สปส. กับการช่วยเหลือเหยื่อระเบิด
การประกันสังคม เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ในโลกส่วนใหญ่นำระบบประกันสังคมไปใช้ในการให้หลักประกันชีวิตแก่ประชาชนของตน ตั้งแต่เกิดจนตาย
หลักประกันสังคมมีคุณลักษณะ ดังนี้
1.เป็นระบบของการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขซึ่งกันและกันระหว่างมวลสมาชิก โดยทั่วไปรัฐบาลของทุกประเทศจะให้ความสำคัญแก่บุคคลที่ทำงานมีรายได้และอยู่ในระบบแรงงานก่อน และจะขยายความคุ้มครองไปสู่ผู้ที่ทำงานที่มีรายได้นอกระบบการจ้างงานปกติ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า แรงงานนอกระบบ
2.เงินสมทบที่เก็บไปแล้วนั้นจะสะสมเป็นกองทุนซึ่งจะให้สิทธิประโยชน์เฉพาะกับบุคคลที่ส่งเงินสมทบ ซึ่งประเทศไทยเรียกว่า “ผู้ประกันตน” เท่านั้น
3.การเก็บเงินสมทบ ซึ่งถือว่าเป็นภาษีพิเศษ จะเก็บจากบุคคลที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น
ทั้งนี้ความสำเร็จประการหนึ่งของการประกันสังคม ก็คือ เป้าหมายหลักที่จะทำให้การประกันสังคมสามารถครอบคลุมทุกตัวบุคคลของประชาชนในชาติ (Universal Coverage) ได้ในอนาคต
พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 25332 ผู้ประกันตนจะได้รับความคุ้มครอง 7 กรณีจากกองทุนประกันสังคม ดังต่อไปนี้ 1.กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ซึ่งมีทั้งบริการทางการแพทย์ และเงินทดแทนการขาดรายได้ 2.กรณีทุพพลภาพ 3.กรณีตาย 4.กรณีคลอดบุตร 5.กรณีสงเคราะห์บุตร 6.กรณีชราภาพ และ 7.กรณีว่างงาน
สำหรับเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์-ลานพระพรหม โรงแรมเอราวัณ กรุงเทพฯ เมื่อค่ำวันที่ 17 สิงหาคม เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 100 ราย และเสียชีวิต 20 ราย
สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้ประสบเหตุระเบิด นับตั้งแต่เวลาเกิดเหตุ นางปราณิน มุตตาหารัช เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 4 ลงพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกันตนที่ประสบอันตรายดูแลครอบครัวผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์
สรุปข้อมูลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ – ลานพระพรหม โรงแรมเอราวัณ กรุงเทพฯ พบว่า ในจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 100 รายและเสียชีวิต 20 รายนั้น เป็น ผู้ประกันตน ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 27 ราย และเสียชีวิต จำนวน 5 ราย แยกเป็น
เข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยนอก (OPD) ซึ่งกลับบ้านได้แล้ จำนวน 15 ราย ยังคงเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน (IPD) จำนวน 12 ราย ประกอบด้วย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 4 ราย โรงพยาบาลพญาไท 1 จำนวน 2 ราย โรงพยาบาลเลิดสิน 3 ราย โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 3 ราย
ในกรณีที่ผู้ประกันตนได้รับบาดเจ็บ สำนักงานประกันสังคมได้ประสานกับโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ ให้ดำเนินการดูแลรักษาอย่างเต็มที่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ซึ่งการรักษาอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษาจนกว่าจะสิ้นสุดการรักษา และหากแพทย์ผู้รักษาให้หยุดงานก็จะได้รับเงินค่าทดแทนการขาดรายได้ ร้อยละ 50 ของค่าจ้างที่ได้รับจากนายจ้าง แต่ไม่เกิน 90 วันต่อครั้ง และไม่เกิน 180 วัน จึงขอให้ผู้ประกันตนอย่าได้กังวล และขอให้เชื่อมั่นว่าสำนักงานประกันสังคมจะดูแลท่านอย่างเต็มที่ ตลอดระยะเวลาที่เข้ารับการรักษา
ผู้ประกันตนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว 5 ราย ทายาทผู้มีสิทธิจะได้รับค่าทำศพจากสำนักงานประกันสังคม จำนวน 40,000 บาท พร้อมทั้งเงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต และเงินบำเหน็จชราภาพตามระยะเวลาส่งเงินสมทบ ดังนี้
1.นายสุวรณ สัตย์มั่น เป็นผู้ประกันตนจังหวัดราชบุรี ทายาทผู้มีสิทธิจะได้รับประโยชน์ทดแทนทั้งสิ้น จำนวน 205,271.50 บาท
2.นางสาวปราณี สีสุวะ เป็นผู้ประกันตนจังหวัดบึงกาฬ ทายาทผู้มีสิทธิจะได้รับประโยชน์ทดแทนทั้งสิ้น จำนวน 119,113.21 บาท
3.นางสาวสุดชาดา นิสีดา เป็นผู้ประกันตนจังหวัดเลย ทายาทผู้มีสิทธิจะได้รับประโยชน์ทดแทนทั้งสิ้น จำนวน 192,135.03 บาท
4.นางสาวน้ำอ้อย แสงจัง เป็นผู้ประกันตนกรุงเทพมหานคร ทายาทผู้มีสิทธิจะได้รับประโยชน์ทดแทนทั้งสิ้น จำนวน 89,698 บาท
5.นายยุทธณรงค์ สิงห์รอ เป็นผู้ประกันตนกรุงเทพมหานคร เสียชีวิตเนื่องจากการทำงาน ขณะนี้อยู่ระหว่างการวินิจฉัยเพื่อจ่ายค่าทำศพ จำนวน 30,000 บาท ค่าทดแทนเดือนละ 5,400 บาท จำนวน 96 เดือน เป็นเงิน 518,400 บาท เงินบำเหน็จชราภาพ 49,518 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 597,918 บาท
ขอให้ทายาทผู้เสียชีวิตผู้มีสิทธิยื่นขอรับประโยชน์ทดแทน โดยนำหลักฐานต่าง ๆ คือ 1.แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม ( สปส.2-01) 2.สำเนาใบมรณบัตร และ 3.สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ประเภทออมทรัพย์หน้าแรกซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้จัดการศพ (กรณีรับเงินทางธนาคาร) มายื่นขอรับประโยชน์ทดแทนได้ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ /จังหวัด/สาขาที่ท่านสะดวกทันที หรือสอบถามข้อมูลที่สายด่วนโทร.1506 ให้บริการ 24 ชั่วโมง และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sso.go.th
สำนักงานประกันสังคม ขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว และยืนยันว่า สปส. จะยืนเคียงข้างผู้ประกันตนทุกคน และจะมุ่งมั่นพัฒนาขยายสิทธิประโยชน์และเพิ่มความคุ้มครองให้กับผู้ประกันตนให้เพียงพอต่อความต้องการขั้นพื้นฐานและทัดเทียมมาตรฐานสากล