คำพิพากษาฎีกาที่ 4962/57
ฝ่าฝืนไม่ไปตรวจสารเสพติดซ้ำตามคำสั่งและนโยบาย ถือว่าฝ่าฝืน ข้อบังคับ หรือ ระเบียบ กรณีร้ายแรง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรปราการได้จัดให้มีการตรวจหาสารเสพติดในร่างกายของลูกจ้างในโรงงานโจทก์ตามโครงการโรงงานสีขาวของภาครัฐ ผลการตรวจปรากฏพบสารเสพติดในร่างกายของลูกจ้างรายนายบุญธรรม เวียงชัย และนายธรรมนูญ สหายา แต่ลูกจ้างทั้งสองปฏิเสธผลการตรวจ โจทก์จึงให้โอกาสแก่ลูกจ้างทั้งสองในการตรวจพิสูจน์ใหม่ที่โรงพยาบาลบางพลีในวันที่ 12 มิถุนายน 2552 โดยโจทก์อำนวยความสะดวกในการจัดเวลาทำงานให้ใหม่ จัดรถรับส่ง และออกค่าใช้จ่ายในการตรวจให้ทั้งหมด แต่ลูกจ้างทั้งสองกลับปฏิเสธที่จะตรวจพิสูจน์หาสารเสพติดใหม่ โจทก์จึงเลิกจ้างจำเลยทั้งสิบเอ็ดในฐานะคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์มีคำสั่งที่ 512 – 513/2552 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2552 วินิจฉัยว่าการที่โจทก์เลิกจ้างลูกจ้างทั้งสองซึ่งเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานบริษัทโจทก์ในระหว่างที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับถือเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 123 และมีคำสั่งให้โจทก์รับลูกจ้างทั้งสองกลับเข้าทำงานและจ่ายค่าเสียหายเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้ายนับแต่วันเลิกจ้างถึงวันรับกลับเข้าทำงานโจทก์เห็นว่าคำสั่งของจำเลยทั้งสิบเอ็ดดังกล่าวไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เพราะการตรวจหาสารเสพติดเป็นการตรวจโดยเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งมีขั้นตอนการตรวจที่ได้มาตรฐาน การที่โจทก์ให้โอกาสแก่ลูกจ้างทั้งสองในการตรวจพิสูจน์หาสารเสพติดใหม่ที่โรงพยาบาลบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ก็เพื่อพิสูจน์ความน่าเชื่อถือของการตรวจของเจ้าหน้าที่ การที่ลูกจ้างทั้งสองเสพและถูกตรวจสอบพบสารเสพติดให้โทษในร่างกายเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2552 อันเป็นเวลาทำงาน ถือเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของโจทก์ หมวด 8 ว่าด้วยวินัยและโทษทางวินัย เรื่อง “การเข้าและออกบริษัท” ข้อ 9 และเรื่อง “การกระทำผิดวินัยต่อบริษัท” ข้อ 3 และข้อ 11 ซึ่งเป็นกรณีร้ายแรง การที่ลูกจ้างทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของโจทก์ที่สั่งให้ลูกจ้างทั้งสองคนไปตรวจหาสารเทพติดในร่างกายใหม่ที่โรงพยาบาลบางพลีในวันที่ 12 มิถุนายน 2552 ถือเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของโจทก์ หมวด 8 ว่าด้วยวินัยและโทษทางวินัย เรื่อง “ข้อกำหนดทั่วไปของวินัย” ข้อ 1 ข้อ 2 และข้อ 3 ประกาศนโยบายของโจทก์เรื่องยาเสพติดและแอลกอฮอล์ ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2551 ประกาศเรื่องกำหนดแนวทางการปฏิบัติสำหรับพนักงานที่โจทก์ตรวจพบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย และประกาศเรื่องนโยบายการปฏิบัติต่อพนักงานเกี่ยวกับสารเสพติด การกระทำของลูกจ้างทั้งสองจึงเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานและคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของโจทก์กรณีร้ายแรง โจทก์สามารถเลิกจ้างได้ทันที
จำเลยทั้งสิบเอ็ดให้การว่า คำสั่งของจำเลยทั้งสิบเอ็ดที่ 512 – 513/2552 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2552 จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว กรณีไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งแต่อย่างใด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้แก้ไขคำสั่งของจำเลยทั้งสิบเอ็ดที่ 512 - 513/2552 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2552 บางส่วน จากเดิมที่สั่ง “ให้โจทก์รับนายธรรมนูญ สหายา กลับเข้าทำงานและจ่ายค่าเสียหายเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้ายนับแต่วันเลิกจ้างถึงวันรับกลับเข้าทำงาน” เป็นว่า “ให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายให้นายธรรมนูญ สหายา เป็นเงิน 176,868 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันพิพากษา จนกว่าจะชำระเสร็จแก่นายธรรมนูญ” แทน
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว
คดีมีปัญหาตามที่โจทก์อุทธรณ์เฉพาะส่วนของนายธรรมนูญ สหายา ว่า การที่โจทก์เลิกจ้างนายธรรมนูญ สหายา เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมหรือไม่ เห็นว่า การที่โจทก์ออกคำสั่งให้ลูกจ้างไปตรวจหาสารเสพติดใหม่ ในวันที่ 12 มิถุนายน 2552 เพื่อพิสูจน์ความน่าเชื่อถือของการตรวจในครั้งแรกจึงเป็นการที่โจทก์มีเจตนาให้ลูกจ้างได้มีโอกาสบำบัดรักษาโดยไม่มีการเลิกจ้าง การที่ลูกจ้างไม่ไปตรวจสารเสพติดตามคำสั่งโจทก์จึงเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของโจทก์เป็นกรณีร้ายแรง โจทก์ย่อมมีสิทธิเลิกจ้างลูกจ้างได้นั้น การที่โจทก์จัดให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ตรวจหาสารเสพติด และผลการตรวจปรากฏพบสารเสพติดในร่างกายของนายธรรมนูญ สหายา นั้น ก็เป็นการกระทำผิดข้อห้าม เกี่ยวกับการใช้ยาเสพติดตามนโยบายเรื่องยาเสพติดและแอลกอฮอล์ ส่วนข้อห้ามเกี่ยวกับการใช้ยาและปัญหาการเสพแอลกอฮอล์ ข้อ 2 และข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเอกสารหมาย จ.5 หมวด 8 ส่วนการกระทำผิดวินัยต่อบริษัท ข้อ 3 ซึ่งมีโทษถึงขั้นเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยแล้วการที่โจทก์ให้โอกาสลูกจ้างไปทำการตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลบางพลีก็เป็น การให้โอกาสพิสูจน์ความบริสุทธิ์แก่ลูกจ้างที่ไม่ยอมรับผลการตรวจยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ การที่ต่อมาลูกจ้างได้ไปดำเนินการตรวจสารเสพติดเองที่โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนโดยปฏิเสธที่จะไปตรวจพิสูจน์ใหม่ที่โรงพยาบาลบางพลี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของรัฐ จึงเป็นการปฏิเสธการตรวจสอบหาสารเสพติดโดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามนโนบายเรื่องยาเสพติดและแอลกอฮอล์ เอกสารหมาย จ.6 การกระทำของลูกจ้างจึงเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับ ระเบียบ หรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้างกรณีที่ร้ายแรงโจทก์จึงมีสิทธิเลิกจ้างลูกจ้างได้ในระหว่างที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 123 (3) อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่ 512- 513/2552 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2552 เฉพาะในส่วนของลูกจ้างรายนายธรรมนูญ สหายา
เรียบเรียงโดย บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด