรายชื่อคณะกรรมการที่ได้รับเลือกตั้งไปยื่นขอจดทะเบียนกรรมการบริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยต่อจำเลยที่  1  ซึ่งเป็นนายทะเบียน  แต่จำเลยที่ 1 ไม่ยอมรับจดทะเบียนโดยอ้างว่าวิธีการออกเสียงลงคะแนนไม่ชอบด้วยข้อบังคับของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การบินไทย  ข้อ  26  (2) โจทก์และนายชัชพงษ์กับพวกยื่นอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่  1  ต่อจำเลยที่  2  จำเลยที่  2  มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของจำเลยที่  1  คำสั่งของจำเลยทั้งสองไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนคำสั่งที่   รง  0509/002390   ลงวันที่   22   มีนาคม 2549   ของจำเลยที่   1 และคำสั่งที่   007/2549  ลงวันที่   26  มิถุนายน 2549 ของจำเลยที่ 2  ให้จำเลยที่  1   รับจดทะเบียนกรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยตามคำขอจดทะเบียน ลงวันที่ 1   กันยายน 2547

 

ระหว่างพิจารณานายชัชพงษ์  พราหมณ์พันธุ์  กับพวกรวม 19  คน  ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม   ศาลแรงงานกลางอนุญาต

 

จำเลยทั้งสองให้การว่า ตามข้อบังคับของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย  ข้อ  26  วรรคสอง   กำหนดให้การเลือกตั้งกรรมการต้องลงคะแนนโดยวิธีลับเท่านั้นปรากฏว่าการเลือกตั้งกรรมการบริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสา หกิจการบินไทยในวันที่ 27 สิงหาคม 2547 เมื่อสมาชิกสหภาพแรงงานฯ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาใช้สิทธิลงชื่อรับบัตรเลือกตั้งคณะอนุกรรมการการเลือกตั้งจ่ายบัตรเลือกตั้งให้และได้จดหมายเลขบัตรเลือกตั้งท้ายลายมือชื่อผู้รับบัตรในบัญชีรายชื่อรับบัตรนั้น  ทำให้สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ลงคะแนนให้ผู้สมัครคนใดหรือกลุ่มใดได้  จึงไม่ใช่เป็นการลงคะแนนโดยวิธีลับ เมื่อมีผู้ร้องเรียนคัดค้านการเลือกตั้งว่าไม่ชอบด้วยข้อบังคับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ข้อ 26  จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายทะเบียนจึงมีคำสั่งไม่รับจดทะเบียนกรรมการ   โจทก์กับพวกอุทธรณ์คำสั่ง จำเลยที่   2  พิจารณาแล้วเห็นด้วยกับคำสั่งของจำเลยที่   1  จึงยกอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่  1 และคำวินิจฉัยของจำเลยที่ 2  ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีเหตุที่จะเพิกถอน คำวินิจฉัยของจำเลยที่ 2 ถึงที่สุดตามมาตรา 47  แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์  พ.ศ. 2543  โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสิบเก้าไม่มีอำนาจฟ้อง    ขอให้ยกฟ้อง

 
 
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว  พิพากษายกฟ้อง
 
 
 
โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสิบเก้าอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
 

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสิบเก้าเป็นพนักงานของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) และเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย เดิมพนักงานของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยตามพระราชบัญญัติพนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2534 ต่อมาเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2543  จดทะเบียนเปลี่ยนสถานะเป็นสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยตามพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543  ตามเอกสารหมาย  จ.3   จดทะเบียนข้อบังคับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย พ.ศ. 2545 ตามเอกสารหมาย จ.4 ได้ใช้ข้อบังคับดังกล่าวมาจนถึงทุกวันนี้ คณะกรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยที่ได้รับเลือกตั้งและจดทะเบียนเมื่อปี  2545 ปรากฏตามเอกสารหมาย   จ.5  ถึง  จ.7  ซึ่งครบวาระวันที่  11  กุมภาพันธ์   2547   สหภาพแรงงานฯ    จัดการเลือกตั้งกรรมการเมื่อเดือนมีนาคม  2547 ผลการเลือกตั้งกรรมการนายทะเบียนจำเลยที่ 1 ไม่ยอมรับจดทะเบียนให้เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนว่าการเลือกตั้งไม่ชอบเพราะไม่ครบองค์ประชุม จึงจัดการเลือกตั้งใหม่เมื่อวันที่  27 สิงหาคม 2547  ในการเลือกตั้งปี   2547   สหภาพแรงงานฯ ได้รวบรวมและจัดทำคู่มือการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ประจำปี 2547 ขึ้น  ตามเอกสารหมาย  จ.11 เพื่อสะดวกแก่ผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งคณะอนุกรรมการการเลือกตั้งจัดหน่วยเลือกตั้งออกเป็นหลายหน่วยกระจายไปตามหน่วยงานทั่วราชอาณาจักร โดยทำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่งไปยังหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วยเช่นบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิตามเอกสารหมาย จ.20 มีเลขประจำตัวพนักงานและเลขสมาชิกสหภาพแรงงานฯของผู้มีสิทธิเลือกตั้งปรากฏอยู่ส่วนบัตรเลือกตั้งมีเลขที่บัตรปรากฏอยู่เช่นเอกสารหมาย  จ.19 คณะกรรมการการเลือกตั้งได้กำหนดเลือกตั้งวันที่  27 สิงหาคม 2547 พร้อมกันทั่วประเทศ  สมาชิกสหภาพแรงงานฯจะไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งใดก็ได้ เมื่อแสดงตัวต่อหน่วยเลือกตั้งเจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งจะระบุเลขที่บัตรเลือกตั้งลงในช่องว่างและให้ผู้ใช้สิทธิลงลายมือชื่อในช่องตรงกับชื่อสมาชิกในบัญชีรายชื่อแล้วจึงมอบบัตรเลือกตั้งนั้นให้แก่ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งเพื่อลงคะแนนต่อไป เมื่อลงคะแนนเสร็จหีบบัตรเลือกตั้งทุกหน่วยจะส่งไปรวมนับคะแนนที่ส่วนกลาง เนื่องจากผู้มีสิทธิลงคะแนนจะใช้สิทธิลงคะแนนได้เพียงหน่วยเดียว จึงจัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบัญชีรายชื่อที่ส่งกลับมาจากหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วยเพื่อตรวจสอบว่ามีผู้ใดที่ใช้สิทธิลงคะแนนเกินกว่าหนึ่งหนึ่งหรือไม่ ถ้ามีก็จะตรวจและดึงเอาบัตรเลือกตั้งของผู้นั้นออกจากบัตรที่ยังไม่ได้นับคะแนน  โดยอาศัยเลขที่บัตรเลือกตั้งซึ่งปรากฏอยู่ในบัญชีรายชื่อโดยปรับให้เป็นบัตรเสียเพราะลงคะแนนซ้ำซ้อนผลการตรวจไม่ปรากฏว่ามีผู้ใช้สิทธิลงคะแนนซ้ำซ้อน ผลการนับคะแนนปรากฏว่ากลุ่มของนายบุญช่วย  จันทร์เพ็ญแสง ชนะการเลือกตั้งโดยได้คะแนนสูงสุด โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสิบเก้าอยู่ในกลุ่มของนายบุญช่วย นายสมศักดิ์ ศรีนวล รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยยื่นคำร้องขอจดทะเบียนกรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยตามพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 ต่อจำเลยที่  1  ตามเอกสารหมาย   จ.1   เมื่อวันที่   1   กันยายน   2547   กลุ่มนางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์   ซึ่งแพ้การเลือกตั้งร้องเรียนต่อจำเลยที่  1  ว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่   27 สิงหาคม 2547  ไม่ชอบด้วยข้อบังคับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย  พ.ศ.  2545 ตามเอกสารหมาย จ.4 ข้อ  26  ซึ่งกำหนดให้ลงคะแนนเลือกตั้งกรรมการสหภาพแรงงานฯ ต้องลงคะแนนเสียงโดยวิธีลับ  แต่การเลือกตั้งในวันที่   27   สิงหาคม   2547 เจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งได้จดเลขที่บัตรเลือกตั้งลงในบัญชีลายมือชื่อผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ทำให้สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้ที่มาใช้สิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ผู้ใดบ้าง เป็นวิธีการที่ไม่เป็นความลับขัดต่อข้อบังคับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย พ.ศ.  2545  ข้อ  26 จำเลยที่  1 จึงปฏิเสธไม่ยอมรับจดทะเบียนให้ตามเอกสารหมาย จ.8  นายสมศักดิ์อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่   1  ไปยังจำเลยที่  2  ตามเอกสารหมาย  จ.9   ต่อมาจำเลยที่  2  มีคำวินิจฉัยเห็นด้วยกับคำสั่งของจำเลยที่  1  โดยยกอุทธรณ์   ตามเอกสารหมาย  จ.10   เดิมการเลือกตั้งกรรมการสหภาพแรงงานฯ   กระทำโดยที่ประชุมใหญ่ซึ่งอยู่ส่วนกลาง   ต่อมาสหภาพแรงงานฯมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนกว่าหมื่นคน  การเลือกตั้งโดยที่ประชุมใหญ่ซึ่งอยู่ส่วนกลางที่กรุงเทพมหานครแห่งเดียวจึงไม่สะดวกแก่สมาชิกผู้ใช้สิทธิซึ่งกระจายอยู่ตามหน่วยงานที่ท่าอากาศยานทั่วราชอาณาจักร  เมื่อวันที่  6 กุมภาพันธ์ 2547 ที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2546 ได้กำหนดระเบียบสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ว่าด้วยการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสหภาพแรงงาน  พ.ศ.  2547   ขึ้น   มีทั้งหมด   22 ข้อ ตามเอกสารหมาย จ.24 จากระเบียบดังกล่าวคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้งจึงกระจายหน่วยเลือกตั้งไปตามท่าอากาศยานทั่วราชอาณาจักร   โดยได้จัดทำคู่มือการเลือกตั้งขึ้นตามเอกสารหมาย   จ.11 กำหนดรายละเอียดและแนวทางปฏิบัติ ข้อ 2.3.3 ให้อนุกรรมการควบคุมการเลือกตั้งบันทึกหมายเลขบัตรเลือกตั้งต่อท้ายจากเลขประจำตัวของสมาชิกผู้ใช้สิทธิในบัญชีรายชื่อ  อ้างเหตุว่าเพื่อให้ตรวจสอบการลงคะแนนซ้ำซ้อน แล้วินิจฉัยว่าการให้อนุกรรมการควบคุมการเลือกตั้งตามหน่วยเลือกตั้งจดเลขที่บัตรเลือกตั้งลงในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งทำให้สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่บุคคลใดได้เท่ากับการลงคะแนนไม่เป็นความลับ สามารถตรวจสอบได้ซึ่งขัดกับข้อบังคับสหภาพ แรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย   พ.ศ.   2545  ข้อ  26

 

 

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสิบเก้าว่าการเลือกตั้งกรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2547 ชอบด้วยข้อบังคับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย พ.ศ.  2545  ข้อ  26  ที่กำหนดให้ลงคะแนนเสียงโดยวิธีลับหรือไม่ โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสิบเก้าอุทธรณ์ว่า ข้อบังคับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย  พ.ศ.   2545  ตามเอกสารหมาย  จ.4  ข้อ  26  ไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่าการลงคะแนนลับจะต้องปฏิบัติอย่างไร  ลับขนาดไหน จึงต้องถือเอาจารีตประเพณีที่เคยปฏิบัติกันมาว่าการลงคะแนนโดยวิธีลับถือหลักอย่างไร  ตามที่กำหนดไว้ในคู่มือการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยประจำปี 2547 เอกสารหมาย จ.11 กล่าวคือเมื่อสมาชิกสหภาพแรงงานฯ มาใช้สิทธิเลือกตั้ง อนุกรรมการควบคุมการเลือกตั้งจะบันทึกหมายเลขบัตรเลือกตั้งของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งต่อท้ายจากหมายเลขประจำตัวในบัญชีรายชื่อของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งใช้สิทธิซ้ำซ้อน ซึ่งตรงตามแนวปฏิบัติอันเป็นจารีตประเพณีที่ต้องการให้สมาชิกสหภาพแรงงานฯ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศได้ใช้สิทธิอย่างทั่วถึง และถือว่าคู่มือการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยดังกล่าวชอบด้วยข้อบังคับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย  พ.ศ.  2545   ตามเอกสารหมาย   จ.4   ข้อ  26 การเลือกตั้งกรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยชอบแล้ว จำเลยที่ 1 ในฐานะนายทะเบียนต้องรับจดทะเบียน เห็นว่า การเลือกตั้งกรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2547 อยู่ภายใต้บังคับของข้อบังคับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย   พ.ศ.   2545   ตามเอกสารหมาย จ.4  ซึ่งกำหนดไว้ในข้อ 23  (6)  และข้อ  27  (2)  ว่าการเลือกตั้งกรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยต้องกระทำโดยที่ประชุมใหญ่ประจำปี   ข้อ   26   กำหนดวิธีการออกเสียงลงคะแนนไม่ว่าในเรื่องใดของที่ประชุมใหญ่ว่าอาจใช้วิธีการ  (1)   ลงคะแนนเสียงโดยวิธีเปิดเผย  (2) ลงคะแนนเสียงโดยวิธีลับ   ทั้งนี้ตามแต่มติที่ประชุมจะเห็นสมควร   ยกเว้นเรื่องการเลือกตั้งกรรมการต้องลงคะแนนเสียงโดยวิธีลับเท่านั้น ดังนั้นการเลือกตั้งกรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยข้างต้นจึงต้องกระทำโดยที่ประชุมใหญ่  และต้องลงคะแนนเสียงโดยวิธีลับ  ซึ่งมีความหมายว่าในการเลือกตั้งกรรมการสหภาพแรงงานฯ  จะต้องใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนที่ไม่มีผู้ใดทราบว่าสมาชิกสหภาพแรงงานฯ ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งได้ออกเสียงลงคะแนนเลือกผู้ใดเป็นกรรมการสหภาพแรงงานฯ  เพื่อเป็นการให้โอกาสแก่ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งได้ใช้สิทธิอย่างอิสรเสรี   ไม่ต้องตกอยู่ในความเกรงกลัว  ความเกรงใจ หรืออิทธิพลของใคร ด้วยเหตุนี้หากมีการกระทำใดที่เป็นช่องทางให้ทราบได้ว่าสมาชิกสหภาพแรงงานฯ ผู้มาใช้สิทธิเลือกผู้ใดเป็นกรรมการสหภาพแรงงานฯ ย่อมถือได้ว่าไม่ใช่เป็นการลงคะแนนเสียงโดยวิธีลับ   ตามข้อบังคับเอกสารหมาย  จ.4   ข้อ 26 ดังกล่าว ข้อเท็จจริงได้ความว่าในการเลือกตั้งกรรมการสหภาพแรงงานฯ ครั้งนี้ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยจัดทำคู่มือการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสา หกิจการบินไทย  ประจำปี 2547 ตามเอกสารหมาย   จ.11   ขึ้นเป็นแนวทางปฏิบัติ   โดยให้คณะอนุกรรมการเลือกตั้งจัดหน่วยเลือกตั้งออกเป็นหลายหน่วยกระจายไปตามหน่วยงานของบริษัทการบินไทย  จำกัด  (มหาชน)   ทั่วราชอาณาจักร    ทำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งมีเลขประจำตัวพนักงานและเลขสมาชิกสหภาพแรงงานฯของพนักงานผู้มีสิทธิเลือกตั้งนั้นปรากฏอยู่   กับทำบัตรเลือกตั้งซึ่งมีเลขที่บัตรปรากฏอยู่    แล้วส่งไปยังหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วย  ในวันเลือกตั้ง วันที่  27  สิงหาคม  2547  เมื่อสมาชิกสหภาพแรงงานฯ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปแสดงตัวใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งใด เจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งจะระบุเลขที่บัตรเลือกตั้งลงในช่องว่างตรงกับชื่อสมาชิกสหภาพแรงงาน  ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งนั้นในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แล้วให้ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งลงลายมือชื่อในช่องตรงกับชื่อสมาชิกสหภาพแรงงานฯ  ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง หลังจากนั้นจึงมอบบัตรเลือกตั้งให้แก่ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งเพื่อไปลงคะแนนต่อไปเมื่อลงคะแนนเสร็จหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วยจะส่งหีบบัตรเลือกตั้งไปรวมนับคะแนนที่ส่วนกลางพร้อมกับจัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่ามีผู้มีสิทธิเลือกตั้งรายใดใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งเกินกว่าหนึ่งหน่วยหรือไม่ ถ้ามีก็จะตรวจและดึงเอาบัตรเลือกตั้งของผู้นั้นออกจากบัตรที่ยังไม่ได้นับคะแนนโดยอาศัยเลขที่บัตรเลือกตั้งที่ปรากฏอยู่ในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งและปรับให้เป็นบัตรเสียเพราะลงคะแนนซ้ำซ้อน จะเห็นได้ว่าการปฏิบัติตามแนวทางในคู่มือการเลือกตั้งตามเอกสารหมาย จ.11 ดังกล่าวเป็นช่องทางให้ตรวจสอบทราบได้ว่าสมาชิกสหภาพแรงงานฯ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งผู้ใดเป็นกรรมการสหภาพแรงงานฯ ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งย่อมเกิดความหวาดระแวงว่าจะมีผู้อื่นทราบความลับของตนว่าได้ใช้สิทธิเลือกผู้ใดเป็นกรรมการสหภาพแรงงานฯ  ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่มีโอกาสใช้ดุลพินิจอย่างอิสรเสรีในการออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งอีกต่อไป   จึงไม่ใช่การลงคะแนนเสียงโดยวิธีลับ ย่อมไม่ชอบด้วยข้อบังคับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย  พ.ศ.  2545 ตามเอกสารหมาย จ.4 ข้อ 26 ที่โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสิบเก้าอ้างว่าการปฏิบัติตามคู่มือการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย  ประจำปี 2547  ตามเอกสารหมาย จ.11 ข้างต้นเป็นการปฏิบัติตามจารีตประเพณีที่เคยปฏิบัติมาเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่สมาชิกสหภาพแรงงานฯ ใช้สิทธิเลือกตั้งซ้ำซ้อนมากกว่าหนึ่งหน่วยเลือกตั้งนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การป้องกันไม่ให้สมาชิกสหภาพแรงงานฯ ใช้สิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงซ้ำซ้อนมากกว่าหนึ่งหน่วยเลือกตั้งเป็นเรื่องที่สหภาพแรงงานฯ มีสิทธิกระทำได้แต่จะต้องเลือกใช้วิธีป้องกันที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย หรือไม่ขัดต่อข้อบังคับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย พ.ศ.  2545   ตามเอกสารหมาย จ.4 เมื่อแนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้งตามคู่มือการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยประจำปี 2547 เอกสารหมาย  จ.11  ขัดต่อข้อบังคับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย  พ.ศ.  2545 ตามเอกสารหมาย  จ.4   ข้อ  26   ดังวินิจฉัยมาแล้ว   โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสิบเก้าจะอ้างว่าเคยปฏิบัติกันมาจนเป็นจารีตประเพณีหาได้ไม่ อุทธรณ์ของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสิบเก้าฟังไม่ขึ้น    


พิพากษายืน.

 

  

 
 
เรียบเรียงโดย บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด

 




อัพเดท ฎีกาน่าสนใจ

ขึ้นทะเบียนรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเกิน ๓๐ วัน ยังมีสิทธิได้รับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานได้ article
ลักษณะความผิดเดียวกัน แต่ระดับความร้ายแรงแตกต่างกัน นายจ้างพิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ผู้จัดการสาขา เสนอรายชื่อลูกค้าที่ขาดคุณสมบัติทำประกันชีวิต ถือว่าจงใจทำให้นายจ้างเสียหาย / ผิดร้ายแรง article
หยุดกิจการชั่วคราวตาม มาตรา ๗๕ article
สัญญาจ้างเป็นสัญญาต่างตอบแทน นายจ้างออกค่าใช้จ่ายในการเข้าทดสอบเพื่อรับเกียรติบัตร เมื่อทดสอบผ่านต้องทำงานกับนายจ้าง ๕ ปี บังคับใช้ได้ article
ศาลแรงงานกลางมีอำนาจสั่งรับพยานเอกสารได้ แม้ไม่ได้ส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายก็ตาม article
ประกอบธุรกิจแข่งขัน / ไปทำงานกับนายจ้างอื่น ในลักษณะผิดต่อสัญญาจ้าง เมื่อลูกจ้างได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้างตามสัญญาแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะบังคับ / ห้ามทำงานตามเงื่อนไขในสัญญาจ้างอีกต่อไป article
คดีแรงงานเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้คดีอาญายกฟ้อง แต่พฤติกรรมการกระทำผิด เป็นเหตุให้นายจ้างไม่อาจไว้วางใจในการทำงานได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
เลิกจ้างเนื่องจากปรับโครงสร้างองค์กร แต่กำหนดรายชื่อไว้ล่วงหน้า ถือเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม article
การหักลบกลบหนี้ หนี้อันเกิดจากสัญญาจ้าง กรณีลูกจ้างกระทำผิดกับสิทธิประโยชน์ที่มีสิทธิได้รับตามสัญญาจ้าง ถือเป็นมูลหนี้อันเป็นวัตถุอย่างเดียวกันหักลบกลบหนี้กันได้ article
เล่นการพนันฉลากกินรวบ เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กรณีร้ายแรง article
กรณีไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจแข่งขันหรือไม่ถือว่าทำงานกับนายจ้างใหม่ในลักษณะธุรกิจเดียวกับนายจ้าง article
สัญญาฝึกอบรม นายจ้างกำหนดเบี้ยปรับได้ เป็นสัญญาที่เป็นธรรม article
ค้ำประกันการทำงาน หลักประกันการทำงาน การหักลบกลบหนี้ค่าเสียหายจากการทำงาน article
ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์แต่ตนเอง เรียกรับเงินจากลูกค้า ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ article
ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา มาทำงานสายประจำ ถือว่า กระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สหภาพแรงงานทำบันทักข้อตกลงเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างกับนายจ้าง อันส่งผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ของสมาชิก ขัดกับข้อตกลงเดิมและมิได้ขอมติที่ประชุมใหญ่ ข้อตกลงดังกล่าวไม่อาจใช้บังคับได้ article
ขอเกษียณอายุก่อนกำหนดตามประกาศ ถือเป็นการสมัครใจเลิกสัญญาจ้างแรงงานต่อกัน มิใช่การเลิกจ้างหรือการเกษียณอายุ จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยตามระเบียบกรณีเกษียณอายุ article
สถาบันวิจัยอันเป็นส่วนหนึ่งของกิจการมหาวิทยาลัยถือเป็นหน่วยงานของรัฐ ได้รับยกเว้น ไม่อยู่ภายใต้บังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา ๔ (๑) article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จากการเลิกจ้างมีอายุความฟ้องร้องได้ภายใน ๑๐ ปี article
ทะเลาะวิวาทเรื่องส่วนตัวไม่ส่งผลกระทบต่อการบังคับบัญชา ไม่เป็นความผิด กรณีร้ายแรง ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ article
พี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกัน มิใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ และเงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต ตามพระราชบัญญัติ ประกันสังคม มาตรา ๗๓ และมาตรา ๗๗ article
ขับรถเร็วเกินกว่าข้อบังคับกำหนด เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนคำสั่งโยกย้าย เลิกจ้างได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ประกาศใช้ระเบียบใหม่ ไม่ปรากฏว่ามีพนักงานโต้แย้งคัดค้าน ถือว่าทุกคนยินยอมปฏิบัติตามระเบียบ article
เงินค่าตอบแทนพิเศษกับเงินโบนัส มีเงื่อนไขต่างกัน หลักเกณฑ์การจ่ายต่างกัน จึงต้องพิจารณาต่างกัน article
ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินกองทุนเงินทดแทน article
ค่ารถแทนรถยนต์ประจำตำแหน่ง ไม่ถือเป็นค่าจ้าง และ ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมให้ถือตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่กำหนดไว้ article
เจรจาให้ลาออก ลูกจ้างไม่ตกลง ขอเวลาตัดสินใจและหยุดงานไป นายจ้างแจ้งให้กลับเข้าทำงานตามปกติ ถือว่านายจ้างยังไม่มีเจตนาเลิกจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ แอบนอนหลับในเวลาทำงาน ถือเป็นเหตุในการเลิกจ้างได้ เลิกจ้างเป็นธรรม article
ลาออกโดยไม่สุจริต ไม่มีผลใช้บังคับ article
ทำความผิดคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน พิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ประกอบธุรกิจ บริการ ด่าลูกค้าด้วยถ้อยคำหยาบคาย " ควาย " ถือเป็นการกระทำความผิดกรณีร้ายแรง article
ข้อบังคับ ระบุให้ผู้บังคับบัญชาเหนือกว่ามีอำนาจแก้ไข เพิ่มโทษ หรือลดโทษได้ การยกเลิกคำสั่งลงโทษเดิมและให้ลงโทษใหม่หนักกว่าเดิมจึงสามารถทำได้ article
เลือกปฏิบัติในการลงโทษระเบียบการห้ามใส่ตุ้มหูมาทำงาน บังคับใช้ได้ แต่เลือกปฏิบัติในการลงโทษไม่ได้ article
ลงโทษพักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างและเตือนในคราวเดียวกันได้ ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน article
จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย article
ข้อตกลงรับเงินและยินยอมปลดหนี้ให้แก่กัน ถือเป็นการตกลงระงับข้อพิพาทแม้จะทำขึ้นก่อนคำสั่งเลิกจ้างมีผลใช้บังคับ article
ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่คู่ความอ้างส่งศาลได้ แม้มิได้ระบุบัญชีพยานไว้ก็ตาม article
สัญญาจ้างห้ามลูกจ้างไปทำงานกับนายจ้างใหม่ที่ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกันมีกำหนดเวลา บังคับใช้ได้ article
เลิกจ้างและรับเงินค่าชดเชย ใบรับเงิน ระบุขอสละสิทธิ์เรียกร้องเงินอื่นใดใช้บังคับได้ ลูกจ้างไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องสินจ้างและค่าเสียหายได้อีก article
เกษียณอายุ 60 ปี ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยนับแต่วันครบกำหนดเกษียณอายุ แม้นายจ้างไม่ได้บอกเลิกจ้างก็ตาม article
ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและเพิกเฉยไม่ดูแลผลประโยชน์ของนายจ้าง เป็นเหตุให้นายจ้างไม่ไว้วางใจในการทำงานได้เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ละเลยต่อหน้าที่ ไม่รายงานเคพีไอ นายจ้างตักเตือนแล้ว ถือว่าผิดซ้ำคำเตือน เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ทำสัญญาจ้างต่างด้าวทำงานในอาชีพต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว สัญญาจ้างถือเป็นโมฆะ article
ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง article
ศาลมีคำสั่งให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาตามหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน ในขณะที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ยุติ ต้องสืบพยานใหม่และพิพากษาใหม่ไปตามรูปคดี article
แม้สัญญาจ้างไม่ได้ระบุระยะเวลาทดลองงานไว้ แต่นายจ้างก็สามารถประเมินผลการทำงานของลูกจ้างได้ article
การควบรวมกิจการ สิทธิและหน้าที่โอนไปเป็นของบริษัทใหม่ การจ่ายเงินสมทบบริษัทใหม่ที่ควบรวมจึงมีสิทธิจ่ายเงินสมทบในอัตราเดิมตามสิทธิ มิใช่ในอัตราบริษัทตั้งใหม่ article
เลิกจ้างรับเงินค่าชดเชยแล้วตกลงสละสิทธิ์จะไม่เรียกร้องผละประโยชน์ใดๆ ถือว่าสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเป็นอันระงับไป article
รับเหมาก่อสร้าง ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบ จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแทนผู้รับเหมาช่วง หากผู้รับเหมาช่วงไม่นำส่งเงินสมทบตามกฎหมายโดยคำนวณจากอัตราค่าจ้างที่ระบุตามแบบ ( ภ.ง.ด. 50 ) และบัญชีงบดุล article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานระบุห้ามทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายร่างกาย ผู้บังคับบัญชา เพื่อนพนักงาน ทั้งในสถานที่ทำงาน หรือสถานที่อื่นๆ ฝ่าฝืนถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง ใช้บังคับได้ไม่ขัดต่อกฎหมาย article
ไส้ติ่งอักเสบ แพทย์วินิจฉัยให้ผ่าตัด ถือเป็นกรณีฉุกเฉิน เบิกค่ารักษาได้ มีสิทธิรับเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ได้ article
ค่าเช่าที่พัก ค่าใช้จ่ายเดินทางเป็นสวัสดิการไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่ารถยนต์ซึ่งกำหนดเป็นสวัสดิการไว้ชัดเจนแยกจากฐานเงินเดือนปกติ ถือเป็นสวัสดิการไม่ใช่ค่าจ้าง article
ละเมิดข้อตกลงสภาพการจ้าง ละเมิดสัญญาจ้าง มีอายุความ 10 ปี มิใช่ 1 ปี article
พฤติกรรมการจ้างที่ถือว่าเป็นการจ้างแรงงาน ถือเป็นลูกจ้าง / นายจ้างตามกฎหมาย article
พนักงานขายรถยนต์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ประจำบูธ ตามที่ได้รับมอบหมาย ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนสัญญาจ้าง กรณีห้ามทำการแข่งขันกับนายจ้างหรือทำธุรกิจคล้ายคลึงกับนายจ้างเป็นเวลา 2 ปี นับจากสิ้นสุดสัญญาต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้าง article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระบุให้นายจ้างเลิกจ้างเพราะเหตุคนล้นงาน ปรับลด ขนาดองค์กรได้ ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเลิกจ้างลูกจ้างได้ article
ข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีตัดสิทธิ์รับเงินสมทบพร้อมผลประโยชน์หากกระทำผิดถูกปลดออกจากงานบังคับใช้ได้ article
ทะเลาะวิวาทกัน นอกเวลางาน นอกบริเวณบริษัทฯ ไม่ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนไม่ไปตรวจสารเสพติดซ้ำตามคำสั่งและนโยบาย ถือว่าฝ่าฝืน ข้อบังคับ หรือ ระเบียบ กรณีร้ายแรง article
วันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วน article
เป็นลูกจ้างที่มีอำนาจกระทำการแทนนายจ้างในการจ้างงาน ไม่มีสิทธิได้รับค่าทำงานในวันหยุด และลักทรัพย์เอาต้นไม้ของนายจ้างไป ถือว่ากระทำผิดอาญาแก่นายจ้าง เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ผลการทำงานดีมาโดยตลอดและไม่เคยกระทำผิดมาก่อน แต่ปีสุดท้ายผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่ถือเป็นเหตุที่จะอ้างในการเลิกจ้าง article
ได้รับบาดเจ็บรายการเดียว เข้ารักษา 2 ครั้ง ถือว่าเป็นการรักษารายการเดียว นายจ้างสำรองจ่ายเพิ่มเติมไม่เกิน 50,000 บาท ไม่ใช่ 200,000 บาท article
ผู้บริหารบริษัท ฯ ถือเป็นลูกจ้างหรือไม่ ดูจาก_________ ? article
ขับรถออกนอกเส้นทาง แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรงและก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้าง นายจ้างหักเงินประกันการทำงานได้ article
ค่าจ้างระหว่างพักงาน เมื่อข้อเท็จจริง ลูกจ้างกระทำความผิดจริง จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างระหว่างพักงาน article
“ นายจ้าง ” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 5 article
สัญญารักษาความลับ ข้อมูลทางการค้า (ห้ามประกอบหรือรับปฏิบัติงานแข่งขันนายจ้าง) มีกำหนด 2 ปี บังคับใช้ได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย และการกำหนดค่าเสียหาย ถือเป็นเบี้ยปรับตามกฎหมาย ศาลปรับลดได้ตามสมควร article
เงินรางวัลการขายประจำเดือน จ่ายตามเป้าหมายการขาย ที่กำหนดไว้ ไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่าโทรศัพท์ เหมาจ่าย ถือเป็นค่าจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ 3 วันทำการ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เลิกจ้างเป็นธรรมไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ลาออกมีผลใช้บังคับแล้ว ออกหนังสือเลิกจ้างภายหลังใช้บังคับไม่ได้ article
ตกลงรับเงิน ไม่ติดใจฟ้องร้องอีกถือเป็นการตกลงประนีประนอมกันบังคับได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย
เลิกจ้างระหว่างทดลองงาน ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ข้อตกลงว่า “หากเกิดข้อพิพาทตามสัญญาจ้างแรงงาน ให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย” ไม่เกี่ยวกับสิทธิตามกฎหมายแรงงาน เมื่อเกิดสิทธิตามกฎหมาย ฟ้องศาลแรงงานได้ โดยไม่ต้องให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย article
เลิกจ้างด้วยเหตุอื่น อันมิใช่ความผิดเดิมที่เคยตักเตือน ไม่ใช่เหตุที่จะไม่จ่ายค่าชดเชย เลิกจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย article
นำรถยนต์ไปใช้ในกิจธุระส่วนตัว มีพฤติกรรมคดโกง ไม่ซื่อตรง พฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ไม่น่าไว้วางใจ ลงโทษปลดออกจากการทำงานได้ article
การกระทำที่กระทบต่อเกียรติ ชื่อเสียงของนายจ้าง และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แม้กระทำนอกสถานที่ทำงานและนอกเวลางาน ก็ถือว่า ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรง article
สัญญาค้ำประกันการทำงานไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ต้องรับผิดชอบตลอดไป article
ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเลิกจ้างได้ ถือว่าเลิกจ้างเป็นธรรมและความผิดที่ลงโทษแล้วจะนำมาลงโทษอีกไม่ได้ article
ผิดสัญญาจ้างไปทำงานกับคู่แข่ง นายจ้างฟ้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาได้ แต่ค่าเสียหาย เป็นดุลพินิจของศาลจะกำหนด article
จงใจกระทำผิดโดยผิดกฎหมายเป็นเหตุให้นายจ้างเสียหาย ถือว่า กระทำละเมิดต่อนายจ้าง ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น article
ตกลงสละสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย ภายหลังเลิกจ้าง ใช้บังคับได้ ไม่เป็นโมฆะ article
ก้าวร้าวไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ามิใช่ค่าจ้าง คิดดอกเบี้ยในอัตรา 7. 5 ต่อปี article
ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของนายจ้างในเรื่องส่วนตัวเป็นประจำ ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่กาปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต เลิกจ้างเป็นธรรม article
สั่งให้พนักงานขับรถ ขับรถออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้มีส่วนในการขับรถ ถือว่าผิดต่อสัญญาจ้าง แต่ไม่ต้องรับผิดอันมีผลโดยตรงจากมูลละเมิด ( ขับรถโดยประมาท ) article
จ่ายของสมนาคุณให้ลูกค้า โดยไม่ตรวจสอบบิลให้ถูกต้อง มิใช่ความผิดกรณีร้ายแรงไม่ใช่การทุจริตต่อหน้าที่ แต่ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เสร็จลุล่วงไปโดยถูกต้อง และสุจริต เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ฟ้องประเด็นละเมิด กระทำผิดสัญญาจ้าง ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง มีอายุความ 10 ปี article
ตกลงยินยอมให้หักค่าจ้างชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ นายจ้างสามารถหักค่าจ้างได้ตามหนังสือยินยอมโดยไม่ต้องฟ้อง article
กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างและประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง article
“ งานโครงการตามมาตรา 118 วรรค 4 ” บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ว่าจ้างลูกจ้างทำงานตามโครงการที่รับเหมา ถือว่าจ้างงานในปกติธุรกิจของนายจ้าง มิใช่งานโครงการ article
เงินโบนัสต้องมีสภาพการเป็นพนักงานจนถึงวันกำหนดจ่าย ออกก่อนไม่มีสิทธิได้รับ article
ระเบียบกำหนดจ่ายเงินพิเศษ ( gratuity ) เนื่องจากเกษียณอายุ โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายแตกต่างจากการจ่ายค่าเชย ถือว่านายจ้างยังไม่ได้จ่ายค่าชดเยตามกฎหมาย article
เจรจาให้ลาออก ลูกจ้างขอค่าชดเชย นายจ้างไม่คุยด้วย แต่ยังไม่ได้บอกเลิกจ้างและยังไม่ปรากฎว่านายจ้างไม่จ่ายค่าจ้างและไม่ให้เข้าทำงานต่อ ยังไม่ถือว่าเป็นการเลิกจ้าง ( อย่าเข้าใจไปเอง ) ไม่มีสิทธิได้ค่าชดเชย article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.

บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด

เลขที่ 511/4 ถนนประชาอุทิศ 117/1 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร (10140)

โทร/Tel : 02 - 8159522, แฟกซ์/Fax : 02 - 8159523, มือถือ/Mobile : 081 - 7936156

อีเมล/E-mail : sawai.prm@gmail.com, เว็บไซต์/Web : www.parameelaw.com