คำพิพากษาฎีกาที่ 13584 - 13585/56
กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างและประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2526 และวันที่ 14 ตุลาคม 2537 จำเลยจ้างโจทก์ทั้งสองเข้าทำงานเป็นลูกจ้าง โจทก์ที่ 1 ทำงานตำแหน่งสุดท้ายเป็นหัวหน้าแผนกสโตร์ ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 36,100 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 30 ของเดือน ส่วนโจทก์ที่ 2 ทำงานตำแหน่งสุดท้ายเป็นพนักงานสโตร์ ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 9,245 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 15 และ 30 ของเดือน ต่อมาเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2549 จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองอ้างว่าโจทก์ทั้งสองร่วมกันกับนายธนา อุณหกะ นำสินค้าไปขายให้บุคคลภายนอก โดยโจทก์ที่ 1 ลงลายมือชื่อรับโซดาไฟอันเป็นเท็จ ทั้งให้โจทก์ที่ 2 ทำรายงานอันเป็นเท็จ ซึ่งโจทก์ทั้งสองไม่ได้กระทำผิดตามที่จำเลยกล่าวอ้าง เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ทำให้โจทก์ทั้งสองเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าจ้างค้างจ่าย และค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ยตามคำขอท้ายฟ้องแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การและแก้ไขคำให้การว่า โจทก์ทั้งสองเป็นลูกจ้างจำเลยมีตำแหน่งและอัตราเงินเดือนสุดท้ายปรากฎตามที่โจทก์ทั้งสองฟ้องจริง เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2549 โจทก์ที่ 1 สั่งซื้อโซดาไฟจากบริษัทไทยอาซาฮีเคมีภัณฑ์ จำกัด ต่อมาในวันรุ่งขึ้น โจทก์ที่ 1 ร่วมกับนายธนา อุณหกะ คนขับรถบรรทุกโซดาไฟพิพาท โดยโจทก์ที่ 1 สั่งให้นายธนานำโซดาไฟพิพาทไปขายให้บุคคลภายนอกบริเวณลานดินริมถนนเลียบทางด่วนวงแหวนทิศใต้ใกล้สามแยกทุ่งครุใน ได้เงินจากการขายจำนวน 20,000 บาท หลังจากนั้นให้นายธนานำรถบรรทุกเปล่าทำทีไปส่งโซดาไฟให้จำเลย แล้วโจทก์ที่ 1 เป็นผู้ลงชื่อรับสินค้าที่ไม่มีการรับจริง ซึ่งบริษัทไทยอาซาฮีเคมีภัณฑ์ จำกัด จะนำใบรับสินค้าดังกล่าวมาเรียกเก็บเงินจากจำเลยในภายหลัง ส่วนโจทก์ที่ 2 เป็นผู้ทำหน้าที่ตรวจรับโซดาไฟพิพาทได้ทำรายงานระดับสารเคมีในถังเก็บอันเป็นเท็จ โดยแก้ไขตัวเลขของระดับสารเคมีจาก 185 เป็นก่อนนายธนาจะเติมสารเคมีลงในถังเก็บอยู่ที่ระดับ 175 และหลังเติมอยู่ที่ระดับ 210 เพื่อแลกกับโจทก์ที่ 1 ไม่ทวงหนี้ที่โจทก์ที่ 2 ค้างจ่าย การกระทำของโจทก์ทั้งสองเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ ปกปิดความจริงอันควรบอกให้แจ้ง จงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหายเป็นเงินค่าโซดาไฟ 73,051.04 บาท และเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม โจทก์ทั้งสองไม่อาจเรียกร้องค่าเสียหาย ค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าชดเชยจากจำเลยได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในศาลแรงงานกลางว่า เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2549 โจทก์ที่ 1 ซึ่งมีหน้าที่ลงลายมือชื่อรับสินค้าในใบส่งสินค้า ร่วมกับนายธนา อุณหกะ ผู้ขับรถบรรทุกของบริษัทบีทรานส์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้รับจ้างขนสินค้าโซดาไฟที่จำเลยสั่งซื้อจากบริษัทไทยอาซาฮีเคมีภัณฑ์ จำกัด ไปส่งให้จำเลยนำโซดาไฟดังกล่าวไปขายเอาเงินมาแบ่งปันกัน แล้วขับรถเปล่าเข้าไปที่ถังเก็บสารเคมีของจำเลย ทำทีเป็นนำโซดาไฟไปถ่ายลงถังเก็บ ใบส่งสินค้าดังกล่าวตามเอกสารหมาย ล.5 มีลายมือชื่อโจทก์ที่ 1 เป็นผู้รับสินค้า กับมีลายมือและลายมือชื่อโจทก์ที่ 2 เป็นผู้เขียนข้อความที่มีความหมายว่าก่อนรับโซดาไฟพิพาทถังบรรจุสารเคมีของจำเลยมีสารเคมีอยู่ในถังเก็บระดับ 175 เซนติเมตร เมื่อเติมโซดาไฟตามใบส่งสินค้าเอกสารหมาย ล.5 แล้วสารเคมีในถังเก็บมีระดับสูงถึง 210 เซนติเมตร ต่อมาวันที่ 14 มิถุนายน 2549 จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองตามหนังสือเลิกจ้างเอกสารหมาย ล.7 และ ล.8
มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองข้อ 2.1 ว่า คำพิพากษาของศาลแรงงานกลางชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ศาลแรงงานกลางพิจารณาพยานหลักฐานของโจทก์ทั้งสองและจำเลยแล้วได้แสดงข้อเท็จจริงโดยสรุปว่าโจทก์ที่ 1 ร่วมกับนายธนานำโซดาไฟไปขายแล้วทำทีนำรถเปล่ามาส่งโซดาไฟให้จำเลย และโจทก์ที่ 2 รายงานตัวเลขระดับสารเคมีในถังบรรจุสารเคมีของจำเลยตามที่ตนกะคำนวณเอาเอง โดยวินิจฉัยถึงการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการที่โจทก์ที่ 1 กระทำผิดอาญาโดยเจตนาต่อจำเลย และโจทก์ที่ 2 ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายร้ายแรง ถือได้ว่าเป็นคำพิพากษาที่กล่าวหรือแสดงข้อเท็จจริงที่ฟังได้โดยสรุปและวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีพร้อมด้วยเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยนั้นตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 51 วรรคหนึ่ง แล้ว คำพิพากษาของศาลแรงงานกลางจึงชอบด้วยกฎหมายอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองข้อ 2.4 ว่า ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าโจทก์ที่ 2 ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้จำเลยเสียหายอย่างร้ายแรงเป็นการวินิจฉัยไม่เป็นไปตามประเด็นแห่งคดี ขัดกับพยานหลักฐานในสำนวน และนอกคำให้การหรือไม่ เห็นว่าแม้ว่าจำเลยไม่ได้ให้การถึงเรื่องการประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้จำเลยเสียหายอย่างร้ายแรงและศาลแรงงานกลางไม่ได้กำหนดประเด็นดังกล่าวไว้ก็จริง แต่จำเลยได้ให้การโดยชัดแจ้งถึงพฤติการณ์ที่โจทก์ที่ 2 จดตัวเลขระดับสารเคมีในถังเก็บของจำเลยทั้งก่อนและหลังที่นายธนานำโซดาไฟพิพาทมาส่งตามใบส่งของอันเป็นเท็จ ซึ่งตรงกับข้อเท็จจริงที่รับฟังเป็นยุติในศาลแรงงานกลาง และศาลแรงงานกลางได้นำเหตุดังกล่าวมาวินิจฉัยไว้แล้ว เป็นการวินิจฉัยไปตามประเด็นที่จำเลยให้การต่อสู้คดีไว้ และไม่ขัดต่อพยานหลักฐานในสำนวน อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.
เรียบเรียงโดย บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด