คำพิพากษาฎีกาที่ 21715/56
สั่งให้พนักงานขับรถ ขับรถออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้มีส่วนในการขับรถ ถือว่าผิดต่อสัญญาจ้าง แต่ไม่ต้องรับผิดอันมีผลโดยตรงจากมูลละเมิด ( ขับรถโดยประมาท )
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทรัฐวิสาหกิจในตำแหน่งพนักงานขับรถยนต์ กองบริการจัดการขนส่งทางบกฝ่ายการขนส่งทางบก มีหน้าที่ขับรถยนต์บรรทุกรับส่งสินค้า เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2545 โจทก์และนายมานัส เถาว์หมอ ได้รับคำสั่งให้ขับรถยนต์บรรทุกหมายเลขรถ 2410 หมายเลขทะเบียน 71 – 7469 กรุงเทพฯ ไปส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าที่จังหวัดเชียงใหม่ นายมานัสขับรถด้วยความประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้รถยนต์บรรทุกพลิกคว่ำตกคลอง ณ ตำบลคลองหก อำเภอคลองหลวง ปทุมธานี จำเลยสอบสวนแล้วจึงได้ออกคำสั่งที่ กอ.138/2547 ให้โจทก์ร่วมรับผิดกับนายมานัสซึ่งเป็นคำสั่งที่มิชอบ เนื่องจากโจทก์มิได้เป็นผู้ขับรถจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ และจำเลยออกคำสั่งโดยมิได้รับรายงานจากคณะกรรมการอุบัติเหตุ ซึ่งมีหน้าที่ร่วมพิจารณาประเมินค่าเสียหาย ค่าสินไหมทดแทน พร้อมทั้งพิจารณาความรับผิดชอบของผู้ขับยานพาหนะและทำรายงานเสนอต่อผู้มีอำนาจอนุมัติ อันเป็นการขัดต่อระเบียบของจำเลยว่าด้วยการปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับยานพาหนะ พ.ศ. 2536 ข้อ 6, 12, และ 15, ตลอดจนจำเลยมิได้มีความเสียหายจริงตามที่เรียกร้องจากโจทก์ และยังไม่ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บุคคลภายนอก จึงไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะเรียกให้โจทก์ชดใช้คืนได้ โจทก์อุทธรณ์คำสั่งต่อจำเลยแล้วแต่จำเลยไม่เพิกถอนขอให้บังคับจำเลยยกเลิกเพิกถอนคำสั่งที่ กอ.138/2547 โดยให้โจทก์ไม่ต้องร่วมรับผิดกับนายมานัส เถาว์หมอ ชดใช้เงินคืนจำเลย
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นผู้สั่งการให้นายมานัส เถาว์หมอ ขับรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 71 – 7469 กรุงเทพฯ ออกนอกเส้นทางที่จำเลยกำหนดเพื่อไปเอากระเป๋าสตางค์และใบอนุญาตขับรถของโจทก์ที่บ้านของโจทก์ซึ่งตั้งอยู่ที่คลองแปด ถนนสายกรุงเทพ – นครนายก อันเป็นการขัดต่อระเบียบคำสั่งที่ ขส.30/2529 เรื่องการกำหนดเส้นทางเดินรถบรรทุกสินค้าประเภทเหมาคันเมื่อนายมานัสขับรถออกนอกเส้นทางจนเกิดอุบัติเหตุก่อความเสียหายขึ้น จำเลยจึงมีคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดในกรณีที่เกิดขึ้นซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวเห็นว่าโจทก์เป็นต้นเหตุและสั่งให้นายมานัสขับรถออกนอกเส้นทางที่กำหนดจึงต้องร่วมรับผิดกับนายมานัสในความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งโจทก์ยินยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายร่วมกับนายมานัสไว้ ต่อมาจำเลยส่งผลการสอบสวนให้กรมบัญชีกลางตรวจสอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ซึ่งเมื่อกรมบัญชีกลางพิจารณาแล้วเห็นควรให้โจทก์รับผิดร่วมกับนายมานัสอย่างลูกหนี้ร่วมในความเสียหายที่เกิดขึ้น จำเลยจึงคำสั่งให้โจทก์ร่วมกับนายมานัสชดใช้ความเสียหาย คำสั่งดังกล่าวจึงชอบแล้ว นอกจากนี้โจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัยให้ถูกต้องครบถ้วนตามข้อบังคับว่าด้วยวินัยพนักงาน พ.ศ. 2521 และพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางการปกครอง พ.ศ. 2539 ก่อน จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งที่ กอ.138/2547 ของจำเลยในส่วนค่าเสียหายที่เรียกร้องจากโจทก์ โดยให้จำเลยคิดค่าเสียใหม่หลังจากที่ได้ปฏิบัติให้ครบถ้วนตามระเบียบและเพียงเท่าที่มีสิทธิตามกฎหมายเท่านั้น
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทรัฐวิสาหกิจในตำแหน่งพนักงานขับรถยนต์มีหน้าที่ขับรถยนต์บรรทุกรับส่งสินค้า เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2545 โจทก์ได้รับคำสั่งให้ขับรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 71 – 7469 กรุงเทพฯ ไปส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายมานัส เถาว์หมอ เป็นพนักงานขับรถมือสอง ในวันเกิดเหตุวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2545 ขณะที่นายมานัสขับรถยนต์คันดังกล่าวไปตามเส้นทางที่จะไปยังบ้านของโจทก์เพื่อไปเอากระเป๋าสตางค์ที่บรรจุเงินและใบอนุญาตขับรถที่โจทก์ลืมไว้ ระหว่างทางนายมานัสขับรถพลิกคว่ำตกคลองจมน้ำทั้งคันเป็นเหตุให้รถยนต์บรรทุกและสินค้าของลูกค้าได้รับความเสียหายต่อมาจำเลยแต่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด แล้วมีความเห็นว่านายมานัสขับรถออกนอกเส้นทางและขับรถด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ส่วนโจทก์เป็นผู้สั่งให้นายมานัสขับรถออกนอกเส้นทางถือได้ว่าเป็นต้นเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น โจทก์และนายมานัสจึงต้องร่วมกันรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น ต่อมากรมบัญชีกลางมีหนังสือแจ้งผลเห็นชอบในเรื่องความรับผิดตามที่จำเลยแจ้งผลไป แล้วจำเลยมีคำสั่งที่ กอ.138/2547 ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2547 ให้โจทก์และนายมานัสร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดแก่ตัวรถเป็นเงิน 143,886.90 บาท ค่าเสียหายที่เกิดแก่สินค้าซึ่งได้ชดใช้ให้เจ้าของไปแล้วเป็นเงิน 149,313.89 บาท ค่าเสียหายตามคำพิพากษาของศาลแขวงขอนแก่นคดีหมายเลขแดงที่ 2331/2546 เป็นเงิน 259,943 บาท พร้อมดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียม ส่วนค่าเสียหายที่เกิดแก่สินค้าและค่าเสียหายที่เกิดแก่ราวกั้นทางของกรมทางหลวง รวมทั้งค่าเสียหายอื่นใดในอนาคตก็ให้อยู่ในความรับผิดที่จะต้องชดใช้คืนจำเลยต่อไป ต่อมาจำเลยจ่ายเงินค่าสินค้าให้แก่ผู้เสียหายจากอุบัติเหตุแล้วเป็นเงิน 91,938.89 บาท และผู้ค้ำประกันการทำงานของนายมานัสจ่ายค่าหายให้แก่จำเลยแล้วเป็นเงิน 50,000 บาท ทั้งคดีหมายเลขแดงที่ 2331/2546 ของศาลแขวงขอนแก่นยังไม่ถึงที่สุด จำเลยจึงยังมิได้จ่ายเงินตามคำพิพากษาดังกล่าว แล้ววินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง โจทก์สั่งให้นายมานัสขับรถออกนอกเส้นทางที่จำเลยกำหนดไว้อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งจำเลยเรื่องเส้นทางเดินรถบรรทุกสินค้าประเภทเหมาคัน โจทก์จึงเป็นผู้ก่อให้นายมานัสกระทำผิดต่อระเบียบ ฝ่าฝืนคำสั่งที่จำเลยให้ไว้ เมื่อนายมานัสขับรถออกนอกเส้นทางตามคำสั่งของโจทก์จนเกิดอุบัติเหตุก่อความเสียหายขึ้น ต้องถือว่าโจทก์ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงและกระทำละเมิดร่วมกับนายมานัสในความเสียหายด้วย ทั้งไม่มีพฤติการณ์ให้โจทก์รับผิดน้อยกว่านายมานัสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 และ 432 การกระทำละเมิดของโจทก์มิใช่เป็นการกระทำในการปฏิบัติหน้าที่ จึงไม่อยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 โจทก์จึงต้องร่วมรับผิดกับนายมานัสชดใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลย คำสั่งที่ กอ.138/2547 ของจำเลยไม่ชอบบางส่วน โดยโจทก์คงร่วมรับผิดกับนายมานัสเพียงเท่าที่จำเลยรับช่วงสิทธิตามกฎหมายและค่าเสียหายอันเกิดแก่ตัวรถหลังจากที่จำเลยให้โจทก์เข้าร่วมพิจารณาค่าเสียหายกับคณะกรรมการอุบัติเหตุ รวมทั้งได้ปฏิบัติตามระเบียบจำเลยว่าด้วยการปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับยานพาหนะเสียก่อน ตลอดจนต้องนำเงินที่ผู้ค้ำประกันของนายมานัสมาหักออกด้วย เมื่อจำเลยเรียกร้องค่าเสียหายจากโจทก์โดยไม่ถูกต้อง จำเลยจึงต้องออกคำสั่งใหม่แก้ไขให้ถูกต้องตามระเบียบจำเลยและกฎหมายต่อไป
พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาวินิจฉัยตามที่โจทก์อุทธรณ์ว่าแม้โจทก์จะเป็นผู้สั่งให้นายมานัสขับรถออกนอกเส้นทาง แต่การเกิดอุบัติเหตุเป็นการกระทำของนายมานัสผู้ขับด้วยความประมาทเลินเล่น ไม่ใช่ผลโดยตรงที่โจทก์เป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้นโจทก์จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับนายมานัส โจทก์จะต้องรับผิดทางด้านวินัยตามข้อบังคับของจำเลยว่าด้วยวินัยพนักงาน พ.ศ. 2521 และแม้ว่านายมานัสจะขับรถออกนอกเส้นทางก็คงเป็นการขับรถไปในทางการที่จ้างของจำเลย โจทก์มิใช่ผู้ขับ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้กระทำด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 มาตรา 8 จึงขอให้ยกเลิกเพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ กอ.138/2547 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโจทก์เสียทั้งสิ้น เห็นว่า เมื่อโจทก์และนายมานัสได้รับคำสั่งจากจำเลยให้ขับรถยนต์บรรทุกไปส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าที่จังหวัดเชียงใหม่ แล้วนายมานัสขับรถออกนอกเส้นทางเพื่อไปเอากระเป๋าสตางค์และใบอนุญาตขับรถของโจทก์ตามคำสั่งของโจทก์และนายมานัสขับรถยนต์บรรทุกพลิกคว่ำตกคลองจมน้ำเป็นเหตุให้รถยนต์บรรทุกและสินค้าเสียหาย ซึ่งตามระเบียบข้อบังคับของจำเลย ผู้ขับรถยนต์บรรทุกสินค้าต้องขับรถตามเส้นทางที่กำหนดห้ามออกนอกเส้นทาง ดังนั้นการที่โจทก์กับนายมานัสได้รับคำสั่งจากจำเลยให้ขับรถไปส่งสินค้าอันเป็นกิจการของจำเลย แต่โจทก์กลับมีคำสั่งให้นายมานัสขับรถออกนอกเส้นทางเพื่อไปเอากระเป๋าสตางค์และใบอนุญาตขับรถที่ลืมไว้ที่บ้านของโจทก์ จึงเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของจำเลย คำสั่งของโจทก์ที่สั่งให้นายมานัสขับรถออกนอกเส้นทางจึงเป็นการออกคำสั่งที่ไม่ชอบ ถือว่าการกระทำของโจทก์เป็นแต่เพียงผิดสัญญาจ้างแรงงานต่อจำเลย เมื่อโจทก์ไม่ได้มีส่วนร่วมกับนายมานัสในการขับรถบรรทุกของจำเลยไปพลิกคว่ำตกคลองอันเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดในผลโดยตรงแห่งละเมิดที่นายมานัสเป็นผู้ก่อขึ้น จำเลยไม่มีสิทธิฟ้องเรียกให้โจทก์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่จำเลยในกรณีนายมานัสขับรถโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้รถบรรทุกพลิกคว่ำตกคลองได้ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 มาตรา 8 วรรคหนึ่ง อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับให้เพิกถอนคำสั่งที่ กอ.138/2547 ของจำเลยที่เกี่ยวกับความรับผิดของโจทก์เสียทั้งสิ้น.
เรียบเรียงโดย บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด