STEM for TVET สร้างครูเพื่อสร้างเด็กเลิกกอดตำรา ลงมือทำงาน มุ่งสู่เป้าหมายตลาด
การจะทำให้การเรียนการสอนด้าน STEM "สะเต็ม" หรือการส่งเสริมให้เด็กไทยมีความรู้ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์และคำนวณ ผสมผสานองค์ความรู้และสร้างเป็นรูปแบบเพื่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ นั้น มิได้เกิดขึ้นง่ายๆ สิ่งสำคัญบุคคลที่จะนำพาผู้เรียนไปถึง "ฝั่งฝัน" ได้นั้น ก็คือ "ครูผู้สอน" เพื่อร่วมกันผลักดันให้เยาวชนไทยมีฐานคิดในเรื่อง เหล่านี้ โดยต้องหันมาปรับการเรียนในรูปแบบเดิม ที่เอาแต่กอดตำรา นั่งติวเพื่อให้ได้คะแนนสูง หรืออ่านทฤษฎีแต่ทำอะไรหรือคิดสิ่งใหม่ๆ ให้สังคมไทยไม่ได้อย่างการเรียนในรูปแบบเดิมๆ นั้น ครูผู้สอนต้องสลัดการสอนแบบเดิมทั้งไป
ด้วยเหตุนี้เองมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ล้านนา จึงได้ทำโครงการ Chevron Enjoy Science ขึ้นมา โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเชฟรอล ประเทศไทยสำรวจและผลิต บันทึกความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับ สถาบันคีนันแห่งเอเชีย สำนักคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ สถานประกอบการและสถานศึกษาในเครือข่าย โดยมี มทร. ล้านนาเป็นส่วนสำคัญในการประสานโรงเรียนและอุตสาหกรรมในเครือข่าย เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาด้าน STEM for TVET หรือการใช้ความรู้ ในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคำนวณมาร่วมแก้ปัญหาภาคอุตสาหกรรมของประเทศ
ซึ่ง มทร.ล้านนา มีโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเทคโนโลยีหรือ ร.ร.เตรียมราชมงคลล้านนา ดอยสะเก็ด เป็นต้นแบบ ที่ดำเนินการเรียนการสอนใน รูปแบบ STEM ด้วยการลงมือปฏิบัติจริงมาเป็นเวลาร่วม 9 ปีมาแล้ว อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ อย่าง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) ให้ที่นี่เป็นต้นแบบ การศึกษาวิชาชีพและเทคโนโลยี (ดอยสะเก็ดโมเดล : Doi-Saket Model ที่แห่งนี้จึงเหมาะสมที่จะเสริมสร้างทักษะการทำงานของครูเพื่อให้เข้าใจการเรียน การสอนในลักษณะบูรณาการความรู้สี่ด้านเพื่อใช้ในงานจริงให้ได้ อีกทั้ง มทร.ล้านนา ยังมีประสบการณ์จากการทำโครงการโรงเรียนในโรงงาน ที่ส่งเด็กและครูไปเรียนรู้ ประสบการณ์จริงในโรงงานมาแล้วและมองเห็นปัญหาและข้อจำกัดของการทำโครงการโรงเรียนในโรงงาน ที่มีปัญหานั่นคือทักษะความรู้ของครู และผู้เรียนซึ่งได้แก่นักเรียนที่ทางโครงการต้องการขยายสู่ระดับมัธยมสายวิทยาศาสตร์และวิทยาลัยเทคนิคต่างๆให้เข้าสู่โครงการ
ด้วยเหตุนี้เองโครงการ STEM for TVET ภายใต้กิจกรรม การอบรมเสริมทักษะจึงเกิดขึ้นมา มีครูในโรงเรียนในเครือข่ายคือ ลองวิทยา ดอยสะเก็ดวิทยาคม แม่ลาน้อยดรุณสิกข์ ปริ้นส์รอแยลล์วิทยาลัย มทร.อีสาน เทคนิคพระเยา เทคนิคเชียงราย แม่อายวิทยาคม และวิทยาลัยเทคโนโลยีไต้หวัน (บีดีไอ) จึงส่งครูเข้ามาร่วมกิจกรรมอบรมปฏิบัติการ ลงมือปฏิบัติงาน หรือ "STEM for TVET Teacher workshop" จากนั้นไปถอดบทเรียนในโรงงาน และกลับมา สร้างหลักสูตรเพื่อสอนในโรงเรียนตัวเองและต้องเป็นหลักสูตรที่ทำงานได้จริงและเป็นที่ต้องการต้องสถานประกอบการที่ได้ทำความร่วมมือกัน เพื่อให้ผู้เรียนทำงานให้ได้จริง
นายพยุงศักดิ์ แก้วคำ จากโรงเรียนลองวิทยา จ.แพร่ ครูผู้เข้าร่วม ในโครงการ STEM for TVET บอกว่าหากเราต้องการให้เด็กไทยสามารถทำงานและแก้ปัญหาได้จริง เราต้องเปลี่ยนรูปแบบการเรียน การสอน แต่จะทำได้นั้น ต้องอาศัยความเข้าใจจากผู้บริหารโรงเรียน มีงบประมาณ ความเข้าใจจากผู้ปกครองเพื่อให้เข้าใจการเรียนที่ลงมือ ปฏิบัติจริงเพื่อเข้าสู่วิชาชีพ ซึ่งแตกต่างจากการเรียนสายสามัญ นอกจากนี้ ทีมงานผู้สอนและการสนับสนุนจากภาคอุตสาหกรรม มาร่วมอบรมครั้งนี้ ได้รับประโยชน์มาก และจะต้องไปโรงงานเพื่อถอดบทเรียนและกลับไปสร้างหลักสูตรที่โรงเรียนด้วย
นายกัญจน์ นาคเอี่ยม "กัน" อายุ 18 ปี กำลังเรียนเรียนชั้น ปวช. 3 ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเทคโนโลยี มทร.ล้านนา บอกว่า การที่ครูอาจารย์จากโรงเรียนอื่นๆ มาเรียนรู้และมองเห็นการเรียนการสอนที่ ดอยสะเก็ดโมเดล : Doi-Saket Model เป็นแบบนั้นเพื่อนำไปสู่ STEM for TVET นั้นผมเห็นด้วยอย่างยิ่งที่นี่เราเรียนความรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ โดยเริ่มฝึกปฏิบัติจริงตั้งแต่ปวช.1 เข้ามาเรียนก็ต้องมีหัวข้อว่าสนใจงานด้านนั้น จากนั้นค่อยๆ หาข้อมูล เพื่อเป็นโครงการก่อนจบ ปวช.3 การเรียนที่นี่จะเรียนจากหัวข้อโจทย์ที่เราสนใจฝึกทำงาน ทุกวัน มีระเบียบวินัยเรื่องการทำงานเป็นเวลา เพราะเราต้องอยู่หอพักทุกคน มีงานหรือมีโครงการอะไรนักเรียนก็มาช่วยครูทำงาน และครูอาจารย์ ที่นี่ ก็มีการคัดสรรเพื่อสนองตอบต่อการเรียนในระบบนี้โดยตรงครับ
นายสุกฤต ศิริ "กิจ" อายุ 18 ปี กำลังเรียนเรียนชั้น ปวช. 3 ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเทคโนโลยี มทร.ล้านนา เล่าว่า ครูมีส่วนสำคัญมากครับที่จะทำให้เด็กเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนมุมมอง ผมเห็นด้วยอย่างมากที่โรงเรียนอื่นๆ จะเปลี่ยนวิธีการสอน โดยเน้นการปฏิบัติและ ตอบโจทย์ตลาดโรงงานวิชาชีพมากขึ้น แต่การจะไปถึงเป้าหมายตรงนั้นได้ "ครูผู้สอน" มีส่วนสำคัญและเป้าหมายของโรงเรียนและสถานศึกษาแต่ละแห่งก็มีความสำคัญอย่างมาก มันไม่ได้หมายความว่าทุกโรงเรียน จะสามารถทำได้เหมือนๆ กันครับ เพราะรูปแบบการเรียนแบบเดิมมันตรึง ผู้คนไว้ในระบบนั้นยาวนานมากครับ
ได้ฟังเสียงสะท้อนจากผู้เรียนที่เรียนในโรงเรียนซึ่งเรียนโดยใช้วิธีการ STEM for TVET ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเทคโนโลยี มทร.ล้านนา คงทำให้การขยายผลการเรียนการสอนในระบบ STEM for TVET มีทิศทางที่มากขึ้น กว้างขึ้น และพึงดำเนินการด้วยความเอาใจใส่ให้มากขึ้นด้วย