การออกกำลังกายที่เป็นรูปแบบได้
หลายคนบ่นว่าไม่มีเวลาสำหรับการออกกำลังกายที่เป็นรูปแบบได้ วันนี้เราจึงขอนำเสนอการออกกำลังกายที่่ทำได้ในขณะทำงาน โดยสามารถบริหารหัวใจ ปอด กระดูกและกล้ามเนื้อได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการออกกำลังกายอื่นๆเลย นั่นก็ คือ การเดินขึ้น-ลงบันได
ประโยชน์
1. สามารถออกกำลังกายได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยเฉพาะในที่ทำงาน
2. เพิ่มสมรรถภาพความแข็งแรงและทนทานของระบบหัวใจ หลอดเลือด และปอด เป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิค ลดความเสี่ยงต่อโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ โรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน
3. เพิ่มความแข็งแรงของระบบกล้ามเนื้อ ทำให้ลดอุบัติการณ์การพลัดตกหกล้ม
4. เป็นการออกกำลังกายที่เก็บสะสมได้จนเท่ากับการออกกำลังกาย 30 นาทีต่อวัน
5. การขึ้นบันไดสามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 8 – 11 กิโลแคลอรี่ต่อนาทีซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับการออกกำลังกายทั่วไป ส่วนการลงบันไดจะใช้พลังงานประมาณ 1 ใน 3 ของการขึ้นบันได
6. มีรายงานว่า การขึ้นบันไดเฉลี่ยวันละ 2 ชั้นสามารถลดน้ำหนักได้ 2.7 กิโลกรัมในเวลา 1 ปี
7. มีหลักฐานยืนยันว่า การขึ้นลงบันไดสามารถเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกได้ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
8. มีหลักฐานยืนยันว่า สามารถลดปริมาณไขมันในร่างกาย และเพิ่มปริมาณ High-density lipoprotein (HDL) ซึ่งเป็นไขมันชนิดดีได้
9. ไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ต้องการอุปกรณ์พิเศษใดๆ
10. เป็นการประหยัดค่าไฟฟ้าสำหรับการใช้ลิฟต์หรือบันไดเลื่อน
วิธีปฏิบัติ
1. ท่าทางในการเดิน ควรเดินในลักษณะหลังและคอตรง ไม่โน้มตัวไปข้างหน้า ผ่อนคลายส่วนของหัวไหล่
2. ควรเดินเต็มเท้า และไม่กระแทก ซึ่งลดแรงกระแทกต่อข้อเท้าและข้อเข่า
3. สายตาเหลือบมองต่ำที่ขั้นบันไดเพื่อป้องกันการหกล้ม
4. ก้าวด้วยจังหวะที่คงที่ สม่ำเสมอ
5. ควรหยุดการออกกำลังกายและปรึกษาแพทย์เมื่อท่านมีอาการดังต่อไปนี้ คือ เจ็บหน้าอก หายใจไม่คล่อง วิงเวียน ปวดตามข้อเข่าหรือข้อเท้า
6. สำหรับท่านที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ ควรเริ่มขึ้นบันไดเพียง 1 ชั้นก่อน สลับกับเดินพื้นราบ ขณะเดินควรเริ่มด้วยการเกาะราวบันได เมื่อท่านเดินได้คล่องจึงปล่อยมือจากราวได้ ถ้าไม่มีอาการผิดปกติ จึงค่อยๆ เพิ่มจำนวนชั้นอย่างช้าๆ คือ 1-2 ชั้นต่อสัปดาห์
สรุป ในชีวิตประจำวันเราสามารถออกกำลังกายด้วยการขึ้นลงบันไดได้แทนการใช้ลิฟต์หรือบันไดเลื่อนในทุกโอกาส ตั้งเป้าหมายว่า จะขึ้นลงบันไดอย่างน้อยวันละ 2-3 ชั้น เพื่อนๆอาจพบว่าสุขภาพของเพื่อนๆเปลี่ยนแปลงไปอย่างคาดไม่ถึงนะคะ
ที่มา: Health