เล็งจัดเวทีสะท้อนปัญหาขึ้นค่าแรง 29 ก.ค. | เดลินิวส์
„เล็งจัดเวทีสะท้อนปัญหาขึ้นค่าแรง 29 ก.ค. 'วิไลวรรณ'ติงภาครัฐ ไม่มีข้อมูลแท้จริง หลังค้านขึ้นค่าแรงทั่วประเทศ 360 บาท โอดค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวัน แต่ค่าแรงคงที่ แรงงานอยู่ได้เพราะโอที เล็งจัดเวทีสะท้อนปัญหา 29 ก.ค.นี้ วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม 2558 เวลา 18:05 น. เมื่อวันที่ 12 ก.ค. น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการขับเคลื่อนให้มีการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ จาก 300 บาท มาเป็น 360 บาท เท่ากันทั่วประเทศ ว่า ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ได้แสดงความเห็นผ่านสื่อมวลชน และอยากให้คงค่าจ้างขั้นต่ำไว้ที่ 300 บาทไว้ก่อนนั้น ว่า ตนเห็นว่า ที่ผ่านมารัฐไม่เคยมีข้อมูล แม้แต่นายจ้างเองก็ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับค่าแรง และค่าครองชีพของลูกจ้างอย่างเป็นทางการ แต่ทางเครือข่ายได้มีการศึกษาข้อมูลโดยสำรวจในพื้นที่ 12 จังหวัดปริมณฑล เห็นว่าค่าครองชีพมีแต่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าแรงคงที่
“วันนี้ที่อยู่ได้ เพราะแต่ละคนต้องทำงานล่วงเวลา (โอที) กันหนักมาก แต่พอมีการเสนอให้ปรับเพิ่ม อนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด ซึ่งมีสัดส่วนภาครัฐ 5 คน ผู้ประกอบการ 5 คน แรงงาน 5 คน แต่สุดท้ายการตัดสินใจว่าจะขึ้นหรือไม่ขึ้นค่าจ้างก็เป็นผู้ประกอบการ และรัฐ สัดส่วน 10 ต่อ 5 โหวตอย่างไรก็ไม่มีวันได้ขึ้นค่าแรง มีบางจังหวัดได้ปรับเพิ่มเพียง 2 บาท เป็นไปได้อย่างไร แค่ค่าน้ำ 1 ขวด ยังไม่ได้” น.ส.วิไลวรรณ กล่าว และว่า การขับเคลื่อนที่ผ่านมา ก็ทำทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี การให้เครือข่ายไปยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัดที่มีเครือข่ายฯ อยู่ เพื่อให้ข้อมูล และชี้ให้เห็นว่าชีวิตของลูกจ้างลำบากอย่างไร แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง
น.ส.วิไลวรรณ กล่าวอีกว่า จากการหารือของคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย มีมติร่วมกันว่า ในวันที่ 29 ก.ค.นี้ จะจัดให้มีเวที เพื่อเสนอข้อมูล และผลงานวิชาการ รวมถึงเปิดให้มีการพูดคุย และแลกเปลี่ยนปัญหาที่ลูกจ้างประสบอยู่ วันนี้ไม่ว่าจะเป็นแรงงานในระบบ หรือนอกระบบ ทุกคนจำเป็นต้องได้รับการปรับเพิ่มค่าแรง และหลังจากวันนั้นก็จะมาหารือกันอีกครั้งว่า จะขับเคลื่อนให้มีการปรับค่าแรงเพิ่มให้ทัน ม.ค. 2559 ได้อย่างไร ซึ่งตัวเลข 360 บาทนั้น เป็นตัวเลขภาพรวม แต่ก็สามารถหารือกันได้ว่าอัตราที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไหร่.“