ReadyPlanet.com
dot dot
dot
ชมรมบริหารงานบุคคล
dot
bulletสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย
bulletชมรมบริหารงานบุคคล
bulletชมรมบริหารงานบุคคล อยุธยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลรังสิต
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคล อมตะนคร
bulletสมาคมการบริหารงานบุคคล (PAAs)
bulletชมรมบริหารงานบุคคลบางพลี
bulletชมรมนักบริหารงานบุคคลพัทยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลยุคใหม่
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคลจังหวัดราชบุรี
bulletงานบริหารงานบุคคล
bulletชมรมงานบริหารงานบุคคลกรุงเทพฯ
bulletชมรมบริหารงานบุคลสุขสวัสดิ์
dot
ติดต่อราชการศาล
dot
bulletศาลแรงงานกลาง
bulletศาลแรงงานภาค ๒
bulletศาลยุติธรรม
bulletศาลปกครอง
bulletศาลรัฐธรมนูญ
bulletสำนักงานอัยการสูงสุด
bulletกระทรวงยุติธรรม
bulletคณะกรรมการกฤษฎีกา
bulletกรมบังคับคดี
bulletสภาทนายความ
dot
หน่วยงานราชการสำคัญ
dot
bulletกระทรวงแรงงาน
bulletกรมการจัดหางาน
bulletกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
bulletกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
bulletสำนักงานประกันสังคม
bulletกรมสรรพากร
bulletกรมบัญชีกลาง
bulletกรมพัฒนาธุรกิจกาค้า
bulletกระทรวงอุตสาหกรรม
bulletกรมโรงงานอุตสาหกรรม
bulletกรมส่งเสริมอุตสาหรม
bulletการนิคมอุตสาหกรรม
dot
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน
dot
bulletสมบัติลีกัล
bulletเอกเซลสำหรับงาน HR โดย อ.สำเริง
bulletบทความดี ๆ จากโกป้อม
dot
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
dot
dot
Newsletter

dot


พยากรณ์อากาศวันนี้
..................................


ราคาน้ำมันวันนี้
..................................



เงินรางวัลการขายประจำเดือน จ่ายตามเป้าหมายการขาย ที่กำหนดไว้ ไม่ถือเป็นค่าจ้าง article

คำพิพากษาฎีกาที่    4784/57

เงินรางวัลการขายประจำเดือน  จ่ายตามเป้าหมายการขาย  ที่กำหนดไว้  ไม่ถือเป็นค่าจ้าง

 

โจทก์ฟ้องว่า    โจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างของจำเลยที่  2    ครั้งสุดท้ายทำหน้าที่พนักงานขาย  ได้รับค่าจ้างสุดท้ายเดือนละ  7,570  บาท    และค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วยจากการขายสินค้าทั้งแผนก    (ค่าคอมมิสชั่น)   กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันสิ้นเดือนเมื่อวันที่  8  มีนาคม  2553  โจทก์ได้ยื่นใบลาออกจากการทำงานโดยให้มีผลเป็นการลาออกในวันที่  9 เมษายน 2553  จำเลยที่  2  ค้างจ้างค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วยจากการขายสินค้าทั้งแผนกของเดือนมีนาคม  2553  เป็นเงิน  6,600  บาท  วันที่   14   พฤษภาคม   2553  โจทก์จึงยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานเพื่อให้จำเลยที่  2  จ่ายค่าจ้างดังกล่าว ต่อมาวันที่   12 กรกฎาคม   2553 จำเลยที่   1   ในฐานะพนักงานตรวจแรงงานมีคำสั่งที่   66/2553  ว่าเงินดังกล่าวมิใช่ค่าจ้างแต่เป็นเงินรางวัลการขายที่จำเลยที่  2  จ่ายให้แก่พนักงานขายตามระเบียบเงินรางวัลการขายประจำเดือนฉบับลงวันที่   24   ธันวาคม   2547  เพื่อสร้างแรงจูงใจในการให้บริการลูกค้าและเพื่อให้พนักงานขายมีรายได้เพิ่มมากขึ้น  มิได้จ่ายให้โดยคำนวณตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้ในเวลาทำงานปกติของวันทำงาน และโจทก์ลาออกไม่ถูกต้องตามเงื่อนไขที่จะได้รับเงินรางวัลการขายตามระเบียบดังกล่าว    โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าว    โจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของจำเลยที่  1  ค่าจ้างที่โจทก์เรียกร้องนั้นเป็นค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วยจากการขายสินค้าที่โจทก์ทำได้ในเวลาทำงานปกติของวันทำงาน อันเป็นการจ่ายเพื่อตอบแทนในการทำงานของโจทก์  โดยจะคำนวณจากยอดขายทั้งแผนกตามอัตราที่จำเลยที่  2   กำหนดแล้วนำมาเฉลี่ยให้แก่พนักงานตามวันที่มาปฏิบัติงานในเดือนนั้นและจะจ่ายให้ในเดือนถัดไปพร้อมกับเงินเดือน ไม่ใช่เงินรางวัลการขาย ระเบียบเงินรางวัลการขายฉบับลงวันที่  24  ธันวาคม  2547  ใช้คำว่าเงินรางวัลการขายเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณจากการขายสินค้าทั้งแผนกเป็นการเอาเปรียบลูกจ้าง ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนและขัดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม  พ.ศ.  2540  จึงตกเป็นโมฆะ  ขอให้เพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน ที่  66/2553  และให้จำเลยที่  2   จ่ายค่าจ้างหรือค่าคอมมิสชั่นเป็นเงิน   6,600  บาท   พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ  15   ต่อปี   นับแต่วันผิดนัดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

 
 

จำเลยที่  1  ให้การว่า    คำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน   ที่   66/2553   เป็นคำสั่งที่ออกโดยชอบด้วยกฎหมาย    จำเลยที่  1  สอบสวนแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่  2   จ้างโจทก์ทำงานเป็นลูกจ้างตั้งแต่ปี  2548   ตำแหน่งพนักงานขาย  ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ  7,570 บาท   และมีเงินรางวัลการขายสินค้ารวมทั้งแผนก  กำหนดจ่ายค่าจ้างเดือนละหนึ่งครั้งทุกวันสุดท้ายของเดือน    ส่วนเงินรางวัลการขายจะคำนวณจ่ายในงวดเดือนถัดไป    โจทก์ยื่นใบลาออกเมื่อวันที่ 8   มีนาคม   2553   ให้มีผลในวันที่   9   เมษายน   2553   แต่โจทก์ทำงานถึงวันที่   31   มีนาคม 2553   เท่านั้น   จำเลยที่  2  มิได้จ่ายเงินรางวัลให้แก่โจทก์เนื่องจากจำเลยที่  2  มีระเบียบเงินรางวัลการขายประจำเดือนฉบับลงวันที่   24   ธันวาคม   2547 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่   1 มกราคม 2548   ข้อ  1  จำเลยที่  2  จะกำหนดเป้ายอดขายขั้นต่ำรายแผนกสำหรับสินค้าที่อยู่ในความรับผิดชอบของพนักงาน  ข้อ  5  พนักงานจะได้รับเงินรางวัลการขายประจำเดือนในอัตราที่จำเลยที่   2 กำหนดคูณด้วยยอดขายรวมของพนักงานขายในแผนก    โดยเงินรางวัลการขายจะถูกนำมาเฉลี่ยให้พนักงานตามจำนวนวันที่มาปฏิบัติงานในเดือนนั้น  อีกทั้งโจทก์ลาออกไม่ถูกต้องตามระเบียบข้อ  8  พนักงานที่ออกจากการเป็นพนักงานของจำเลยที่   2   ก่อนการจ่ายเงินรางวัลการขายประจำเดือนจะไม่ได้รับเงินรางวัลการขาย  ยกเว้นพนักงานที่ลาออกล่วงหน้า   30   วัน   ตามระเบียบการลาออกของจำเลยที่  2  ซึ่งระเบียบดังกล่าวเป็นข้อกำหนดในการจ่ายเงินรางวัลการขายประจำเดือนของแต่ละแผนกเพื่อสร้างแรงจูงใจแก่ลูกจ้างที่ทำงานในตำแหน่งพนักงานขายในการให้บริการแก่ลูกค้าและเพื่อให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น  ถือเป็นกรณีที่นายจ้างมิได้จ่ายให้แก่ลูกจ้างโดยคำนวณตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้ในเวลาทำงานปกติของวันทำงาน  ดังนั้น  เมื่อโจทก์ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามระเบียบในการจ่ายเงิน   โจทก์จึงมีสิทธิได้รับเงินดังกล่าวตามความหมายของค่าจ้าง   มาตรา   5 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน   พ.ศ.   2541    ขอให้ยกฟ้อง

 
 

จำเลยที่  2   ให้การว่า โจทก์เคยเป็นพนักงานของจำเลยที่  2   ตำแหน่งสุดท้ายเป็นพนักงานขายประจำสาขาลาดพร้าว  ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ  7,570  บาท   มีกำหนดการจ่ายค่าจ้างทุกวันสิ้นเดือน    โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินตามฟ้องเงินดังกล่าวเป็นเงินสวัสดิการที่จำเลยที่ 2 จ่ายเพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจแก่พนักงานในการให้บริการลูกค้าเรียกว่าเงินรางวัลการขายประจำเดือน   ซึ่งมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจ่ายให้แก่พนักงานขายรวมถึงโจทก์  กล่าวคือพนักงานจายที่จะมีสิทธิได้รับเงินรางวัลการขายประจำเดือนจะต้องทำยอดขายได้ตามเป้าที่จำเลยที่ 2 กำหนด  หากโจทก์ไม่สามารถขายได้ตามเป้าหมายที่กำหนด  โจทก์ก็จะไม่มีสิทธิได้รับเงินรางวัลการขายประจำเดือนดังกล่าวนอกจากนี้เงินรางวัลการขายประจำเดือนยังมีที่มาจากการนำยอดขายของพนักงานในแผนกทุกคนมาคำนวณรวมกัน โดยมิได้เป็นการนำผลการทำงานของโจทก์เพียงคนเดียวมาคำนวณแต่อย่างใด ทั้งในการจ่ายเงินรางวัลการขายประจำเดือนดังกล่าวยังจะต้องนำจำนวนวันที่มาทำงานของพนักงานแต่ละคนมาคำนวณเพื่อหักลดจำนวนเงินรางวัลที่จะมีสิทธิได้  ดังนั้นเงินดังกล่าวจึงไม่ใช่ค่าจ้าง    ตามประกาศเรื่องระเบียบเงินรางวัลการขายประจำเดือนฉบับลงวันที่   24 ธันวาคม   2547   ยังมีเงื่อนไขระบุไว้ว่า   ข้อ   8   พนักงานที่ออกจากการเป็นพนักงานของจำเลยที่  2  ก่อนจ่ายเงินรางวัลการขายประจำเดือนจะไม่ได้รับเงินรางวัลการขาย    ยกเว้นพนักงานที่ลาออกล่วงหน้า  30   วัน   ตามระเบียบการลาออกของจำเลยที่  2  โจทก์ยื่นใบลาออกเมื่อวันที่   8 มีนาคม   2553  โดยให้มีผลในวันที่   9   เมษายน   2553  แต่โจทก์กลับทำงานวันสุดท้ายเพียงวันที่   31   มีนาคม   2553    ซึ่งยังไม่ครบระยะเวลาการลาออกล่วงหน้า  30  วัน    ตามที่กำหนดในประกาศข้างต้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินรางวัลการขายประจำเดือนตามฟ้อง  คำสั่งที่   66/2553 ของจำเลยที่   1   จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว  จำเลยที่  2  มีสิทธิกำหนดเงื่อนไขการจ่ายเงินรางวัลการขายเพราะเป็นเงินอื่นที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมาย    โจทก์ไม่เคยโต้แย้งคัดค้าน    โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในใบลาออก    โจทก์ฟ้องคดีนี้จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต   ขอให้ยกฟ้อง

 
 

ระหว่างพิจารณาคู่ความแถลงรับกันว่า   ข้อเท็จจริงเป็นไปตามคำให้การของจำเลยที่ 1  จำเลยที่   2   มีประกาศเรื่องระเบียบเงินรางวัลการขายประจำเดือนฉบับลงวันที่   24   ธันวาคม 2547   จริง  โดยจำเลยที่  2   มิได้ชำระเงินรางวัลการขายประจำเดือนมีนาคม   2553   แก่โจทก์เป็นเงิน   6,500   บาท  โจทก์ขอสละประเด็นที่ว่าระเบียบเงินรางวัลการขายดังกล่าวขัดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม  พ.ศ.   2540  ศาลแรงงานกลางเห็นว่าข้อเท็จจริงพอวินิจฉัยคดีได้   จึงงดสืบพยาน

 
 

ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว  พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ 1 ที่  66/2553  ลงวันที่  12   กรกฎาคม   2553   และให้จำเลยที่  2   จ่ายค่าจ้างที่ค้างจำนวน   6,500 บาท   พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ  15  ต่อปี   นับแต่วันที่   1   พฤษภาคม   2553    เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

 
 

จำเลยที่  2  อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

 
 

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว   คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่   2   ว่า    เงินรางวัลการขายประจำเดือนที่จำเลยที่  2  จ่ายให้แก่โจทก์นั้นเป็นค่าจ้างหรือไม่  เห็นว่า   พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ.  2541   มาตรา  5   บัญญัติคำว่าค่าจ้างว่า    “ค่าจ้าง”    หมายความว่า    เงินที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันจ่ายเป็นค่าตอบแทนในการทำงานตามสัญญาจ้างสำหรับระยะเวลาการทำงานปกติเป็นรายชั่วโมง   รายวัน   รายสัปดาห์ รายเดือนหรือระยะเวลาอื่น    หรือจ่ายให้โดยคำนวณตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้ในเวลาทำงานปกติของวันทำงาน  และให้หมายความรวมถึงเงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างในวันหยุดและวันลาที่ลูกจ้างมิได้ทำงานแต่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับตามพระราชบัญญัตินี้”     ค่าจ้างตามบทบัญญัติดังกล่าวคือเงินที่นายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้างตามสัญญาจ้างโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบแทนการทำงานสำหรับการทำงานหรือผลงานที่ทำได้ในเวลาทำงานปกติของวันทำงานหากนายจ้างจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างด้วยวัตถุประสงค์อื่นที่มิใช่เพื่อตอบแทนการทำงานโดยตรง   เช่น   นายจ้างจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือลูกจ้างในด้านต่างๆ    อันเป็นสวัสดิการแก่ลูกจ้าง   หรือ   จ่ายเงินเพื่อจูงใจในการทำงานอันเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงานมิใช่เพื่อตอบแทนการทำงานโดยตรงก็มิใช่ค่าจ้าง   ข้อเท็จจริงยุติตามที่คู่ความแถลงรับกันว่า   จำเลยที่  2   มีหลักเกณฑ์การจ่ายเงินรางวัลการขายตามระเบียบเงินรางวัลการขายประจำเดือนฉบับลงวันที่  24  ธันวาคม  2547  จำเลยที่  2   จ้างโจทก์ทำงานเป็นลูกจ้างตั้งแต่ปี  2548   ตำแหน่งพนักงานขาย ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ  7,570  บาท  และมีเงินรางวัลการขายสินค้ารวมทั้งแผนก  กำหนดจ่ายค่าจ้างเดือนละหนึ่งครั้งทุกวันสุดท้ายของเดือน    ส่วนเงินรางวัลการขายจะคำนวณในงวดเดือนถัดไป   ข้อ  1  จำเลยที่  2  จะกำหนดเป้ายอดขายขั้นต่ำรายแผนกสำหรับสินค้าที่อยู่ในความรับผิดชอบของพนักงาน  ข้อ  2  พนักงานจะได้รับเงินรางวัลการขายประจำเดือนเมื่อขายสินค้าที่รับผิดชอบรวมกันได้เกินเป้ายอดขายของแผนก  ข้อ  5  พนักงานจะได้รับเงินรางวัลการขายประจำเดือนในอัตราที่จำเลยที่  2  กำหนดคูณด้วยยอดขายรวมของพนักงานขายในแผนก    โดยเงินรางวัลการขายจะถูกนำมาเฉลี่ยให้พนักงานตามจำนวนวันที่มาปฏิบัติงานในเดือนนั้น    จำเลยที่  2   จะจ่ายเงินรางวัลการขายประจำเดือนไม่เกินวันสุดท้ายของเดือนถัดไปโดยจ่ายรวมเข้ากับเงินเดือน  ข้อ  8 พนักงานที่ออกจากการเป็นพนักงานของจำเลยที่ 2  ก่อนการจ่ายเงินรางวัลการขายประจำเดือนจะไม่ได้รับเงินรางวัลการขายมีเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การจ่าย การจ่ายเงินรางวัลการขายจึงมีเจตนาเป็นการจ่ายเพื่อสร้างแรงจูงใจแก่ลูกจ้างที่ทำงานในตำแหน่งพนักงานขายในการให้บริการลูกค้าและเพื่อให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากค่าจ้างที่จำเลยที่    2  ได้จ่ายเงินเดือนให้โจทก์เป็นประจำทุกเดือน    ซึ่งเงินรางวัลการขายเป็นเงินที่จ่ายไม่แน่นอนทุกเดือน    หากเดือนใดผลงานต่ำกว่าเป้ายอดขายขั้นต่ำรายแผนก    พนักงานขายในแผนกนั้นก็จะไม่ได้รับเงินรางวัลการขายประจำเดือนนั้น จากเงื่อนไขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเงินรางวัลการขายประจำเดือนนี้มิได้เกิดจากผลการทำงานหรือผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วยจากการขายสินค้าที่โจทก์ทำได้ในเวลาทำงานปกติของวันทำงานของโจทก์โดยตรงเงินรางวัลการขายประจำเดือนจึงไม่เป็นค่าจ้างตามมาตรา  5  แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ.  2541

 
 
 
พิพากษากลับ  ให้ยกฟ้องโจทก์
 
 
 
 
เรียบเรียงโดย บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด

 




อัพเดท ฎีกาน่าสนใจ

ขึ้นทะเบียนรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเกิน ๓๐ วัน ยังมีสิทธิได้รับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานได้ article
ลักษณะความผิดเดียวกัน แต่ระดับความร้ายแรงแตกต่างกัน นายจ้างพิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ผู้จัดการสาขา เสนอรายชื่อลูกค้าที่ขาดคุณสมบัติทำประกันชีวิต ถือว่าจงใจทำให้นายจ้างเสียหาย / ผิดร้ายแรง article
หยุดกิจการชั่วคราวตาม มาตรา ๗๕ article
สัญญาจ้างเป็นสัญญาต่างตอบแทน นายจ้างออกค่าใช้จ่ายในการเข้าทดสอบเพื่อรับเกียรติบัตร เมื่อทดสอบผ่านต้องทำงานกับนายจ้าง ๕ ปี บังคับใช้ได้ article
ศาลแรงงานกลางมีอำนาจสั่งรับพยานเอกสารได้ แม้ไม่ได้ส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายก็ตาม article
ประกอบธุรกิจแข่งขัน / ไปทำงานกับนายจ้างอื่น ในลักษณะผิดต่อสัญญาจ้าง เมื่อลูกจ้างได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้างตามสัญญาแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะบังคับ / ห้ามทำงานตามเงื่อนไขในสัญญาจ้างอีกต่อไป article
คดีแรงงานเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้คดีอาญายกฟ้อง แต่พฤติกรรมการกระทำผิด เป็นเหตุให้นายจ้างไม่อาจไว้วางใจในการทำงานได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
เลิกจ้างเนื่องจากปรับโครงสร้างองค์กร แต่กำหนดรายชื่อไว้ล่วงหน้า ถือเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม article
การหักลบกลบหนี้ หนี้อันเกิดจากสัญญาจ้าง กรณีลูกจ้างกระทำผิดกับสิทธิประโยชน์ที่มีสิทธิได้รับตามสัญญาจ้าง ถือเป็นมูลหนี้อันเป็นวัตถุอย่างเดียวกันหักลบกลบหนี้กันได้ article
เล่นการพนันฉลากกินรวบ เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กรณีร้ายแรง article
กรณีไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจแข่งขันหรือไม่ถือว่าทำงานกับนายจ้างใหม่ในลักษณะธุรกิจเดียวกับนายจ้าง article
สัญญาฝึกอบรม นายจ้างกำหนดเบี้ยปรับได้ เป็นสัญญาที่เป็นธรรม article
ค้ำประกันการทำงาน หลักประกันการทำงาน การหักลบกลบหนี้ค่าเสียหายจากการทำงาน article
ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์แต่ตนเอง เรียกรับเงินจากลูกค้า ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ article
ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา มาทำงานสายประจำ ถือว่า กระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สหภาพแรงงานทำบันทักข้อตกลงเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างกับนายจ้าง อันส่งผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ของสมาชิก ขัดกับข้อตกลงเดิมและมิได้ขอมติที่ประชุมใหญ่ ข้อตกลงดังกล่าวไม่อาจใช้บังคับได้ article
ขอเกษียณอายุก่อนกำหนดตามประกาศ ถือเป็นการสมัครใจเลิกสัญญาจ้างแรงงานต่อกัน มิใช่การเลิกจ้างหรือการเกษียณอายุ จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยตามระเบียบกรณีเกษียณอายุ article
สถาบันวิจัยอันเป็นส่วนหนึ่งของกิจการมหาวิทยาลัยถือเป็นหน่วยงานของรัฐ ได้รับยกเว้น ไม่อยู่ภายใต้บังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา ๔ (๑) article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จากการเลิกจ้างมีอายุความฟ้องร้องได้ภายใน ๑๐ ปี article
ทะเลาะวิวาทเรื่องส่วนตัวไม่ส่งผลกระทบต่อการบังคับบัญชา ไม่เป็นความผิด กรณีร้ายแรง ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ article
พี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกัน มิใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ และเงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต ตามพระราชบัญญัติ ประกันสังคม มาตรา ๗๓ และมาตรา ๗๗ article
ขับรถเร็วเกินกว่าข้อบังคับกำหนด เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนคำสั่งโยกย้าย เลิกจ้างได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ประกาศใช้ระเบียบใหม่ ไม่ปรากฏว่ามีพนักงานโต้แย้งคัดค้าน ถือว่าทุกคนยินยอมปฏิบัติตามระเบียบ article
เงินค่าตอบแทนพิเศษกับเงินโบนัส มีเงื่อนไขต่างกัน หลักเกณฑ์การจ่ายต่างกัน จึงต้องพิจารณาต่างกัน article
ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินกองทุนเงินทดแทน article
ค่ารถแทนรถยนต์ประจำตำแหน่ง ไม่ถือเป็นค่าจ้าง และ ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมให้ถือตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่กำหนดไว้ article
เจรจาให้ลาออก ลูกจ้างไม่ตกลง ขอเวลาตัดสินใจและหยุดงานไป นายจ้างแจ้งให้กลับเข้าทำงานตามปกติ ถือว่านายจ้างยังไม่มีเจตนาเลิกจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ แอบนอนหลับในเวลาทำงาน ถือเป็นเหตุในการเลิกจ้างได้ เลิกจ้างเป็นธรรม article
ลาออกโดยไม่สุจริต ไม่มีผลใช้บังคับ article
ทำความผิดคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน พิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ประกอบธุรกิจ บริการ ด่าลูกค้าด้วยถ้อยคำหยาบคาย " ควาย " ถือเป็นการกระทำความผิดกรณีร้ายแรง article
ข้อบังคับ ระบุให้ผู้บังคับบัญชาเหนือกว่ามีอำนาจแก้ไข เพิ่มโทษ หรือลดโทษได้ การยกเลิกคำสั่งลงโทษเดิมและให้ลงโทษใหม่หนักกว่าเดิมจึงสามารถทำได้ article
เลือกปฏิบัติในการลงโทษระเบียบการห้ามใส่ตุ้มหูมาทำงาน บังคับใช้ได้ แต่เลือกปฏิบัติในการลงโทษไม่ได้ article
ลงโทษพักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างและเตือนในคราวเดียวกันได้ ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน article
จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย article
ข้อตกลงรับเงินและยินยอมปลดหนี้ให้แก่กัน ถือเป็นการตกลงระงับข้อพิพาทแม้จะทำขึ้นก่อนคำสั่งเลิกจ้างมีผลใช้บังคับ article
ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่คู่ความอ้างส่งศาลได้ แม้มิได้ระบุบัญชีพยานไว้ก็ตาม article
สัญญาจ้างห้ามลูกจ้างไปทำงานกับนายจ้างใหม่ที่ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกันมีกำหนดเวลา บังคับใช้ได้ article
เลิกจ้างและรับเงินค่าชดเชย ใบรับเงิน ระบุขอสละสิทธิ์เรียกร้องเงินอื่นใดใช้บังคับได้ ลูกจ้างไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องสินจ้างและค่าเสียหายได้อีก article
เกษียณอายุ 60 ปี ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยนับแต่วันครบกำหนดเกษียณอายุ แม้นายจ้างไม่ได้บอกเลิกจ้างก็ตาม article
ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและเพิกเฉยไม่ดูแลผลประโยชน์ของนายจ้าง เป็นเหตุให้นายจ้างไม่ไว้วางใจในการทำงานได้เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ละเลยต่อหน้าที่ ไม่รายงานเคพีไอ นายจ้างตักเตือนแล้ว ถือว่าผิดซ้ำคำเตือน เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ทำสัญญาจ้างต่างด้าวทำงานในอาชีพต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว สัญญาจ้างถือเป็นโมฆะ article
ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง article
ศาลมีคำสั่งให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาตามหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน ในขณะที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ยุติ ต้องสืบพยานใหม่และพิพากษาใหม่ไปตามรูปคดี article
แม้สัญญาจ้างไม่ได้ระบุระยะเวลาทดลองงานไว้ แต่นายจ้างก็สามารถประเมินผลการทำงานของลูกจ้างได้ article
การควบรวมกิจการ สิทธิและหน้าที่โอนไปเป็นของบริษัทใหม่ การจ่ายเงินสมทบบริษัทใหม่ที่ควบรวมจึงมีสิทธิจ่ายเงินสมทบในอัตราเดิมตามสิทธิ มิใช่ในอัตราบริษัทตั้งใหม่ article
เลิกจ้างรับเงินค่าชดเชยแล้วตกลงสละสิทธิ์จะไม่เรียกร้องผละประโยชน์ใดๆ ถือว่าสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเป็นอันระงับไป article
รับเหมาก่อสร้าง ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบ จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแทนผู้รับเหมาช่วง หากผู้รับเหมาช่วงไม่นำส่งเงินสมทบตามกฎหมายโดยคำนวณจากอัตราค่าจ้างที่ระบุตามแบบ ( ภ.ง.ด. 50 ) และบัญชีงบดุล article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานระบุห้ามทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายร่างกาย ผู้บังคับบัญชา เพื่อนพนักงาน ทั้งในสถานที่ทำงาน หรือสถานที่อื่นๆ ฝ่าฝืนถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง ใช้บังคับได้ไม่ขัดต่อกฎหมาย article
ไส้ติ่งอักเสบ แพทย์วินิจฉัยให้ผ่าตัด ถือเป็นกรณีฉุกเฉิน เบิกค่ารักษาได้ มีสิทธิรับเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ได้ article
ค่าเช่าที่พัก ค่าใช้จ่ายเดินทางเป็นสวัสดิการไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่ารถยนต์ซึ่งกำหนดเป็นสวัสดิการไว้ชัดเจนแยกจากฐานเงินเดือนปกติ ถือเป็นสวัสดิการไม่ใช่ค่าจ้าง article
ละเมิดข้อตกลงสภาพการจ้าง ละเมิดสัญญาจ้าง มีอายุความ 10 ปี มิใช่ 1 ปี article
พฤติกรรมการจ้างที่ถือว่าเป็นการจ้างแรงงาน ถือเป็นลูกจ้าง / นายจ้างตามกฎหมาย article
พนักงานขายรถยนต์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ประจำบูธ ตามที่ได้รับมอบหมาย ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
เลือกตั้งคณะกรรมการสหภาพฯ ขัดต่อข้อบังคับสหภาพหรือขัดต่อกฎหมาย ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบ article
ฝ่าฝืนสัญญาจ้าง กรณีห้ามทำการแข่งขันกับนายจ้างหรือทำธุรกิจคล้ายคลึงกับนายจ้างเป็นเวลา 2 ปี นับจากสิ้นสุดสัญญาต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้าง article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระบุให้นายจ้างเลิกจ้างเพราะเหตุคนล้นงาน ปรับลด ขนาดองค์กรได้ ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเลิกจ้างลูกจ้างได้ article
ข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีตัดสิทธิ์รับเงินสมทบพร้อมผลประโยชน์หากกระทำผิดถูกปลดออกจากงานบังคับใช้ได้ article
ทะเลาะวิวาทกัน นอกเวลางาน นอกบริเวณบริษัทฯ ไม่ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนไม่ไปตรวจสารเสพติดซ้ำตามคำสั่งและนโยบาย ถือว่าฝ่าฝืน ข้อบังคับ หรือ ระเบียบ กรณีร้ายแรง article
วันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วน article
เป็นลูกจ้างที่มีอำนาจกระทำการแทนนายจ้างในการจ้างงาน ไม่มีสิทธิได้รับค่าทำงานในวันหยุด และลักทรัพย์เอาต้นไม้ของนายจ้างไป ถือว่ากระทำผิดอาญาแก่นายจ้าง เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ผลการทำงานดีมาโดยตลอดและไม่เคยกระทำผิดมาก่อน แต่ปีสุดท้ายผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่ถือเป็นเหตุที่จะอ้างในการเลิกจ้าง article
ได้รับบาดเจ็บรายการเดียว เข้ารักษา 2 ครั้ง ถือว่าเป็นการรักษารายการเดียว นายจ้างสำรองจ่ายเพิ่มเติมไม่เกิน 50,000 บาท ไม่ใช่ 200,000 บาท article
ผู้บริหารบริษัท ฯ ถือเป็นลูกจ้างหรือไม่ ดูจาก_________ ? article
ขับรถออกนอกเส้นทาง แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรงและก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้าง นายจ้างหักเงินประกันการทำงานได้ article
ค่าจ้างระหว่างพักงาน เมื่อข้อเท็จจริง ลูกจ้างกระทำความผิดจริง จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างระหว่างพักงาน article
“ นายจ้าง ” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 5 article
สัญญารักษาความลับ ข้อมูลทางการค้า (ห้ามประกอบหรือรับปฏิบัติงานแข่งขันนายจ้าง) มีกำหนด 2 ปี บังคับใช้ได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย และการกำหนดค่าเสียหาย ถือเป็นเบี้ยปรับตามกฎหมาย ศาลปรับลดได้ตามสมควร article
ค่าโทรศัพท์ เหมาจ่าย ถือเป็นค่าจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ 3 วันทำการ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เลิกจ้างเป็นธรรมไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ลาออกมีผลใช้บังคับแล้ว ออกหนังสือเลิกจ้างภายหลังใช้บังคับไม่ได้ article
ตกลงรับเงิน ไม่ติดใจฟ้องร้องอีกถือเป็นการตกลงประนีประนอมกันบังคับได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย
เลิกจ้างระหว่างทดลองงาน ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ข้อตกลงว่า “หากเกิดข้อพิพาทตามสัญญาจ้างแรงงาน ให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย” ไม่เกี่ยวกับสิทธิตามกฎหมายแรงงาน เมื่อเกิดสิทธิตามกฎหมาย ฟ้องศาลแรงงานได้ โดยไม่ต้องให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย article
เลิกจ้างด้วยเหตุอื่น อันมิใช่ความผิดเดิมที่เคยตักเตือน ไม่ใช่เหตุที่จะไม่จ่ายค่าชดเชย เลิกจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย article
นำรถยนต์ไปใช้ในกิจธุระส่วนตัว มีพฤติกรรมคดโกง ไม่ซื่อตรง พฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ไม่น่าไว้วางใจ ลงโทษปลดออกจากการทำงานได้ article
การกระทำที่กระทบต่อเกียรติ ชื่อเสียงของนายจ้าง และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แม้กระทำนอกสถานที่ทำงานและนอกเวลางาน ก็ถือว่า ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรง article
สัญญาค้ำประกันการทำงานไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ต้องรับผิดชอบตลอดไป article
ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเลิกจ้างได้ ถือว่าเลิกจ้างเป็นธรรมและความผิดที่ลงโทษแล้วจะนำมาลงโทษอีกไม่ได้ article
ผิดสัญญาจ้างไปทำงานกับคู่แข่ง นายจ้างฟ้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาได้ แต่ค่าเสียหาย เป็นดุลพินิจของศาลจะกำหนด article
จงใจกระทำผิดโดยผิดกฎหมายเป็นเหตุให้นายจ้างเสียหาย ถือว่า กระทำละเมิดต่อนายจ้าง ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น article
ตกลงสละสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย ภายหลังเลิกจ้าง ใช้บังคับได้ ไม่เป็นโมฆะ article
ก้าวร้าวไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ามิใช่ค่าจ้าง คิดดอกเบี้ยในอัตรา 7. 5 ต่อปี article
ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของนายจ้างในเรื่องส่วนตัวเป็นประจำ ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่กาปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต เลิกจ้างเป็นธรรม article
สั่งให้พนักงานขับรถ ขับรถออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้มีส่วนในการขับรถ ถือว่าผิดต่อสัญญาจ้าง แต่ไม่ต้องรับผิดอันมีผลโดยตรงจากมูลละเมิด ( ขับรถโดยประมาท ) article
จ่ายของสมนาคุณให้ลูกค้า โดยไม่ตรวจสอบบิลให้ถูกต้อง มิใช่ความผิดกรณีร้ายแรงไม่ใช่การทุจริตต่อหน้าที่ แต่ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เสร็จลุล่วงไปโดยถูกต้อง และสุจริต เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ฟ้องประเด็นละเมิด กระทำผิดสัญญาจ้าง ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง มีอายุความ 10 ปี article
ตกลงยินยอมให้หักค่าจ้างชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ นายจ้างสามารถหักค่าจ้างได้ตามหนังสือยินยอมโดยไม่ต้องฟ้อง article
กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างและประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง article
“ งานโครงการตามมาตรา 118 วรรค 4 ” บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ว่าจ้างลูกจ้างทำงานตามโครงการที่รับเหมา ถือว่าจ้างงานในปกติธุรกิจของนายจ้าง มิใช่งานโครงการ article
เงินโบนัสต้องมีสภาพการเป็นพนักงานจนถึงวันกำหนดจ่าย ออกก่อนไม่มีสิทธิได้รับ article
ระเบียบกำหนดจ่ายเงินพิเศษ ( gratuity ) เนื่องจากเกษียณอายุ โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายแตกต่างจากการจ่ายค่าเชย ถือว่านายจ้างยังไม่ได้จ่ายค่าชดเยตามกฎหมาย article
เจรจาให้ลาออก ลูกจ้างขอค่าชดเชย นายจ้างไม่คุยด้วย แต่ยังไม่ได้บอกเลิกจ้างและยังไม่ปรากฎว่านายจ้างไม่จ่ายค่าจ้างและไม่ให้เข้าทำงานต่อ ยังไม่ถือว่าเป็นการเลิกจ้าง ( อย่าเข้าใจไปเอง ) ไม่มีสิทธิได้ค่าชดเชย article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.

บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด

เลขที่ 511/4 ถนนประชาอุทิศ 117/1 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร (10140)

โทร/Tel : 02 - 8159522, แฟกซ์/Fax : 02 - 8159523, มือถือ/Mobile : 081 - 7936156

อีเมล/E-mail : sawai.prm@gmail.com, เว็บไซต์/Web : www.parameelaw.com