เตือนนายจ้าง ลูกจ้างอย่าประมาท ระวังอุบัติเหตุจากการทำงาน
ประกันสังคม เตือนนายจ้าง ลูกจ้างอย่าประมาท ระวังอุบัติเหตุจากการทำงาน เผยหากประสบเหตุ กองทุนเงินทดแทนดูแลค่ารักษาสูงสุดไม่เกิน 1 ล้านบาท
กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม แจง นายจ้างมีหน้าที่ต้องแจ้งการประสบอันตราย กรณีลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจากการทำงานตามแบบแจ้งการประสบอันตราย เจ็บป่วย หรือสูญหาย และคำร้องขอรับเงินทดแทน (กท.16) และสำเนาแบบส่งตัวลูกจ้างเข้ารับการรักษาพยาบาล (กท.44) ส่งให้สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ / จังหวัด / สาขา ที่นายจ้าง ขึ้นทะเบียนไว้ ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทราบการประสบอันตรายของลูกจ้างกรณีลูกจ้างประสบอันตรายเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน สำนักงานประกันสังคม ขอแนะนำให้นายจ้าง ควรส่งตัวลูกจ้างเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลในความตกลงของกองทุนเงินทดแทนโดยที่นายจ้างไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาล่วงหน้า
สำนักงานประกันสังคมมีกองทุนเงินทดแทนที่ให้ความช่วยเหลือลูกจ้าง ในกรณีลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงานให้นายจ้าง โดยสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนเงินทดแทนได้เพื่อเป็นการคุ้มครองลูกจ้างและไม่ให้เป็นภาระแก่นายจ้าง หากลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน นายจ้างควรส่งลูกจ้างเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลในความตกลงของกองทุนเงินทดแทน เพื่อที่นายจ้าง และลูกจ้าง ไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล โดยโรงพยาบาลจะส่งใบแจ้งหนี้ไปเรียกเก็บจากสำนักงานประกันสังคมที่รับผิดชอบ แต่หากเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลอื่นให้นายจ้างสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อน แล้วให้นำใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล พร้อมใบรับรองแพทย์ไปขอเบิกจากกองทุนเงินทดแทนภายหลัง
โดยกฎกระทรวงฉบับใหม่กำหนดให้ลูกจ้างที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงานให้นายจ้าง ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นไม่เกิน 50,000 บาท กรณีบาดเจ็บรุนแรงสามารถเพิ่มค่ารักษาพยาบาลได้ในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 1,000,000 บาท ทั้งนี้ อัตราค่ารักษาพยาบาลที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับจะพิจารณาตามอาการที่ลูกจ้างได้รับบาดเจ็บหลายๆด้าน และความจำเป็นของการรักษาโรคหรือการประสบอันตรายดังกล่าว เช่น บาดเจ็บอย่างรุนแรงของอวัยวะภายในหลายส่วนและต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไข หรือบาดเจ็บอย่างรุนแรงของกระดูกหลายแห่งและต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไข /บาดเจ็บอย่างรุนแรงของศีรษะและต้องได้รับการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ หรือประสบภาวะที่ต้องผ่าตัดต่ออวัยวะที่ยุ่งยากซึ่งต้องใช้วิธีจุลศัลยกรรม ประสบอันตรายจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ความร้อน ความเย็น สารเคมี รังสี ไฟฟ้า หรือระเบิดจนถึงขั้นสูญเสียผิวหนังลึกถึงหนังแท้เกินว่าร้อยละ 25 ของพื้นที่ผิวของร่างกาย และการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอย่างอื่นซึ่งรุนแรงตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ซึ่งหากลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บในลักษณะดังกล่าวและ ค่ารักษาพยาบาลที่กำหนดไว้ในวงเงิน 50,000 บาทไม่เพียงพอ ลูกจ้างสามารถมีสิทธิได้รับค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นเพิ่มอีกไม่เกิน 100,000 บาท
นอกจากนี้ หากลูกจ้างได้รับบาดเจ็บรุนแรง และค่ารักษาพยาบาลที่จ่ายจริงตามความจำเป็นดังกล่าวข้างต้นไม่เพียงพอลูกจ้างสามารถมีสิทธิได้รับค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริง ตามความจำเป็นเพิ่มอีกไม่เกิน 300,000 บาท หากไม่เพียงพอสามารถเบิกเพิ่มอีกไม่เกิน 500,000 บาท และสามารถเบิกเพิ่มได้ในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 1,000,000 บาท ตามลำดับ โดยพิจารณาจากอาการบาดเจ็บรุนแรงของลูกจ้าง และเป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการการแพทย์
อย่างไรก็ดี กฎกระทรวงฉบับใหม่นี้ให้ใช้บังคับกรณีที่ลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงานให้นายจ้าง ซึ่งเริ่มต้นเข้ารับการรักษาพยาบาลตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2558 เป็นต้นไป ทั้งนี้ การส่งตัวลูกจ้างเข้ารับการรักษาพยาบาลนายจ้างควรพิจารณาถึงมาตรฐานการรักษาและการคิดค่ารักษาพยาบาลที่เหมาะสมตามความจำเป็นของสถานพยาบาลนั้นๆ เพราะหากการประสบอันตรายและการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นไม่จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินความจำเป็นแต่สถานพยาบาลเรียกเก็บค่ารักษาเกินเพดานที่กฎหมายกำหนดจะทำให้มีค่ารักษาส่วนเกิน ซึ่งต้องตกเป็นภาระของลูกจ้างและนายจ้างที่ต้องรับผิดชอบค่ารักษานั้น โดยเฉพาะที่นายจ้างจะต้องถูกเรียกเก็บ อัตราค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยจ่ายเงินสมทบตามปกติ หากผู้ประกันตนมีปัญหาข้อสงสัยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขาทั่วประเทศที่ท่านสะดวก หรือโทร 1506 (เจ้าหน้าที่ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sso.go.th.