คำพิพากษาฎีกาที่ 13581/56
ดื่มสุราระหว่างพักรอขนส่งสินค้า ถือว่าฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กรณีร้ายแรง เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นพนักงานตรวจแรงงานสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2549 จำเลยมีคำสั่งที่ 201/2549 ให้โจทก์จ่ายค่าชดเชย 37,800 บาท และคืนเงินประกันจำนวนเงิน 2,800 บาท ให้แก่นายวุฒิ ฟักนาคี พนักงานขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ลูกจ้างโจทก์ โจทก์ทราบคำสั่งเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2549 และไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของจำเลย โจทก์มีระเบียบว่าเมื่อพนักงานขับรถบรรทุกได้ขับรถบรรทุกไปรับสินค้าและนำสินค้าขึ้นบรรทุกบนรถแล้ว ห้ามพนักงานขับรถดังกล่าวดื่มสุรา นายวุฒิได้ทราบคำสั่งนั้นแล้ว ต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อข้อบังคับของโจทก์อย่างเคร่งครัดไม่มีข้อยกเว้น เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2549 เวลา 20.30 นาฬิกา นายวุฒิดื่มสุราซึ่งเป็นเวลาที่ต้องพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวที่จะขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อไปส่งสินค้าให้แก่ลูกค้า การที่นายวุฒิดื่มสุราในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับในการทำงานและเป็นการกระทำความผิดที่ร้ายแรง โจทก์จึงเลิกจ้างนายวุฒิได้ตามกฎหมายโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและคืนเงินประกันตามคำสั่งของจำเลย ขอให้เพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชลบุรีที่ 201/2549 ฉบับลงวันที่ 12 ธันวาคม 2549 และคืนเงินค่าชดเชย 37,800 บาท และเงินประกัน 2,800 บาท ให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า นายวุฒิ ฟักนาคีเป็นลูกจ้างโจทก์ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2548 ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 12,600 บาท ทำงานในตำแหน่งพนักงานขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2549 โจทก์บอกเลิกจ้างนายวุฒิด้วยวาจาโดยกล่าวหาว่าเมาสุราในเวลากลางวัน นายวุฒิจึงยื่นคำร้องต่อจำเลย จำเลยในฐานะพนักงานตรวจแรงงานสอบข้อเท็จจริงแล้วได้ความว่าโจทก์ประกอบกิจการขนส่งทางบก นายวุฒิเป็นพนักงานขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ขนส่งสินค้าซึ่งลักษณะหรือสภาพของงานไม่อาจกำหนดเวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดของการทำงานแต่ละวัน โจทก์ไม่ประกาศเวลาทำงานปกติให้ลูกจ้างทราบอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 23 และกฎกระทรวงฉบับที่ 12 (พ.ศ.2541) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ข้อ 2 ซึ่งห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างซึ่งทำหน้าที่ขับขี่ยานพาหนะเริ่มต้นทำงานในวันทำงานถัดไปก่อนครบระยะเวลา 10 ชั่วโมง หลังจากสิ้นสุดเวลาทำงานในวันทำงานที่ล่วงมาแล้ว การที่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายทำให้ลูกจ้างไม่อาจทราบกำหนดเวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดของการทำงานแต่ละวัน โจทก์ไม่ทราบว่าลูกจ้างดื่มสุราที่ใดเวลาใด โจทก์เพียงแต่ได้รับรายงานจากหัวหน้าคนงานว่า เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2549 เวลาประมาณ 20 นาฬิกา นายวุฒิมีอาการเมาสุราอยู่ในบริเวณที่พักคนงานของโจทก์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาพักผ่อนของลูกจ้างเพื่อรอเวลาขับรถไปส่งสินค้าในวันรุ่งขึ้น พฤติกรรมของนายวุฒิยังไม่ถือเป็นความผิดร้ายแรง เมื่อโจทก์เลิกจ้างนายวุฒิซึ่งไม่ได้กระทำผิดซ้ำคำเตือนตามมาตรา 119 ( 4 ) แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 โจทก์จึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่นายวุฒิ และในระหว่างสัญญาจ้างนายวุฒิไม่เคยกระทำความเสียหายต่อโจทก์ โจทก์จึงต้องคืนเงินประกันความเสียหายในการทำงานให้แก่ลูกจ้าง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานภาค 2 พิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานภาค 2 ฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ประกอบกิจการขนส่งทางบก เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2548 โจทก์จ้างนายวุฒิ ฟักนาคี เป็นพนักงานขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ในอัตราค่าจ้างเดือนละ 12,600 บาท นายวุฒิมีอายุงานขณะเลิกจ้าง 1 ปี 8 เดือน โจทก์เรียกเงินประกันความเสียหายในการทำงานจากนายวุฒิเป็นจำนวนเงิน 2,800 บาท โจทก์มีพนักงานเกินกว่า 10 คน โจทก์ไม่มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานแต่มีระเบียบไม่เป็นลายลักษณ์อักษรห้ามพนักงานดื่มสุราในขณะทำงาน และหากพนักงานขับรถบรรทุกไปรับสินค้าจากลูกค้าของโจทก์แล้วนำรถบรรทุกมาจอดในบริเวณที่ทำการโจทก์จังหวัดชลบุรี ห้ามพนักงานขับรถดังกล่าวดื่มสุรา เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2549 นายวุฒิขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อไปรับสินค้าจากลูกค้าของโจทก์ที่จังหวัดระยองและขับรถมาจอด ณ ที่ทำการโจทก์จังหวัดชลบุรีเวลา 18 นาฬิกา รอให้ถึงเวลา 2 นาฬิกา ของวันใหม่เพื่อขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อไปส่งสินค้าที่จังหวัดปทุมธานี ในช่วงเวลาประมาณ 20 นาฬิกา ขณะที่นายวุฒิรอเวลาเพื่อขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อไปส่งสินค้าที่จังหวัดปทุมธานีซึ่งโจทก์ถือว่าเป็นช่วงเวลาหยุดงานของนายวุฒิ นายวุฒิมีอาการเมาสุรา การกระทำของนายวุฒิเป็นการฝ่าฝืนระเบียบของโจทก์ที่ห้ามพนักงานขับรถบรรทุกที่รอเวลาขับรถบรรทุกสินค้าไปส่งให้ลูกค้าดื่มสุราในช่วงดังกล่าวต่อมาเวลา 2 นาฬิกา ของวันรุ่งขึ้นนายวุฒิขับรถบรรทุกสินค้าไปส่งให้ลูกค้าที่จังหวัดปทุมธานีเรียบร้อยแล้ว นายวุฒิขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อกลับมาที่ทำการโจทก์ที่จังหวัดชลบุรีโดยปลอดภัย ต่อมาวันที่ 17 ตุลาคม 2549 โจทก์จึงเลิกจ้างนายวุฒิโดยกล่าวหาว่านายวุฒิเมาสุราเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรง ขณะทำงานนายวุฒิไม่เคยก่อความเสียหายให้แก่โจทก์ โจทก์ไม่มีประกาศกำหนดระยะเวลาในการทำงานของพนักงานขับรถบรรทุก แล้ววินิจฉัยว่า นายวุฒิเมาสุราในระหว่างเวลาหยุดพักงาน เมื่อถึงเวลา 2 นาฬิกา ของวันรุ่งขึ้นโจทก์ยินยอมให้นายวุฒิขับรถบรรทุกสินค้าไปส่งให้ลูกค้าที่จังหวัดปทุมธานี โดยโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าขณะที่นายวุฒิขับรถบรรทุกสินค้าไปส่งให้ลูกค้านั้นนายวุฒิยังอยู่ในอาการเมาสุรา แต่กลับได้ความว่านายวุฒิสามารถขับรถบรรทุกสินค้าไปส่งให้ลูกค้าที่จังหวัดปทุมธานีโดยไม่ได้รับความเสียหายและขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อกลับมาจอดที่ทำการโจทก์จังหวัดชลบุรีโดยปลอดภัย ซึ่งโจทก์ไม่มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกำหนดให้ดื่มสุราในขณะพนักงานขับรถบรรทุกรอเวลาขับรถบรรทุกไปส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าเป็นกรณีความผิดร้ายแรง การเมาสุราของนายวุฒิเป็นการกระทำผิดระเบียบในการทำงานของโจทก์แต่ไม่ถือว่าเป็นความผิดในกรณีร้ายแรงตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 ( 4 ) เมื่อโจทก์เลิกจ้างนายวุฒิจึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้นายวุฒิตามาตรา 118 (2 ) ระหว่างที่นายวุฒิเป็นลูกจ้างโจทก์ไม่เคยทำความเสียหายให้แก่โจทก์ โจทก์จึงต้องคืนเงินประกัน 2,800 บาทให้แก่นายวุฒิ ที่จำเลยมีคำสั่งที่ 201/2549 ให้โจทก์จ่ายค่าชดเชยและคืนเงินประกันแก่นายวุฒิจึงชอบแล้ว ไม่มีเหตุเพิกถอนคำสั่งจำเลย
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่าการกระทำของนายวุฒิเป็นการฝ่าฝืนระเบียบของโจทก์กรณีร้ายแรงและโจทก์ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่นายวุฒิตามคำสั่งของจำเลยหรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์ไม่มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกำหนดให้การดื่มสุราในขณะพนักงานขับรถบรรทุกรอเวลาขับรถบรรทุกไปส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าเป็นความผิด แต่การที่โจทก์มีระเบียบไม่เป็นลายลักษณ์อักษรว่าเมื่อพนักงานขับรถบรรทุกไปรับสินค้าจากลูกค้าของโจทก์แล้วนำรถบรรทุกมาจอดไว้บริเวณที่ทำการของโจทก์จังหวัดชลบุรี ห้ามพนักงานขับรถดังกล่าวดื่มสุรานั้น ย่อมเห็นได้ว่าการออกระเบียบหรือคำสั่งดังกล่าวเพื่อป้องกันมิให้พนักงานขับรถบรรทุกที่รอเวลาขับรถบรรทุกสินค้าไปส่งให้แก่ลูกค้าของโจทก์มีอาการ เมาสุราจากการดื่มสุราและอาจยังคงมีอาการเมาต่อเนื่องไปจนถึงเวลาที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ขับรถบรรทุกไปส่งสินค้าให้แก่ลูกค้า เพราะการขับรถในขณะเมาสุรานอกจากจะเป็นความผิดต่อกฎหมายอันมีโทษทางอาญาแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้โดยง่ายอันจะทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายและอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตร่างกายหรือทรัพย์สินของบุคคลภายนอกด้วย ระเบียบของโจทก์นับว่าชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม การที่นายวุฒิมีอาการเมาสุราในช่วงเวลาประมาณ 20 นาฬิกา ขณะที่รอให้ถึงเวลา 2 นาฬิกา ของวันรุ่งขึ้นเพื่อขับรถบรรทุกสินค้าจากที่ทำการโจทก์จังหวัดชลบุรีไปส่งให้แก่ลูกค้าที่จังหวัดปทุมธานีซึ่งเป็นระยะทางไกล แม้จะไม่ได้ความแน่ชัดว่าขณะขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อไปส่งสินค้านายวุฒิยังคงอยู่อาการเมาสุราและนายวุฒิสามารถขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อไปส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าโดยไม่ได้รับความเสียหายและขับกลับมาจอดที่ทำการโจทก์จังหวัดชลบุรีโดยปลอดภัยก็ตาม ก็ต้องถือว่านายวุฒิฝ่าฝืนระเบียบอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมของโจทก์ผู้เป็นนายจ้างเป็นกรณีที่ร้ายแรงแล้ว เมื่อโจทก์เลิกจ้างนายวุฒิด้วยเหตุดังกล่าวโจทก์จึงไม่ต้องจ่ายค่าเชยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 (4 ) คำสั่งของจำเลยที่ให้โจทก์จ่ายค่าชดเชยแก่นายวุฒิจึงไม่ถูกต้อง มีเหตุสมควรที่จะเพิกถอนคำสั่งในส่วนนี้ ที่ศาลแรงงานภาค 2 พิพากษายกฟ้องมานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนคำสั่งที่ 201/2549 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2549 ของจำเลยเฉพาะในส่วนที่สั่งให้โจทก์จ่ายค่าชดเชยแก่นายวุฒิ ฟักนาคี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานภาค 2
เรียบเรียงโดย บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด