ReadyPlanet.com
dot dot
dot
ชมรมบริหารงานบุคคล
dot
bulletสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย
bulletชมรมบริหารงานบุคคล
bulletชมรมบริหารงานบุคคล อยุธยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลรังสิต
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคล อมตะนคร
bulletสมาคมการบริหารงานบุคคล (PAAs)
bulletชมรมบริหารงานบุคคลบางพลี
bulletชมรมนักบริหารงานบุคคลพัทยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลยุคใหม่
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคลจังหวัดราชบุรี
bulletงานบริหารงานบุคคล
bulletชมรมงานบริหารงานบุคคลกรุงเทพฯ
bulletชมรมบริหารงานบุคลสุขสวัสดิ์
dot
ติดต่อราชการศาล
dot
bulletศาลแรงงานกลาง
bulletศาลแรงงานภาค ๒
bulletศาลยุติธรรม
bulletศาลปกครอง
bulletศาลรัฐธรมนูญ
bulletสำนักงานอัยการสูงสุด
bulletกระทรวงยุติธรรม
bulletคณะกรรมการกฤษฎีกา
bulletกรมบังคับคดี
bulletสภาทนายความ
dot
หน่วยงานราชการสำคัญ
dot
bulletกระทรวงแรงงาน
bulletกรมการจัดหางาน
bulletกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
bulletกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
bulletสำนักงานประกันสังคม
bulletกรมสรรพากร
bulletกรมบัญชีกลาง
bulletกรมพัฒนาธุรกิจกาค้า
bulletกระทรวงอุตสาหกรรม
bulletกรมโรงงานอุตสาหกรรม
bulletกรมส่งเสริมอุตสาหรม
bulletการนิคมอุตสาหกรรม
dot
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน
dot
bulletสมบัติลีกัล
bulletเอกเซลสำหรับงาน HR โดย อ.สำเริง
bulletบทความดี ๆ จากโกป้อม
dot
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
dot
dot
Newsletter

dot


พยากรณ์อากาศวันนี้
..................................


ราคาน้ำมันวันนี้
..................................



เงินทดแทนกรณีว่างงาน ( ส่งเงินสมทบเดือนที่ 6 ครึ่งเดือน ด้วยเหตุถูกเลิกจ้าง อัตราเงินสมทบที่หักเดือนสุดท้ายไม่น้อยกว่าอัตราขั้นต่ำที่ต้องนำส่ง ถือว่าได้ส่งเงินสมทบครบ 6 เดือนแล้ว มีสิทธิ์ได้เงินทดแทนกรณีว่างงาน ) article

คำพิพากษาฎีกาที่ 1518/57

 เงินทดแทนกรณีว่างงาน ( ส่งเงินสมทบเดือนที่ 6 ครึ่งเดือน ด้วยเหตุถูกเลิกจ้าง อัตราเงินสมทบที่หักเดือนสุดท้ายไม่น้อยกว่าอัตราขั้นต่ำที่ต้องนำส่ง ถือว่าได้ส่งเงินสมทบครบ 6 เดือนแล้ว มีสิทธิ์ได้เงินทดแทนกรณีว่างงาน ) 

โจทก์ฟ้อง  โจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทยูนิเอเพ็คซ์  พรีซิชั่น  (ไทยแลนด์)  จำกัด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2549  ระหว่างทำงานนายจ้างหักเงินค่าจ้างโจทก์ส่งเป็นเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมให้จำเลยตามกฎหมายมาโดยตลอด   ต่อมานายจ้างเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่  30  มิถุนายน 2549  โจทก์จึงรายงานตัวเป็นผู้ว่างงานต่อสำนักงานงานประกันสังคมพื้นที่  6  ได้ขึ้นทะเบียนโจทก์ให้มีมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน แต่เมื่อโจทก์ยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานต่อสำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี   สาขาศรีราชา  กลับถูกปฎิเสธการจ่ายเงินประโยชน์ทดแทนโดยอ้างว่าโจทก์ส่งเงินสมทบไม่ครบ 6 เดือน  ตามคำสั่งสำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี  สาขาศรีราชา  ที่  ชบ 0025.2/1891 ลงวันที่ 21 กันยายน 2549  โจทก์ยื่นอุทธรณ์คำสั่งสำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี  สาขาศรีราชา คณะกรรมการอุทธรณ์จำเลยพิจารณาแล้วยกอุทธรณ์โจทก์ โดยให้เหตุผลว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเพราะภายในระยะเวลาสิบห้าเดือนก่อนว่างงาน  โจทก์จ่ายเงินสมทบน้อยกว่า 6 เดือน  ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์  ที่  601/2550  ลงวันที่  30  มีนาคม  2550  โจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์จำเลย เพราะโจทก์ถูกนายจ้างหักเงินค่าจ้างนำส่งเป็นเงินสมทบให้กับจำเลยเป็นระยะเวลา  6  เดือน  โจทก์จึงเป็นผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจากจำเลย ขอให้เพิกถอนคำสั่งสำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี  สาขาศรีราชา  และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์จำเลยดังกล่าว  และให้จำเลยจ่ายเงินประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานตามกฎหมายแก่โจทก์

 
   

จำเลยให้การว่า โจทก์เข้าทำงานกับบริษัทยูนิเอเพ็คซ์  พรีซิชั่น  (ไทยแลนด์) จำกัด ระหว่างวันที่  7  กุมภาพันธ์ – 30 มิถุนายน  2549  นายจ้างจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์ทุกวันที่  20  ของเดือน และหักค่าจ้างของโจทก์เพื่อส่งเป็นเงินสมทบในวันที่มีการจ่ายค่าจ้างแต่เนื่องจากโจทก์สิ้นสภาพการเป็นลูก จ้างในวันที่  30 มิถุนายน 2549 กรณี จึงไม่อาจนำเงินสมทบที่หักจากค่าจ้างระหว่างวันที่ 21 – 30 มิถุนายน 2549 มาคำนวณนับเป็นระยะเวลาการส่งเงินสมทบเพื่อรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานได้ จึงเท่ากับว่าโจทก์ส่งเงินสมทบมาเพียง  5  เดือน  เมื่อภายในระยะเวลาสิบห้าเดือนก่อนการว่างงาน โจทก์จ่ายเงินสมทบน้อยกว่า 6  เดือน  โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานคำสั่งนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี  สาขาศรีราชา  และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์จำเลยจึงชอบด้วยกฎหมายและไม่มีเหตุที่โจทก์จะขอให้เพิกถอนคำสั่งได้ ขอให้ยกฟ้อง

  

ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว  พิพากษายกฟ้อง

 

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

 

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว   ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงว่า  เมื่อวันที่  1  กุมภาพันธ์  2549  โจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้าง บริษัท ฯ  และเป็นผู้ประกันตนตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 ในระหว่างทำงานนายจ้างหักเงินค่าจ้างของโจทก์ส่งให้กับสำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี  สาขาศรีราชา  มาโดยตลอด ต่อมา วันที่  30  มิถุนายน  2549  นายจ้างเลิกจ้างโจทก์ โจทก์จึงยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานต่อสำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี สาขาศรีราชา  เมื่อวันที่  3 กรกฎาคม  2549  แต่ถูกปฏิเสธการจ่ายเงินประโยชน์ทดแทนตามคำสั่งสำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี สาขาศรีราชา  ที่  ชบ 0025.2/1891  ลงวันที่  21  กันยายน  2549  เอกสารหมาย ล.1 โจทก์ยื่นอุทธรณ์คำสั่งสำนักงานประกันสังคมจังหวัด คณะกรรมการอุทธรณ์จำเลยพิจารณาแล้วยกอุทธรณ์โจทก์  โดยให้เหตุผลว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเพราะภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนว่างงาน โจทก์จ่ายเงินสมทบน้อยกว่า 6  เดือน ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์  ที่  601/2550 ลงวันที่  30  มีนาคม 2550  เอกสารหมาย  ล.5  แล้ววินิจฉัยว่า แม้พระราชบัญญัติประกันสังคม  พ.ศ. 2533 เป็นกฎหมายที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีเจตนารมณ์เพื่อสร้างหลักประกันและช่วยเหลือแบ่งเบาภาระให้กับผู้ประกันตน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างในสถานประกอบการที่อาจได้รับความเดือดร้อนหรือประสบเคราะห์กรรมจากเหตุการณ์ในกรณีต่างๆ  อันได้แก่การประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย  การคลอดบุตร  ทุพพลภาพ  การตาย  กรณีสงเคราะห์บุตร  การชราภาพ  และการว่างงาน  ซึ่งทำให้ผู้ประกันตนและครอบครัวมีรายได้ลดลง  หรือมีภาระรายจ่ายเพิ่มขึ้น  หรือไม่มีความสามารถในการหารายได้  แต่เงินที่นำมาใช้จัดสรรช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกันตนจากเหตุการณ์ดังกล่าวล้วนเป็นเงินจากกองทุนประกันสังคมซึ่งมีมาจากการจัดเก็บจากนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐ ที่ต้องร่วมกันจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนเงิน กองทุนจึงจำต้องนำมาใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ต่อผู้ประกันตนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างทั่วถึง และโดยที่เงินกองทุนมีจำนวนจำกัด   จำเลยจึงจำต้องบริหารจัดการกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาเสถียรภาพของกองทุน  ดังนั้น  การที่จะพิจารณาจ่ายประโยชน์ทดแทนให้ผู้ประกันตนในกรณีต่างๆ  ได้ จึงต้องมีหลักเกณฑ์ที่เหมาะสม การที่พระราชบัญญัติประกันสังคม  พ.ศ.2533  มาตรา  78  กำหนดหลักเกณฑ์ที่ผู้ประกันตนจะสามารถใช้สิทธิขอรับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานได้ว่าจะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า  6 เดือน  ภายในระยะเวลา  15 เดือน   ก่อนการว่างงาน  จึงเป็นหลักเกณฑ์ที่กำหนดเงื่อนไขระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบเพื่อก่อให้เกิดสิทธิ ซึ่งหลักเกณฑ์ในเรื่องดังกล่าวถูกกำหนดขึ้นจากการคำนวณด้วยวิธีการทางสถิติและบัญชีภายใต้แนวคิดของการรักษาเสถียรภาพและการบริหารจัดการ กองทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นการพิจารณาว่าผู้ประกันตนได้จ่ายเงินสมทบครบ  6  เดือน  ภายในระยะเวลา  15  เดือน  ก่อนการว่างงานอันก่อให้เกิดสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานหรือไม่นั้น  จึงจำต้องนับระยะเวลาโดยเคร่งครัด  กล่าวคือ ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบครบ  6 เดือน ภายในระยะเวลา 15  เดือน  ก่อนการว่างงานอย่างแท้จริง ประกอบกับพระราชบัญญัติประกันสังคม  แก้ไขเพิ่มเติม  (ฉบับที่ 2 )  พ.ศ. 2537  มาตรา  6  วรรคสาม  ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องการนับระยะเวลาการส่งเงินสมทบไว้โดยกำหนดว่าเงินสมทบที่หักจากค่าจ้างในเดือนใด  ให้ถือว่าเป็นเงินสมทบของเดือนนั้น  และไม่ว่าเงินสมทบนั้นจะได้หักไว้หรือนำส่งเดือนละกี่ครั้ง  ให้ถือว่าที่มีระยะเวลาในการจ่ายเงินสมทบเท่ากับ 1 เดือน ดังนั้นเงินสมทบที่หักจากค่าจ้างโจทก์ในวันที่  21 – 30  มิถุนายน  2549  จึงถือว่าเป็นเงินสมทบของเดือนมิถุนายน  2549 การที่โจทก์ถูกนายจ้างหักเงินค่าจ้างส่งเป็นเงินสมทบให้กับจำเลยมาระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ – มิถุนายน 2549  จึงเป็นการส่งเงินสมทบมาเพียง 5 เดือน  แม้ในเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน  2549 โจทก์ถูกนายจ้างหักค่าจ้างส่งเงินสมทบให้กับจำเลย  2 งวด  คือวันที่  21  พฤษภาคม  –  20  มิถุนายน  2549  และวันที่  21  –  30  มิถุนายน  2549  อันทำเป็นได้ว่าโจทก์ได้ส่งเงินสมทบให้จำเลยมาแล้ว  6  งวด  แต่ในงวดระหว่างวันที่  21 – 30  มิถุนายน  2549  นายจ้างหักเงินสมทบจากค่าจ้างส่งให้กับจำเลยเพียง  417  บาท  ในขณะที่หักเงินค่าจ้างในเดือนที่  1 - 5  เดือนละ  750  บาท  ดังนั้น เงินค่าจ้างที่หักในงวดที่  6  นายจ้างยังไม่ได้หักเงินค่าจ้างของโจทก์เต็มเดือน กรณียังถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้จ่ายเงินสมทบในเดือนที่ 6 ครบถ้วนแล้ว  ลำพังการส่งเงินสมทบให้จำเลยมาแล้ว  6  งวด  ไม่อาจจะแปลขยายความเป็นประโยชน์แก่โจทก์ได้ว่าส่งเงินสมทบมาครบ  6  เดือน  ด้วยคดียังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ส่งเงินสมทบไม่น้อยกว่า  6  เดือน  30 งวด ม และมิถุนายน 2549 ภายในระยะเวลา  15  เดือน  ก่อนว่างงาน โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม  มาตรา  78  คำสั่งสำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี  ลงวันที่  21  กันยายน  2549  เอกสารหมาย  ล.1  และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ที่  601/2550  ลงวันที่  30  มีนาคม  2550 เอกสารหมาย ล.5  จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว  กรณีไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนคำสั่ง

   

อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า  นายจ้างโจทก์หักเงินค่าจ้างโจทก์กับสำนักงานประกันสังคมครบ 6  งวด  6  เดือน แล้ว  โจทก์จึงมีสิทธิได้รับผลประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานนั้น  เห็นว่า  พระราชบัญญัติประกันสังคม  มาตรา  78  บัญญัติหลักเกณฑ์ว่าผู้ประกันตนจะสามารถใช้สิทธิขอรับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานได้จะต้องจ่ายเงินสมทบแล้วไม่น้อยกว่า  6  เดือน  ภายในระยะเวลา  15  เดือนก่อนว่างงาน  และตามมาตรา  47  วรรคแรก  กำหนดให้นายจ้างหักค่าจ้างของผู้ประกันตน นำส่งเป็นเงินสมทบ  ซึ่งตามกฎกระทรวง   ฉบับที่  7  (พ.ศ.  2538)  ข้อ  1  บัญญัติว่า   ค่าจ้างที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบของผู้ประกันตนตามมาตรา  33  แต่ละคนให้กำหนดเป็นจำนวนไม่ตำกว่าเดือนละ 1,650  บาท และไม่เกินเดือนละ 15,000  บาท  ดังนั้น  การที่ลูกจ้างจะเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา  33  นอกจากต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า  15  ปีบริบูรณ์และไม่เกิน  60  ปีบริบูรณ์แล้ว   ลูกจ้างผู้นั้นจะต้องได้รับค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,650 บาท  ตามกฎหมายฉบับที่  7 (พ.ศ.2538)  ด้วย ดังนั้น การที่โจทก์ถูกนายจ้างหักเงินสมทบเข้ากองทุนรวม  6  งวด  คือ งวดแรกวันที่  2 – 20  กุมภาพันธ์  2549  งวดที่  2  วันที่  21   กุมภาพันธ์  –  20  มีนาคม  2549  งวดที่  3 วันที่  21  มีนาคม  –  20  เมษายน  2549   งวดที่  4  วันที่ 21  เมษายน  –  20  พฤษภาคม  2549  งวดที่  5  วันที่  20  พฤษภาคม  – 20  มิถุนายน  2549  และงวดที่  6  วันที่  21  มิถุนายน – 30  มิถุนายน  2549  โดยใน 5  งวดแรก  นายจ้างหักเงินสมทบจากค่าจ้างโจทก์เดือนละ  750  บาท  ส่วนงวดที่  6  โจทก์ทำงาน กับนายจ้างระหว่างวันที่  21  –  30  มิถุนายน  2549  เมื่อโจทก์ได้รับค่าจ้างเดือนละ  25,000  บาท  ค่าจ้างระหว่างวันที่  21  –  30 มิถุนายน  2549  รวม  10  วัน  จึงเท่ากับ  8,333  บาท นายจ้างจึงหักเงินสมทบจากค่าจ้างโจทก์ไป  417 บาท  และได้นำส่งเงินสมทบให้กับกองทุนจำเลยแล้ว   เมื่อค่าจ้างโจทก์ในงวดที่  6  มีจำนวน  8,333  บาท  สูงกว่าเดือนละ 1,650 บาท  อันเป็นฐานต่ำสุดในการคำนวณเงินสมทบตามกฎหมายกระทรวงฉบับที่  7  เงินในงวดที่  6  จำนวนค่าจ้างอยู่ในฐานที่ใช้ในการคำนวณเงินสมทบ  จึงถือว่าโจทก์ส่งเงินสมทบให้จำเลยครบ  6  งวด  แล้ว   แม้ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม  มาตรา  6  วรรคท้าย  จะกำหนดหลักเกณฑ์ในการนับระยะเวลาการส่งเงินสมทบของผู้ประกันตน   โดยให้ถือว่าเป็นเงินสมทบที่หักจากค่าจ้างที่จ่ายให้เดือนใดเป็นการจ่ายเงินสมทบของเดือนนั้น ไม่ว่าเงินสมทบนั้นจะได้หักไว้หรือนำส่งเดือนละกี่ครั้งก็ตาม แต่บทบัญญัติดังกล่าวก็เป็นเพียงข้อสันนิฐานในกรณีที่ลูกจ้างได้รับค่าจ้างเดือนละหลายครั้ง เช่น  ค่าจ้างรายวัน  ค่าจ้างรายสัปดาห์  เป็นต้น เท่านั้น  ซึ่งสำหรับการคำนวณค่าจ้างเพื่อการออกเงินสมทบเป็นรายเดือนตามพระราชบัญญัติประกันสังคม  มาตรา  6  วรรคแรก  ได้กำหนดหลักเกณฑ์ว่าให้ถือเอาค่าจ้างที่คิดเป็นรายเดือนเป็นเกณฑ์คำนวณ  ดังนั้นการที่นายจ้างโจทก์มีการจ่ายค่าจ้างทุกวันที่  20  ของเดือน  จึงต้องถือเอารอบค่าจ้างที่จ่ายในวันที่ 20  ของเดือนใดเป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบในเดือนนั้น เมื่องวดที่  5  นายจ้างได้หักเงินสมทบจากค่าจ้างวันที่  20  พฤษภาคม  –  20  มิถุนายน  2549   ส่งจำเลยแล้วจึงถือว่าจำเลยได้รับเงินสมทบรายเดือนของเดือนมิถุนายน แล้ว  สำหรับเงินสมทบที่คำนวณจากค่าจ้างระหว่าง วันที่ 21 – 30 มิถุนายน 2549  ย่อมเป็นเงินสมทบสำหรับค่าจ้างเดือนกรกฎาคม  2549  มิใช่ของเดือนมิถุนายน  2549 เนื่องจากหากถือว่าเงินสมทบระหว่างวันที่  21 - 30  มิถุนายน  2549   เป็นเงินสมทบของเดือนมิถุนายน  2549 แล้วจะทำให้โจทก์ถูกหักเงินสมทบเกินกว่าร้อยละ 5  เงินเดือนโจทก์เดือนละ  25,000  บาท  เมื่อโจทก์จ่ายเงินสมทบ  6 งวด  ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์  –  กรกฎาคม 2549  แล้ว  ซึ่งตามเอกสารการนำส่งเงินสมทบตามเอกสารหมาย ล.1  และตามคำวินิจฉัย   ที่  601/2550   ของคณะกรรมการอุทธรณ์เอกสารหมาย  จ.5   ก็ได้   ระบุว่าการหักเงินในรอบระหว่างวันที่  21  –  30  มิถุนายน  2549  จึงเป็นเงินสมทบที่หักในงวดที่  6  ของเดือนกรกฎาคม 2549  ซึ่งไม่ขัดกับพระราชบัญญัติประกันสังคม  มาตรา  6  วรรคท้าย จึงถือว่าโจทก์จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า  6  เดือน ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม  มาตรา  78  โจทก์จึงมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนการว่างงานตามพระราชบัญญัติประกันสังคมมาตรา  79  เมื่อโจทก์ว่างงานเพราะเหตุถูกเลิกจ้างจึงมีสิทธิได้รับเงินทดแทนร้อยละ  50  ของค่าจ้างรายวันไม่เกิน 180  วัน  ตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน  พ.ศ. 2547  ข้อ  1  (1) อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น

   

พิพากษากลับ  ให้เพิกถอนคำสั่งสำนักประกันสังคมจังหวัดชลบุรี  สาขาศรีราชา ที่ 0025.6/1891  ลงวันที่  21  กันยายน  2549  และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์จำเลยที่  601/2550 ลงวันที่  30  มีนาคม 2550  และให้จำเลยจ่ายเงินทดแทนกรณีว่างงานแก่โจทก์

 

 

 

เรียบเรียงโดย บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด




อัพเดท ฎีกาน่าสนใจ

ขึ้นทะเบียนรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเกิน ๓๐ วัน ยังมีสิทธิได้รับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานได้ article
ลักษณะความผิดเดียวกัน แต่ระดับความร้ายแรงแตกต่างกัน นายจ้างพิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ผู้จัดการสาขา เสนอรายชื่อลูกค้าที่ขาดคุณสมบัติทำประกันชีวิต ถือว่าจงใจทำให้นายจ้างเสียหาย / ผิดร้ายแรง article
หยุดกิจการชั่วคราวตาม มาตรา ๗๕ article
สัญญาจ้างเป็นสัญญาต่างตอบแทน นายจ้างออกค่าใช้จ่ายในการเข้าทดสอบเพื่อรับเกียรติบัตร เมื่อทดสอบผ่านต้องทำงานกับนายจ้าง ๕ ปี บังคับใช้ได้ article
ศาลแรงงานกลางมีอำนาจสั่งรับพยานเอกสารได้ แม้ไม่ได้ส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายก็ตาม article
ประกอบธุรกิจแข่งขัน / ไปทำงานกับนายจ้างอื่น ในลักษณะผิดต่อสัญญาจ้าง เมื่อลูกจ้างได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้างตามสัญญาแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะบังคับ / ห้ามทำงานตามเงื่อนไขในสัญญาจ้างอีกต่อไป article
คดีแรงงานเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้คดีอาญายกฟ้อง แต่พฤติกรรมการกระทำผิด เป็นเหตุให้นายจ้างไม่อาจไว้วางใจในการทำงานได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
เลิกจ้างเนื่องจากปรับโครงสร้างองค์กร แต่กำหนดรายชื่อไว้ล่วงหน้า ถือเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม article
การหักลบกลบหนี้ หนี้อันเกิดจากสัญญาจ้าง กรณีลูกจ้างกระทำผิดกับสิทธิประโยชน์ที่มีสิทธิได้รับตามสัญญาจ้าง ถือเป็นมูลหนี้อันเป็นวัตถุอย่างเดียวกันหักลบกลบหนี้กันได้ article
เล่นการพนันฉลากกินรวบ เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กรณีร้ายแรง article
กรณีไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจแข่งขันหรือไม่ถือว่าทำงานกับนายจ้างใหม่ในลักษณะธุรกิจเดียวกับนายจ้าง article
สัญญาฝึกอบรม นายจ้างกำหนดเบี้ยปรับได้ เป็นสัญญาที่เป็นธรรม article
ค้ำประกันการทำงาน หลักประกันการทำงาน การหักลบกลบหนี้ค่าเสียหายจากการทำงาน article
ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์แต่ตนเอง เรียกรับเงินจากลูกค้า ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ article
ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา มาทำงานสายประจำ ถือว่า กระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สหภาพแรงงานทำบันทักข้อตกลงเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างกับนายจ้าง อันส่งผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ของสมาชิก ขัดกับข้อตกลงเดิมและมิได้ขอมติที่ประชุมใหญ่ ข้อตกลงดังกล่าวไม่อาจใช้บังคับได้ article
ขอเกษียณอายุก่อนกำหนดตามประกาศ ถือเป็นการสมัครใจเลิกสัญญาจ้างแรงงานต่อกัน มิใช่การเลิกจ้างหรือการเกษียณอายุ จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยตามระเบียบกรณีเกษียณอายุ article
สถาบันวิจัยอันเป็นส่วนหนึ่งของกิจการมหาวิทยาลัยถือเป็นหน่วยงานของรัฐ ได้รับยกเว้น ไม่อยู่ภายใต้บังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา ๔ (๑) article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จากการเลิกจ้างมีอายุความฟ้องร้องได้ภายใน ๑๐ ปี article
ทะเลาะวิวาทเรื่องส่วนตัวไม่ส่งผลกระทบต่อการบังคับบัญชา ไม่เป็นความผิด กรณีร้ายแรง ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ article
พี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกัน มิใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ และเงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต ตามพระราชบัญญัติ ประกันสังคม มาตรา ๗๓ และมาตรา ๗๗ article
ขับรถเร็วเกินกว่าข้อบังคับกำหนด เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนคำสั่งโยกย้าย เลิกจ้างได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ประกาศใช้ระเบียบใหม่ ไม่ปรากฏว่ามีพนักงานโต้แย้งคัดค้าน ถือว่าทุกคนยินยอมปฏิบัติตามระเบียบ article
เงินค่าตอบแทนพิเศษกับเงินโบนัส มีเงื่อนไขต่างกัน หลักเกณฑ์การจ่ายต่างกัน จึงต้องพิจารณาต่างกัน article
ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินกองทุนเงินทดแทน article
ค่ารถแทนรถยนต์ประจำตำแหน่ง ไม่ถือเป็นค่าจ้าง และ ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมให้ถือตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่กำหนดไว้ article
เจรจาให้ลาออก ลูกจ้างไม่ตกลง ขอเวลาตัดสินใจและหยุดงานไป นายจ้างแจ้งให้กลับเข้าทำงานตามปกติ ถือว่านายจ้างยังไม่มีเจตนาเลิกจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ แอบนอนหลับในเวลาทำงาน ถือเป็นเหตุในการเลิกจ้างได้ เลิกจ้างเป็นธรรม article
ลาออกโดยไม่สุจริต ไม่มีผลใช้บังคับ article
ทำความผิดคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน พิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ประกอบธุรกิจ บริการ ด่าลูกค้าด้วยถ้อยคำหยาบคาย " ควาย " ถือเป็นการกระทำความผิดกรณีร้ายแรง article
ข้อบังคับ ระบุให้ผู้บังคับบัญชาเหนือกว่ามีอำนาจแก้ไข เพิ่มโทษ หรือลดโทษได้ การยกเลิกคำสั่งลงโทษเดิมและให้ลงโทษใหม่หนักกว่าเดิมจึงสามารถทำได้ article
เลือกปฏิบัติในการลงโทษระเบียบการห้ามใส่ตุ้มหูมาทำงาน บังคับใช้ได้ แต่เลือกปฏิบัติในการลงโทษไม่ได้ article
ลงโทษพักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างและเตือนในคราวเดียวกันได้ ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน article
จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย article
ข้อตกลงรับเงินและยินยอมปลดหนี้ให้แก่กัน ถือเป็นการตกลงระงับข้อพิพาทแม้จะทำขึ้นก่อนคำสั่งเลิกจ้างมีผลใช้บังคับ article
ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่คู่ความอ้างส่งศาลได้ แม้มิได้ระบุบัญชีพยานไว้ก็ตาม article
สัญญาจ้างห้ามลูกจ้างไปทำงานกับนายจ้างใหม่ที่ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกันมีกำหนดเวลา บังคับใช้ได้ article
เลิกจ้างและรับเงินค่าชดเชย ใบรับเงิน ระบุขอสละสิทธิ์เรียกร้องเงินอื่นใดใช้บังคับได้ ลูกจ้างไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องสินจ้างและค่าเสียหายได้อีก article
เกษียณอายุ 60 ปี ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยนับแต่วันครบกำหนดเกษียณอายุ แม้นายจ้างไม่ได้บอกเลิกจ้างก็ตาม article
ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและเพิกเฉยไม่ดูแลผลประโยชน์ของนายจ้าง เป็นเหตุให้นายจ้างไม่ไว้วางใจในการทำงานได้เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ละเลยต่อหน้าที่ ไม่รายงานเคพีไอ นายจ้างตักเตือนแล้ว ถือว่าผิดซ้ำคำเตือน เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ทำสัญญาจ้างต่างด้าวทำงานในอาชีพต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว สัญญาจ้างถือเป็นโมฆะ article
ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง article
ศาลมีคำสั่งให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาตามหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน ในขณะที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ยุติ ต้องสืบพยานใหม่และพิพากษาใหม่ไปตามรูปคดี article
แม้สัญญาจ้างไม่ได้ระบุระยะเวลาทดลองงานไว้ แต่นายจ้างก็สามารถประเมินผลการทำงานของลูกจ้างได้ article
การควบรวมกิจการ สิทธิและหน้าที่โอนไปเป็นของบริษัทใหม่ การจ่ายเงินสมทบบริษัทใหม่ที่ควบรวมจึงมีสิทธิจ่ายเงินสมทบในอัตราเดิมตามสิทธิ มิใช่ในอัตราบริษัทตั้งใหม่ article
เลิกจ้างรับเงินค่าชดเชยแล้วตกลงสละสิทธิ์จะไม่เรียกร้องผละประโยชน์ใดๆ ถือว่าสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเป็นอันระงับไป article
รับเหมาก่อสร้าง ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบ จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแทนผู้รับเหมาช่วง หากผู้รับเหมาช่วงไม่นำส่งเงินสมทบตามกฎหมายโดยคำนวณจากอัตราค่าจ้างที่ระบุตามแบบ ( ภ.ง.ด. 50 ) และบัญชีงบดุล article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานระบุห้ามทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายร่างกาย ผู้บังคับบัญชา เพื่อนพนักงาน ทั้งในสถานที่ทำงาน หรือสถานที่อื่นๆ ฝ่าฝืนถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง ใช้บังคับได้ไม่ขัดต่อกฎหมาย article
ไส้ติ่งอักเสบ แพทย์วินิจฉัยให้ผ่าตัด ถือเป็นกรณีฉุกเฉิน เบิกค่ารักษาได้ มีสิทธิรับเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ได้ article
ค่าเช่าที่พัก ค่าใช้จ่ายเดินทางเป็นสวัสดิการไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่ารถยนต์ซึ่งกำหนดเป็นสวัสดิการไว้ชัดเจนแยกจากฐานเงินเดือนปกติ ถือเป็นสวัสดิการไม่ใช่ค่าจ้าง article
ละเมิดข้อตกลงสภาพการจ้าง ละเมิดสัญญาจ้าง มีอายุความ 10 ปี มิใช่ 1 ปี article
พฤติกรรมการจ้างที่ถือว่าเป็นการจ้างแรงงาน ถือเป็นลูกจ้าง / นายจ้างตามกฎหมาย article
พนักงานขายรถยนต์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ประจำบูธ ตามที่ได้รับมอบหมาย ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
เลือกตั้งคณะกรรมการสหภาพฯ ขัดต่อข้อบังคับสหภาพหรือขัดต่อกฎหมาย ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบ article
ฝ่าฝืนสัญญาจ้าง กรณีห้ามทำการแข่งขันกับนายจ้างหรือทำธุรกิจคล้ายคลึงกับนายจ้างเป็นเวลา 2 ปี นับจากสิ้นสุดสัญญาต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้าง article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระบุให้นายจ้างเลิกจ้างเพราะเหตุคนล้นงาน ปรับลด ขนาดองค์กรได้ ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเลิกจ้างลูกจ้างได้ article
ข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีตัดสิทธิ์รับเงินสมทบพร้อมผลประโยชน์หากกระทำผิดถูกปลดออกจากงานบังคับใช้ได้ article
ทะเลาะวิวาทกัน นอกเวลางาน นอกบริเวณบริษัทฯ ไม่ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนไม่ไปตรวจสารเสพติดซ้ำตามคำสั่งและนโยบาย ถือว่าฝ่าฝืน ข้อบังคับ หรือ ระเบียบ กรณีร้ายแรง article
วันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วน article
เป็นลูกจ้างที่มีอำนาจกระทำการแทนนายจ้างในการจ้างงาน ไม่มีสิทธิได้รับค่าทำงานในวันหยุด และลักทรัพย์เอาต้นไม้ของนายจ้างไป ถือว่ากระทำผิดอาญาแก่นายจ้าง เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ผลการทำงานดีมาโดยตลอดและไม่เคยกระทำผิดมาก่อน แต่ปีสุดท้ายผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่ถือเป็นเหตุที่จะอ้างในการเลิกจ้าง article
ได้รับบาดเจ็บรายการเดียว เข้ารักษา 2 ครั้ง ถือว่าเป็นการรักษารายการเดียว นายจ้างสำรองจ่ายเพิ่มเติมไม่เกิน 50,000 บาท ไม่ใช่ 200,000 บาท article
ผู้บริหารบริษัท ฯ ถือเป็นลูกจ้างหรือไม่ ดูจาก_________ ? article
ขับรถออกนอกเส้นทาง แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรงและก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้าง นายจ้างหักเงินประกันการทำงานได้ article
ค่าจ้างระหว่างพักงาน เมื่อข้อเท็จจริง ลูกจ้างกระทำความผิดจริง จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างระหว่างพักงาน article
“ นายจ้าง ” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 5 article
สัญญารักษาความลับ ข้อมูลทางการค้า (ห้ามประกอบหรือรับปฏิบัติงานแข่งขันนายจ้าง) มีกำหนด 2 ปี บังคับใช้ได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย และการกำหนดค่าเสียหาย ถือเป็นเบี้ยปรับตามกฎหมาย ศาลปรับลดได้ตามสมควร article
เงินรางวัลการขายประจำเดือน จ่ายตามเป้าหมายการขาย ที่กำหนดไว้ ไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่าโทรศัพท์ เหมาจ่าย ถือเป็นค่าจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ 3 วันทำการ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เลิกจ้างเป็นธรรมไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ลาออกมีผลใช้บังคับแล้ว ออกหนังสือเลิกจ้างภายหลังใช้บังคับไม่ได้ article
ตกลงรับเงิน ไม่ติดใจฟ้องร้องอีกถือเป็นการตกลงประนีประนอมกันบังคับได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย
เลิกจ้างระหว่างทดลองงาน ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ข้อตกลงว่า “หากเกิดข้อพิพาทตามสัญญาจ้างแรงงาน ให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย” ไม่เกี่ยวกับสิทธิตามกฎหมายแรงงาน เมื่อเกิดสิทธิตามกฎหมาย ฟ้องศาลแรงงานได้ โดยไม่ต้องให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย article
เลิกจ้างด้วยเหตุอื่น อันมิใช่ความผิดเดิมที่เคยตักเตือน ไม่ใช่เหตุที่จะไม่จ่ายค่าชดเชย เลิกจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย article
นำรถยนต์ไปใช้ในกิจธุระส่วนตัว มีพฤติกรรมคดโกง ไม่ซื่อตรง พฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ไม่น่าไว้วางใจ ลงโทษปลดออกจากการทำงานได้ article
การกระทำที่กระทบต่อเกียรติ ชื่อเสียงของนายจ้าง และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แม้กระทำนอกสถานที่ทำงานและนอกเวลางาน ก็ถือว่า ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรง article
สัญญาค้ำประกันการทำงานไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ต้องรับผิดชอบตลอดไป article
ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเลิกจ้างได้ ถือว่าเลิกจ้างเป็นธรรมและความผิดที่ลงโทษแล้วจะนำมาลงโทษอีกไม่ได้ article
ผิดสัญญาจ้างไปทำงานกับคู่แข่ง นายจ้างฟ้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาได้ แต่ค่าเสียหาย เป็นดุลพินิจของศาลจะกำหนด article
จงใจกระทำผิดโดยผิดกฎหมายเป็นเหตุให้นายจ้างเสียหาย ถือว่า กระทำละเมิดต่อนายจ้าง ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น article
ตกลงสละสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย ภายหลังเลิกจ้าง ใช้บังคับได้ ไม่เป็นโมฆะ article
ก้าวร้าวไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ามิใช่ค่าจ้าง คิดดอกเบี้ยในอัตรา 7. 5 ต่อปี article
ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของนายจ้างในเรื่องส่วนตัวเป็นประจำ ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่กาปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต เลิกจ้างเป็นธรรม article
สั่งให้พนักงานขับรถ ขับรถออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้มีส่วนในการขับรถ ถือว่าผิดต่อสัญญาจ้าง แต่ไม่ต้องรับผิดอันมีผลโดยตรงจากมูลละเมิด ( ขับรถโดยประมาท ) article
จ่ายของสมนาคุณให้ลูกค้า โดยไม่ตรวจสอบบิลให้ถูกต้อง มิใช่ความผิดกรณีร้ายแรงไม่ใช่การทุจริตต่อหน้าที่ แต่ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เสร็จลุล่วงไปโดยถูกต้อง และสุจริต เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ฟ้องประเด็นละเมิด กระทำผิดสัญญาจ้าง ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง มีอายุความ 10 ปี article
ตกลงยินยอมให้หักค่าจ้างชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ นายจ้างสามารถหักค่าจ้างได้ตามหนังสือยินยอมโดยไม่ต้องฟ้อง article
กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างและประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง article
“ งานโครงการตามมาตรา 118 วรรค 4 ” บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ว่าจ้างลูกจ้างทำงานตามโครงการที่รับเหมา ถือว่าจ้างงานในปกติธุรกิจของนายจ้าง มิใช่งานโครงการ article
เงินโบนัสต้องมีสภาพการเป็นพนักงานจนถึงวันกำหนดจ่าย ออกก่อนไม่มีสิทธิได้รับ article
ระเบียบกำหนดจ่ายเงินพิเศษ ( gratuity ) เนื่องจากเกษียณอายุ โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายแตกต่างจากการจ่ายค่าเชย ถือว่านายจ้างยังไม่ได้จ่ายค่าชดเยตามกฎหมาย article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.

บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด

เลขที่ 511/4 ถนนประชาอุทิศ 117/1 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร (10140)

โทร/Tel : 02 - 8159522, แฟกซ์/Fax : 02 - 8159523, มือถือ/Mobile : 081 - 7936156

อีเมล/E-mail : sawai.prm@gmail.com, เว็บไซต์/Web : www.parameelaw.com