ขยายความคุ้มครองลูกจ้าง“เกษตร – ประมง” และการกำหนดหลักเกณฑ์ในกรณีทุพพลภาพ
สปส. เสนอร่าง ก.ม. ขยายความคุ้มครองลูกจ้าง“เกษตร – ประมง” ตั้งแต่ 20 คนขึ้นไปเข้าระบบประกันสังคม และการกำหนดหลักเกณฑ์ในกรณีทุพพลภาพ
สำนักงานประกันสังคม เสนอ พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ไฟเขียวส่งร่างประกาศกระทรวงแรงงาน และพระราชกฤษฎีกาขยายความคุ้มครองลูกจ้าง “เกษตร – ประมง” ตั้งแต่ 20 คนขึ้นไป ขึ้นทะเบียนเข้าระบบประกันสังคม รับความคุ้มครอง 7 กรณี ให้คณะกรรมการ พิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงแรงงานพิจารณา คาดภายในเดือนกันยายนนี้มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ
นายโกวิท สัจจวิเศษ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศให้การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมเร่งรัดให้ทุกหน่วยงานบูรณาการทำงานเพื่อแก้ปัญหาข้อห่วงใยของนานาประเทศ และเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานทุกภาคส่วน สำนักงานประกันสังคมได้เสนอแผนงานดำเนินการขยายความคุ้มครองแก่ลูกจ้างในกิจการเกษตรและประมงที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 20 คนขึ้นไป ให้ได้รับความคุ้มครองในระบบประกันสังคมรวม 7 กรณีเช่นเดียวกับอาชีพอื่น จากกฎหมายเดิมที่ถือว่ากิจการเหล่านี้ได้รับการยกเว้นไม่อยู่ในบังคับตามกฎหมายประกันสังคม ซึ่งหม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความเห็นชอบตามข้อเสนอดังกล่าวแล้ว
นายโกวิท กล่าวต่อว่า การขยายความคุ้มครองแก่ลูกจ้างในกิจการเกษตรและประมงที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 20 คนขึ้นไป จำเป็นต้องแก้ไขกฎหมาย 2 ฉบับ โดยคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน ในการประชุมครั้งที่ 6/2559 เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2559 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่องประเภท ขนาดของกิจการและท้องที่ที่ให้นายจ้างจ่ายเงินสมทบ พ.ศ. ... และคณะกรรมการประกันสังคมและที่ปรึกษาในการประชุมครั้งที่ 7/2559 เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2559 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดกิจการหรือลูกจ้างอื่นที่ไม่อยู่ในบังคับตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม (ฉบับที่...) พ.ศ. ... “เพื่อให้การขยายความคุ้มครองแก่ลูกจ้างในกิจการเกษตรและประมงตามกฎหมายสามารถดำเนินการและมีผลบังคับใช้อย่างมีประ สิทธิภาพตามนโยบายของรัฐบาล และเป็นไปตามข้อเสนอแนะของบอร์ดทั้งสองคณะ สำนักงานประกันสังคมจึงได้นำเรียนท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พลเอกศิริชัย ดิษฐกุล ผ่านทางปลัดกระทรวงแรงงาน เพื่อนำร่างกฎหมายทั้งสองฉบับเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงแรงงาน และเมื่อผ่านความเห็นชอบก็ส่งเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป” เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ระบุ
นายโกวิท กล่าวด้วยว่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน คาดว่าภายในเดือนกันยายนนี้จะสามารถประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ได้ และเมื่อนายจ้างได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคม ลูกจ้างในกิจการเกษตรและประมงก็จะเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ได้รับสิทธิประโยชน์ 7 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ทุพพลภาพ ตาย ว่างงาน และชราภาพ มาตรการดังกล่าวนอกจากจะเป็นการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความมั่นคงให้กับแรงงานกลุ่มนี้ แม้ว่าแรงงานส่วนใหญ่จะมาจากประเทศเพื่อนบ้านแต่เราต้องคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนสากล และให้สิทธิอย่างเท่าเทียมตามกฎหมาย อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการจ้างงานตามกฎหมายพร้อมกับสร้างรายได้ให้รัฐอีกทางหนึ่งด้วย
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า นอกจากนี้คณะกรรมการประกันสังคมและที่ปรึกษาได้เห็นชอบประกาศสำนักงานประกันสังคม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ในกรณีทุพพลภาพ และประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 เรื่อง กำหนดอัตรา และระยะเวลาการได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ สาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ การรับสิทธิประโยชน์กรณีทุพพลภาพ โดยกรณีทุพพลภาพมีระดับความสูญเสียไม่รุนแรง ตั้งแต่ร้อยละ 35 ขึ้นไป แต่ไม่ถึงร้อยละ 50 มีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้างรายวันตามมาตรา 57 ตลอดระยะเวลาที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ ทั้งนี้ไม่เกิน 180 เดือน และกรณีทุพพลภาพระดับความสูญเสียรุนแรง ตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไปมีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวันไปตลอดชีวิต