ก.แรงงานเตรียมออกกฎหมายลูก3ฉบับคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน'
หม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวง แรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ คุ้มครองการรับงานไปทำที่บ้าน ครั้งที่ 3/2559 กล่าวว่า ผู้รับงานไปทำที่บ้านเป็นกลุ่มหนึ่ง ในแรงงานนอกระบบที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอกศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญมาก ซึ่งการประชุมครั้งนี้ พิจารณาถึงกฎหมายลำดับรองภายใต้พระราช บัญญัติผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. 2553 (กฎหมายใหญ่) ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการ พิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา คือ งานที่มีลักษณะอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และความปลอดภัยของหญิงมีครรภ์หรือเด็กซึ่งมีอายุต่ำกว่า 15 ปี พ.ศ. ....เพื่อความปลอดภัย ส่วนอีกฉบับที่กำลังจะนำเสนอ เพิ่มเติม เป็นเรื่องของการกำหนดลักษณะหรือประเภทงานที่ห้ามผู้จ้างงานจ้างผู้รับงาน ไปทำที่บ้าน พ.ศ. .... เกี่ยวกับลักษณะงานที่ต้องทำด้วยเครื่องมือหรือเครื่องจักร ซึ่งอาจเป็นอันตราย โดยต้องมีการกำหนดว่าเป็นเครื่องกี่แรงม้า การสั่นสะเทือนเสียง กี่เดซิเบล ความร้อนกี่องศา เป็นต้น ผู้รับงาน ไปทำที่บ้านจึงจะสามารถทำได้ ทั้งนี้ คาดว่า กฎหมายลำดับรองทั้งสองฉบับจะสามารถประกาศใช้ได้ในปีนี้
ที่ประชุมยังพิจารณาถึงการออกประกาศกระทรวงแรงงาน ในการกำหนดอัตราค่าตอบแทนของผู้รับงานไปทำที่บ้าน แม้ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานกำหนด ให้ผู้รับงานไปทำที่บ้านต้องได้ค่าจ้างไม่ต่ำกว่า อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ แต่เพื่อให้เกิดความ เป็นธรรมกับทั้งผู้ว่าจ้างและผู้รับงานไปทำที่บ้าน ในเนื้องานที่มาตรฐานเดียวกันกับที่ทำในโรงงานและได้ค่าจ้างเท่ากับค่าจ้างขั้นต่ำ ผู้รับงานไปทำที่บ้านต้องได้รับเท่ากันด้วย จึงจำเป็นต้องมีการกำหนดหลักเกณฑ์ให้ชัดเจน เพื่อเป็นกรอบให้นายจ้างนำไปปฏิบัติ และไม่เอาเปรียบในการกดราคาค่าตอบแทนของ ผู้รับงานไปทำที่บ้าน โดยอ้างอิงถึงลักษณะงาน ชิ้นงาน และคุณภาพกับการทำงานในโรงงาน อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายใน 1 เดือน เรื่อง ค่าตอบแทนจะสามารถประกาศเป็นกฎกระทรวง เพื่อบังคับใช้ได้
ทั้งนี้ ภารกิจงานดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานหลายหน่วยงาน ซึ่งได้เตรียมประชุมกับกรมการจัดหางานและกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เพื่อร่วมกันดูแลผู้รับงาน ไปทำที่บ้าน เนื่องจากมีภารกิจที่ต่อเนื่องกัน เพื่อให้การดูแลคุ้มครองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเมื่อกฎหมายลำดับรองทั้ง 3 ฉบับ มีผลบังคับใช้จะต้องทำความเข้าใจ เพื่อไม่ให้เกิดความตระหนก สร้างความเข้าใจ ตรวจเยี่ยมเชิงรุก ทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง เพื่อการพึ่งพากันอย่างสังคมสงบสุข