ReadyPlanet.com
dot dot
dot
ชมรมบริหารงานบุคคล
dot
bulletสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย
bulletชมรมบริหารงานบุคคล
bulletชมรมบริหารงานบุคคล อยุธยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลรังสิต
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคล อมตะนคร
bulletสมาคมการบริหารงานบุคคล (PAAs)
bulletชมรมบริหารงานบุคคลบางพลี
bulletชมรมนักบริหารงานบุคคลพัทยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลยุคใหม่
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคลจังหวัดราชบุรี
bulletงานบริหารงานบุคคล
bulletชมรมงานบริหารงานบุคคลกรุงเทพฯ
bulletชมรมบริหารงานบุคลสุขสวัสดิ์
dot
ติดต่อราชการศาล
dot
bulletศาลแรงงานกลาง
bulletศาลแรงงานภาค ๒
bulletศาลยุติธรรม
bulletศาลปกครอง
bulletศาลรัฐธรมนูญ
bulletสำนักงานอัยการสูงสุด
bulletกระทรวงยุติธรรม
bulletคณะกรรมการกฤษฎีกา
bulletกรมบังคับคดี
bulletสภาทนายความ
dot
หน่วยงานราชการสำคัญ
dot
bulletกระทรวงแรงงาน
bulletกรมการจัดหางาน
bulletกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
bulletกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
bulletสำนักงานประกันสังคม
bulletกรมสรรพากร
bulletกรมบัญชีกลาง
bulletกรมพัฒนาธุรกิจกาค้า
bulletกระทรวงอุตสาหกรรม
bulletกรมโรงงานอุตสาหกรรม
bulletกรมส่งเสริมอุตสาหรม
bulletการนิคมอุตสาหกรรม
dot
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน
dot
bulletสมบัติลีกัล
bulletเอกเซลสำหรับงาน HR โดย อ.สำเริง
bulletบทความดี ๆ จากโกป้อม
dot
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
dot
dot
Newsletter

dot


พยากรณ์อากาศวันนี้
..................................


ราคาน้ำมันวันนี้
..................................



นัดหยุดงานโดยไม่แจ้งเป็นหนังสือให้คู่กรณีพิพาทอีกฝ่ายและไม่แจ้งพนักงานประนอมข้อพิพาทล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ถือเป็นการหยุดงานไม่ชอบด้วยกฎหมาย และประกาศโจมตีผู้บริหาร เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรง รายชื่อโจทก์ทั้งหมดปรากฏตา article

 คำพิพากษาฎีกาที่  1764 - 1797/56

นัดหยุดงานโดยไม่แจ้งเป็นหนังสือให้คู่กรณีพิพาทอีกฝ่ายและไม่แจ้งพนักงานประนอมข้อพิพาทล่วงหน้าอย่างน้อย  24  ชั่วโมง  ถือเป็นการหยุดงานไม่ชอบด้วยกฎหมาย  และประกาศโจมตีผู้บริหาร  เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรง     รายชื่อโจทก์ทั้งหมดปรากฏตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

                                  คดีทั้งสามสิบสี่สำนวน  ศาลแรงงานกลางสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน  โดยให้เรียกโจทก์ทั้งสามสิบสี่สำนวนว่า  โจทก์ที่  1  ถึงที่  34  ตามลำดับ  เรียกจำเลยทั้งห้าทุกสำนวนว่า  จำเลยว่าที่  1  ถึงที่  5  ตามลำดับ

 

                             โจทก์ทั้งสามสิบสี่ฟ้องว่า  โจทก์ทั้งสามสิบสี่เป็นลูกจ้างของจำเลยที่  1  โดยมีวันเข้าทำงาน  ตำแหน่งหน้าที่  อัตราค่าจ้างสุดท้ายและวันกำหนดจ่ายค่าจ้างปรากฏตามคำฟ้องของโจทก์ในแต่ละสำนวน  จำเลยที่  2  ถึงที่  5  เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันจำเลยที่  1  โดยจำเลยที่  4  เป็นลูกจ้างของจำเลยที่  1  มีตำแหน่งเป็นผู้รักษาการผู้จัดการฝ่ายบุคคลมีอำนาจหน้าที่ในการจัดจ้างลูกจ้าง  ตลอดจนบริหารงานบุคคลของจำเลยที่  1  ตามที่ได้รับมอบหมายจากจำเลยที่  1  ถึงที่  5  และจำเลยที่  1  ถึงที่  5  จะต้องจ่ายเงินพิเศษ  (โบนัส)  ให้แก่โจทก์ทั้งสามสิบสี่ทุกปีอย่างน้อยเท่ากับอัตราค่าจ้าง  30  วัน  ต่อมาเมื่อวันที่  13  พฤศจิกายน  2549  จำเลยที่  1  โดยจำเลยที่  4  ทำหนังสือเลิกจ้างโจทก์ทั้งสามสิบสี่โดยอ้างเหตุว่าร่วมกันหยุดงานละทิ้งหน้าที่ออกจากสถานที่ทำงานมาร่วมชุมนุมหน้าบริษัทจำเลยที่  1  ทำการยุยงชักชวนไม่ให้เพื่อนพนักงานด้วยกันเข้าทำงาน  มีส่วนร่วมเขียนป้ายประกาศแสดงข้อความอันเป็นเท็จ  ใช้เครื่องขยายเสียงโจมตี  จำเลยที่  1  ถึงที่  5  ซึ่งไม่เป็นความจริง  ทำให้โจทก์ทั้งสามสิบสี่ได้รับความเสียหายการเลิกจ้างดังกล่าวเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม  ไม่บอกกล่าวล่วงหน้า  ไม่จ่ายค่าชดเชยทั้งยังค้างจ่ายค่าจ้างและค้างชำระเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแก่โจทก์ทั้งสามสิบสี่  ขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าจ่ายค่าจ้างค้าง  สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า  ค่าชดเชย  ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม  และเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ค้างชำระ  พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ทั้งสามสิบสี่ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์แต่ละสำนวน

 

                                ชั้นตรวจคำฟ้องศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้รับฟ้องโจทก์ทั้งสามสิบสี่เฉพาะจำเลยที่  1  ส่วนจำเลยที่  2  ถึงที่  5  ให้ยกฟ้อง

 

                                จำเลยที่  1  ให้การและฟ้องแย้งว่า  จำเลยที่  1  ประกอบกิจการโรงงานผลิตและจำหน่ายยางรถจักรยาน  เมื่อวันที่  4  พฤศจิกายน  2547  จำเลยที่  1  จัดทำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างกับสหภาพแรงงานไลอ้อนไทร์สแห่งประเทศไทย  โดยให้มีผลใช้บังคับ  2  ปี  เริ่มตั้งแต่วันที่  1  ธันวาคม  2547  ถึงวันที่  30  พฤศจิกายน  2549  ต่อมาวันที่  2  ตุลาคม  2549  สหภาพแรงงานไลอ้อนไทร์สแห่งประเทศไทยยื่นข้อเรียกร้องขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างต่อจำเลยที่  1  จำนวน  15  ข้อ  และตั้งผู้แทนเจรจาฝ่ายสหภาพแรงงานไลอ้อนไทร์สแห่งประเทศไทยจำนวน  7  คน  จำเลยที่  1  นัดเจรจาข้อเรียกร้องวันที่  4  ตุลาคม  2549  และตั้งผู้แทนเจรจาฝ่ายบริษัทจำเลยที่  1  จำนวน  5  คน  มีการเจรจา  2  ครั้ง  แต่ไม่สามารถตกลงกันได้  พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานนัดเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแรงงานต่อมาอีกหลายครั้งแต่ตกลงกันไม่ได้  ครั้งสุดท้ายนัดเจรจากันในวันที่  8  พฤศจิกายน  2549  ก่อนถึงวันนัดในวันที่  2  พฤศจิกายน  2549  จำเลยที่  1  ยื่นข้อเรียกร้องต่อสหภาพแรงงานไลอ้อนไทร์สแห่งประเทศไทย  เพื่อขอเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างและได้ตั้งผู้แทนเจรจาข้อเรียกร้องของจำเลยที่  1  จำนวน  5  คน  แต่สหภาพแรงานไลอ้อนไทร์สแห่งประเทศไทย  ไม่ได้แต่งตั้งผู้แทนเจรจาและเจรจาภายใน  3  วัน  จึงถือเป็นข้อพิพาทแรงงานเกิดขึ้น  ซึ่งจำเลยที่  1  ได้แจ้งข้อพิพาทแรงงานต่อพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานเมื่อวันที่  5  พฤศจิกายน  2549  ต่อมาเมื่อวันที่  6  พฤศจิกายน  2549  พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานนัดเจรจาข้อพิพาทแรงงานข้อเรียกร้องของจำเลยที่  1  ในวันที่  8  พฤศจิกายน  2549  ถึงวันนัดผู้แทนเจรจาฝ่ายจำเลยที่  1  กับสหภาพแรงงานไลอ้อนไทร์สแห่งประเทศไทยมีการเจรจาข้อเรียกร้องของทั้งสองฝ่ายโดยสามารถตกลงในข้อเรียกร้องของฝ่ายสหภาพแรงงานไลอ้อนไทร์สแห่งประเทศไทยได้และจำเลยที่  1  ตกลงถอนข้อเรียกร้องของฝ่ายจำเลยที่  1  โดยพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานได้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงแล้ว  แต่ปรากฏว่าผู้แทนฝ่ายสหภาพแรงงานไลอ้อนไทร์สแห่งประเทศไทยยอมลงชื่อจำนวน  3  คน  อีก  4  คน  เปลี่ยนใจไม่ยอมลงชื่อส่งผลให้ข้อเรียกร้องของฝ่ายสหภาพแรงงานไลอ้อนไทร์สแห่งประเทศไทย  และข้อเรียกร้องของจำเลยที่  1  ไม่สามารถตกลงกันได้  พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานจึงได้นัดเจรจาข้อเรียกร้องของทั้งสองฝ่ายอีกในวันที่  15  พฤศจิกายน  2549  ทั้งนี้  พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานได้แจ้งและความเข้าใจกับผู้แทนเจรจาทั้งสองฝ่ายโดยบันทึกไว้ในบันทึกการเจรจาลงวันที่  8  พฤศจิกายน  2549  ข้อ  5  ว่าพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานได้ชี้แจงผู้แทนทั้งสองฝ่ายทราบข้อกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่เกี่ยวกับการขอมตินัดหยุดงานของสหภาพแรงงานไลอ้อนไทร์สแห่งประเทศไทยดังนี้

 

                                 5.1  บริษัท  (จำเลยที่  1)  และสหภาพแรงงานไลอ้อนไทร์สแห่งประเทศไทยไม่อาจนำเอาข้อพิพาทแรงงานที่ไม่สามารถตกลงกันได้นี้มาใช้สิทธิปิดงานหรือนัดหยุดงานก่อนข้อตกลงเกี่ยวกับสหภาพการจ้างเดิมครบอายุในวันที่  30  พฤศจิกายน  2549 

 

                                5.2  ผู้ฝ่าฝืนปิดงานหรือนัดหยุดงานก่อนวันที่  1  ธันวาคม  2549  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน  6  เดือน  หรือปรับไม่เกิน  10,000  บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ  (ตามมาตรา  139  แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์  พ.ศ.  2518)

 

                                บันทึกการเจรจาดังกล่าวผู้แทนฝ่ายสหภาพแรงงานไลอ้อนไทร์สแห่งประเทศไทยได้ลงนามรับทราบ  แต่หลังจากทำบันทึกการเจรจาดังกล่าวแล้วโจทก์ทั้งสามสิบสี่และพวกซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่  1  ได้ร่วมกันหยุดงานหรือผละงาน  และชักชวนสนับสนุนยุยงส่งเสริมให้ลูกจ้างของจำเลยที่  1  หยุดงานตั้งแต่วันที่  9 ,10 และ  13  พฤศจิกายน  2549  (วันที่  11  และ  12  พฤศจิกายน  2549  เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์)  โดยมิได้แจ้งเป็นหนังสือให้พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานและจำเลยที่  1  ทราบไม่น้อยกว่า  24  ชม.  ตามกฎหมาย  เป็นการหยุดงานหรือนัดหยุดงานในระหว่างข้อตกลงเดิมมีผลบังคับใช้อยู่  เป็นการกระทำไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์  พ.ศ.2518  มาตรา  31  และมาตรา  34  ทำให้จำเลยที่  1  ได้รับความเสียหาย  ในการหยุดงานดังกล่าวผู้ชุมนุมได้เขียนป้ายประกาศ  แสดงข้อความอันเป็นเท็จ  ใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวโจมตีผู้บริหารของจำเลยที่  1  การกระทำของโจทก์ทั้งสามสิบสี่กับพวกถือเป็นการกระทำผิดพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์  พ.ศ.2518  มาตรา  123  ซึ่งเป็นการกระทำผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง  จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย  ฝ่าฝืนข้อบังคับการทำงานกรณีร้ายแรง  ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่นหรือไม่ก็ตามโดยไม่มีเหตุสมควร  อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ.2541  ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา  583  จำเลยที่  1  จึงได้เลิกจ้างโจทก์ทั้งสามสิบสี่กับพวกรวม  399  คน  ในตอนเย็นวันที่  13  พฤศจิกายน  2549  โดยให้มีผลการเลิกจ้างวันที่  14  พฤศจิกายน  2549  ซึ่งการเลิกจ้างดังกล่าวถือเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว  จำเลยที่  1  เลิกจ้างโจทก์ทั้งสามสิบสี่เมื่อวันที่  13  พฤศจิกายน  2549  และนับแต่วันที่  14  พฤศจิกายน  2549  โจทก์ทั้งสามสิบสี่ก็ไม่ได้ทำงานให้  จำเลยที่  1  จึงไม่มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าจ้างนับแต่วันที่  14  พฤศจิกายน  2549  ถึงเดือนพฤษภาคม  2550  สำหรับค่าจ้างตั้งแต่วันที่  1  พฤศจิกายน  2549  ถึงวันที่  เลิกจ้าง  จำเลยที่  1  ได้จ่ายให้โจทก์ทั้งสามสิบสี่แล้ว  ในส่วนเงินค้างชำระกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามคำฟ้องนั้น  โจทก์ทั้งสามสิบสี่ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยที่  1  รับผิดได้เนื่องจากในสถานประกอบการของจำเลยที่  1  ได้จัดให้มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพชื่อว่ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพบริษัทไลอ้อนไทร์ส  (ประเทศไทย)  จำกัด  ซึ่งจดทะเบียนแล้วและเป็นนิติบุคคลต่างหากจากจำเลยที่  1  ตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ  พ.ศ.2530  ตามข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะจ่ายเงินสะสมของลูกจ้างและเงินสมทบของจำเลยที่  1  ให้แก่พนักงานเว้นแต่พนักงานได้พ้นสภาพการเป็นพนักงานของจำเลยที่  1  เนื่องจากได้กระทำผิดวินัยร้ายแรงถึงไล่ออก  กองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะไม่จ่ายเงินสมทบในส่วนของจำเลยที่  1  ให้  การกระทำของโจทก์ทั้งสามสิบสี่ที่กระทำต่อจำเลยที่  1  ตามที่ได้ให้การไว้นี้ทำให้จำเลยที่  1  ได้รับความเสียหายโดยที่โจทก์ทั้งสามสิบสี่ได้ร่วมกันหยุดงานในวันที่  9 ,10 และ 13  พฤศจิกายน  2549  ทำให้จำเลยที่  1  ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ตามเป้าหมายที่กำหนด  การผลิตสินค้าของจำเลยที่  1  ลดลงเป็นวันละ  1,567,051.20  บาท  รวม  3  วัน  เป็นเงิน  4,701,153.60 บาท  และทำให้จำเลยที่  1  ไม่สามารถส่งสินค้าได้ทันกำหนด  รวมทั้งมีการยกเลิกการสั่งซื้อสินค้าของจำเลยที่  1  ทำให้จำเลยที่  1  เสียหายต่อเนื่องจำนวน  61  ล้านบาท  การกระทำของโจทก์ทั้งสามสิบสี่เป็นการกระทำผิดสัญญาซึ่งโจทก์ทั้งสามสิบสี่มีหน้าที่ต้องร่วมกันชดใช้เงินดังกล่าวคืนแก่จำเลยที่  1  ขอให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสามสิบสี่และขอให้บังคับโจทก์ทั้งสามสิบสี่ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน  10,000,000  บาท  พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปี  นับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

 

                                 โจทก์ทั้งสามสิบสี่ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า  โจทก์ทั้งสามสิบสี่เชื่อโดยสุจริตว่ามีสิทธิชักชวนกันนัดหยุดงานได้โดยชอบด้วยกฎหมายและได้มีการชุมนุมกันโดยสงบในการนัดหยุดงานบริเวณนอกเขตโรงงาน  ไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย  โจทก์ทั้งสามสิบสี่ได้รับทราบจากผู้แทนสหภาพแรงงานไลอ้อนไทร์สแห่งประเทศไทยว่าได้แจ้งข้อพิพาทเป็นหนังสือให้จำเลยที่  1  ทราบไม่น้อยกว่า  24  ชม.  ตามกฎหมาย  การกระทำของโจทก์ทั้งสามสิบสี่จึงไม่เป็นความผิด  โจทก์ทั้งสามสิบสี่ไม่เคยเขียนป้ายประกาศแสดงข้อความหรือใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวโจมตีผู้บริหารของจำเลยที่  1  ที่จำเลยที่  1  อ้างว่าได้รับความเสียหายจากการลดการผลิตวันละ  1,567,051.20  บาท  รวม  3  วัน  เป็นเงิน  4,701,153.60  บาท  เป็นค่าเสียหายเกินส่วนเพราะทั้งสามวันมีพนักงานทำงานเกินครึ่งหนึ่งของโรงงาน  มีพนักงานบางส่วนเท่านั้นที่ร่วมชุมนุมและการชุมนุมนัดหยุดงานเป็นเพียงแค่หยุดงานแบบเปลี่ยนกันทำงานเปลี่ยนกันหยุดงานเพื่อรอฟังผลการเจรจา  ยอดการผลิตสินค้าของจำเลยที่  1  ไม่ได้ลดลง  ลูกค้าจำเลยที่  1  ไม่ได้ลดการสั่งซื้อ  แต่เนื่องจากเศรษฐกิจตกต่ำและการตลาดของจำเลยที่  1  เอง  ค่าเสียหายไม่ถึง  61  ล้านบาท  เนื่องจากจำเลยที่  1  มีสินค้าในสต๊อกโกดังและคลังสินค้าเตรียมพร้อมไว้แล้ว  การที่จำเลยที่  1  คิดค่าเสียหาย  10,000,000  บาท  พร้อมดอกเบี้ยจึงเป็นการคิดทุนทรัพย์ที่สูงเกินส่วนและไม่มีเหตุเรียกร้องได้  ขอให้ยกฟ้องแย้ง

 

                                ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว     พิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสามสิบสี่  และยกฟ้องแย้งจำเลยที่  1

 

                                    โจทก์ทั้งสามสิบสี่อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

 

                                 ศาลฎีกาแผนคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว  ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่า  โจทก์ทั้งสามสิบสี่เป็นลูกจ้างของจำเลยที่  1  มีวันเข้าทำงานตำแหน่งหน้าที่  และอัตราค่าจ้างสุดท้ายก่อนถูกเลิกจ้างตามบัญชีรายชื่อ  ตำแหน่งงานวันเข้าทำงานและอัตราค่าจ้างสุดท้ายเอกสารหมาย  ล.1  จำเลยที่  1  เลิกจ้างโจทก์ทั้งสามสิบสี่เมื่อวันที่  13  พฤศจิกายน  2549  (มีผลเป็นการเลิกจ้างตั้งแต่วันที่  14 พฤศจิกายน  2549)  เมื่อปี  2547  จำเลยที่  1  มีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างกับสหภาพแรงงานไลอ้อนไทร์สแห่งประเทศไทยมีกำหนดระยะเวลา  2  ปี  ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่  30  พฤศจิกายน  2549  เมื่อวันที่  2  ตุลาคม  2549  และวันที่  2  พฤศจิกายน  2549  สหภาพแรงงานไลอ้อนไทร์สแห่งประเทศไทยกับจำเลยที่  1  มีการยื่นข้อเรียกร้องต่อกันโดยมีการเจรจากันหลายครั้งแต่ไม่สามารถตกลงกันได้  ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่  8  พฤศจิกายน  2549  โดยพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานบันทึกการเจรจาไว้ตามเอกสารหมาย  ล.18  ว่าจำเลยที่  1  และสหภาพแรงงานไลอ้อนไทร์สแห่งประเทศไทยไม่อาจนำเอาข้อพิพาทแรงงานที่ไม่สามารถตกลงกันได้มาใช้สิทธิปิดงานหรือนัดหยุดงานก่อนข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเดิมครบอายุในวันที่  30  พฤศจิกายน  2549  ผู้ฝ่าฝืนปิดงานหรือนัดหยุดงานก่อนวันที่  1  ธันวาคม  2549  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน  6  เดือน  หรือปรับไม่เกิน  10,000  บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ  ตามมาตรา  139  แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์  พ.ศ.  2518  แต่ในวันที่  9 ,10 และ  13  พฤศจิกายน  2549  โจทก์ที่  1  ถึงที่  11  และโจทก์ที่  13  ถึงที่  33  กับพวกร่วมชุมนุมและนัดหยุดงานหน้าบริษัทจำเลยที่  1  จำเลยที่  1  ประกาศแจ้งให้ผู้ร่วมชุมนุมหยุดงานกลับเข้าทำงาน  แต่โจทก์ที่  1  ถึงที่  11  และโจทก์ที่  13  ถึงที่  33  กับพวกที่ร่วมชุมนุมหน้าบริษัทจำเลยที่  1  ก็ไม่ได้กลับเข้าไปทำงาน  และการชุมนุมนัดหยุดงานดังกล่าวไม่ปรากฏว่าได้มีการแจ้งเป็นหนังสือให้จำเลยที่  1  และพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานทราบล่วงหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย  24  ชม.  นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง  ระหว่างที่มีการชุมนุมนัดหยุดงานเมื่อวันที่  9  ,10  และ  13  พฤศจิกายน  2549  โจทก์ที่  1  ถึงที่  11  และโจทก์ที่  13  ถึงที่  33  กับพวกใช้เครื่องขยายเสียงและปิดป้ายประกาศลักษณะโจมตีผู้บริหารจำเลยที่  1  ปรากฏตามภาพถ่ายเอกสารหมาย  ล.25  และภาพวีดิทัศน์หมาย  วถ.1  อันเป็นการจงใจให้จำเลยที่  1  ซึ่งเป็นนายจ้างได้รับความเสียหาย  เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยที่  1  เป็นกรณีร้ายแรง  ส่วนโจทก์ที่  12  และที่  34  ได้ขาดงานหรือละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา  3  วันทำงาน  ติดต่อกันไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่นหรือไม่ก็ตามโดยไม่มีเหตุอันควร  จำเลยที่  1  เลิกจ้างโจทก์ทั้งสามสิบสี่จากสาเหตุดังกล่าวจึงไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม  จำเลยที่  1  จ่ายค่าจ้างตั้งแต่วันที่  1  พฤศจิกายน  2549  ถึงวันที่  13  พฤศจิกายน  2549  ให้แก่โจทก์ทั้งสามสิบสี่ครบถ้วนแล้ว  กองทุนสำรองเลี้ยงชีพบริษัทไลอ้อนไทร์ส  ประเทศไทย)  จำกัด  เป็นกองทุนที่ได้จดทะเบียนแล้วมีสภาพเป็นนิติบุคคลต่างหากจากจำเลยที่  1  โจทก์ทั้งสามสิบสี่จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินดังกล่าวจากจำเลยที่  1  ได้  ในช่วงที่มีการชุมนุมและหยุดงานระหว่างวันที่  9  พฤศจิกายน  2549  ถึงวันที่  13  พฤศจิกายน  2549  จำเลยที่  1  มิได้หยุดการผลิตสินค้าโดยสิ้นเชิง  ยังคงมีการเดินเครื่องจักรผลิตสินค้าต่อไป  จำเลยที่  1  จึงไม่ได้รับความเสียหายจากการชุมนุมหยุดงานของโจทก์ทั้งสามสิบสี่

 

                                สำหรับอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสามสิบสี่ข้อ  2  ที่ว่าในวันที่  8  พฤศจิกายน  2549  ประตูบริษัทของจำเลยที่  1  ปิดตาย  พนักงานเข้าออกไม่ได้  วันที่  9  พฤศจิกายน  2549  มีพนักงานประสงค์จะเข้าทำงานแต่จำเลยที่  1  ไม่ให้เข้าทำงาน  วันที่  11  และ  12  พฤศจิกายน  2549  ไม่มีพนักงานมาชุมนุมหน้าบริษัท  ต่อมาวันที่   13  พฤศจิกายน  2549  มีพนักงานประสงค์จะเข้าทำงานแต่เข้าทำงานไม่ได้  การกระทำของจำเลยที่  1  เป็นการปิดงานโดยมิชอบด้วยกฎหมาย  โจทก์ทั้งสามสิบสี่จึงไม่ได้นัดหยุดงานนั้น  เมื่อศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงยุติว่าโจทก์ที่  1  ถึงที่  11  และโจทก์ที่  13  ถึงที่  33  กับพวกได้ร่วมชุมนุมและนัดหยุดงานหน้าบริษัทจำเลยที่  1  ในวันที่  9 ,10  และ  13  พฤศจิกายน  2549  จำเลยที่  1  ประกาศแจ้งให้ผู้ร่วมชุมนุมกลับเข้าทำงานแล้ว  แต่โจทก์ที่  1  ถึงที่  11  และโจทก์ที่  13  ถึงที่  33  ไม่กลับเข้าไปทำงาน  ส่วนโจทก์ที่  12  และที่  34  ไม่เข้าทำงานในวันที่  9 ,10 และ  13  พฤศจิกายน  2549  จึงเป็นการละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา  3  วันทำงานติดต่อกัน  อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสามสิบสี่ข้อนี้จึงเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง  เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง  ส่วนอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสามสิบสี่ข้ออื่น  ๆ  เป็นอุทธรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับอุทธรณ์ข้อ  2  หรือ  เป็นอุทธรณ์ที่ต้องอาศัยผลของการวินิจฉัยอุทธรณ์ข้อ  2  ถือได้ว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน  ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน  พ.ศ.  2522  มาตรา  54  วรรคหนึ่ง  ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

 

                                พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสามสิบสี่.




อัพเดท ฎีกาน่าสนใจ

ขึ้นทะเบียนรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเกิน ๓๐ วัน ยังมีสิทธิได้รับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานได้ article
ลักษณะความผิดเดียวกัน แต่ระดับความร้ายแรงแตกต่างกัน นายจ้างพิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ผู้จัดการสาขา เสนอรายชื่อลูกค้าที่ขาดคุณสมบัติทำประกันชีวิต ถือว่าจงใจทำให้นายจ้างเสียหาย / ผิดร้ายแรง article
หยุดกิจการชั่วคราวตาม มาตรา ๗๕ article
สัญญาจ้างเป็นสัญญาต่างตอบแทน นายจ้างออกค่าใช้จ่ายในการเข้าทดสอบเพื่อรับเกียรติบัตร เมื่อทดสอบผ่านต้องทำงานกับนายจ้าง ๕ ปี บังคับใช้ได้ article
ศาลแรงงานกลางมีอำนาจสั่งรับพยานเอกสารได้ แม้ไม่ได้ส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายก็ตาม article
ประกอบธุรกิจแข่งขัน / ไปทำงานกับนายจ้างอื่น ในลักษณะผิดต่อสัญญาจ้าง เมื่อลูกจ้างได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้างตามสัญญาแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะบังคับ / ห้ามทำงานตามเงื่อนไขในสัญญาจ้างอีกต่อไป article
คดีแรงงานเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้คดีอาญายกฟ้อง แต่พฤติกรรมการกระทำผิด เป็นเหตุให้นายจ้างไม่อาจไว้วางใจในการทำงานได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
เลิกจ้างเนื่องจากปรับโครงสร้างองค์กร แต่กำหนดรายชื่อไว้ล่วงหน้า ถือเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม article
การหักลบกลบหนี้ หนี้อันเกิดจากสัญญาจ้าง กรณีลูกจ้างกระทำผิดกับสิทธิประโยชน์ที่มีสิทธิได้รับตามสัญญาจ้าง ถือเป็นมูลหนี้อันเป็นวัตถุอย่างเดียวกันหักลบกลบหนี้กันได้ article
เล่นการพนันฉลากกินรวบ เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กรณีร้ายแรง article
กรณีไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจแข่งขันหรือไม่ถือว่าทำงานกับนายจ้างใหม่ในลักษณะธุรกิจเดียวกับนายจ้าง article
สัญญาฝึกอบรม นายจ้างกำหนดเบี้ยปรับได้ เป็นสัญญาที่เป็นธรรม article
ค้ำประกันการทำงาน หลักประกันการทำงาน การหักลบกลบหนี้ค่าเสียหายจากการทำงาน article
ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์แต่ตนเอง เรียกรับเงินจากลูกค้า ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ article
ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา มาทำงานสายประจำ ถือว่า กระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สหภาพแรงงานทำบันทักข้อตกลงเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างกับนายจ้าง อันส่งผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ของสมาชิก ขัดกับข้อตกลงเดิมและมิได้ขอมติที่ประชุมใหญ่ ข้อตกลงดังกล่าวไม่อาจใช้บังคับได้ article
ขอเกษียณอายุก่อนกำหนดตามประกาศ ถือเป็นการสมัครใจเลิกสัญญาจ้างแรงงานต่อกัน มิใช่การเลิกจ้างหรือการเกษียณอายุ จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยตามระเบียบกรณีเกษียณอายุ article
สถาบันวิจัยอันเป็นส่วนหนึ่งของกิจการมหาวิทยาลัยถือเป็นหน่วยงานของรัฐ ได้รับยกเว้น ไม่อยู่ภายใต้บังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา ๔ (๑) article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จากการเลิกจ้างมีอายุความฟ้องร้องได้ภายใน ๑๐ ปี article
ทะเลาะวิวาทเรื่องส่วนตัวไม่ส่งผลกระทบต่อการบังคับบัญชา ไม่เป็นความผิด กรณีร้ายแรง ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ article
พี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกัน มิใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ และเงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต ตามพระราชบัญญัติ ประกันสังคม มาตรา ๗๓ และมาตรา ๗๗ article
ขับรถเร็วเกินกว่าข้อบังคับกำหนด เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนคำสั่งโยกย้าย เลิกจ้างได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ประกาศใช้ระเบียบใหม่ ไม่ปรากฏว่ามีพนักงานโต้แย้งคัดค้าน ถือว่าทุกคนยินยอมปฏิบัติตามระเบียบ article
เงินค่าตอบแทนพิเศษกับเงินโบนัส มีเงื่อนไขต่างกัน หลักเกณฑ์การจ่ายต่างกัน จึงต้องพิจารณาต่างกัน article
ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินกองทุนเงินทดแทน article
ค่ารถแทนรถยนต์ประจำตำแหน่ง ไม่ถือเป็นค่าจ้าง และ ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมให้ถือตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่กำหนดไว้ article
เจรจาให้ลาออก ลูกจ้างไม่ตกลง ขอเวลาตัดสินใจและหยุดงานไป นายจ้างแจ้งให้กลับเข้าทำงานตามปกติ ถือว่านายจ้างยังไม่มีเจตนาเลิกจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ แอบนอนหลับในเวลาทำงาน ถือเป็นเหตุในการเลิกจ้างได้ เลิกจ้างเป็นธรรม article
ลาออกโดยไม่สุจริต ไม่มีผลใช้บังคับ article
ทำความผิดคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน พิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ประกอบธุรกิจ บริการ ด่าลูกค้าด้วยถ้อยคำหยาบคาย " ควาย " ถือเป็นการกระทำความผิดกรณีร้ายแรง article
ข้อบังคับ ระบุให้ผู้บังคับบัญชาเหนือกว่ามีอำนาจแก้ไข เพิ่มโทษ หรือลดโทษได้ การยกเลิกคำสั่งลงโทษเดิมและให้ลงโทษใหม่หนักกว่าเดิมจึงสามารถทำได้ article
เลือกปฏิบัติในการลงโทษระเบียบการห้ามใส่ตุ้มหูมาทำงาน บังคับใช้ได้ แต่เลือกปฏิบัติในการลงโทษไม่ได้ article
ลงโทษพักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างและเตือนในคราวเดียวกันได้ ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน article
จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย article
ข้อตกลงรับเงินและยินยอมปลดหนี้ให้แก่กัน ถือเป็นการตกลงระงับข้อพิพาทแม้จะทำขึ้นก่อนคำสั่งเลิกจ้างมีผลใช้บังคับ article
ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่คู่ความอ้างส่งศาลได้ แม้มิได้ระบุบัญชีพยานไว้ก็ตาม article
สัญญาจ้างห้ามลูกจ้างไปทำงานกับนายจ้างใหม่ที่ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกันมีกำหนดเวลา บังคับใช้ได้ article
เลิกจ้างและรับเงินค่าชดเชย ใบรับเงิน ระบุขอสละสิทธิ์เรียกร้องเงินอื่นใดใช้บังคับได้ ลูกจ้างไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องสินจ้างและค่าเสียหายได้อีก article
เกษียณอายุ 60 ปี ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยนับแต่วันครบกำหนดเกษียณอายุ แม้นายจ้างไม่ได้บอกเลิกจ้างก็ตาม article
ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและเพิกเฉยไม่ดูแลผลประโยชน์ของนายจ้าง เป็นเหตุให้นายจ้างไม่ไว้วางใจในการทำงานได้เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ละเลยต่อหน้าที่ ไม่รายงานเคพีไอ นายจ้างตักเตือนแล้ว ถือว่าผิดซ้ำคำเตือน เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ทำสัญญาจ้างต่างด้าวทำงานในอาชีพต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว สัญญาจ้างถือเป็นโมฆะ article
ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง article
ศาลมีคำสั่งให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาตามหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน ในขณะที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ยุติ ต้องสืบพยานใหม่และพิพากษาใหม่ไปตามรูปคดี article
แม้สัญญาจ้างไม่ได้ระบุระยะเวลาทดลองงานไว้ แต่นายจ้างก็สามารถประเมินผลการทำงานของลูกจ้างได้ article
การควบรวมกิจการ สิทธิและหน้าที่โอนไปเป็นของบริษัทใหม่ การจ่ายเงินสมทบบริษัทใหม่ที่ควบรวมจึงมีสิทธิจ่ายเงินสมทบในอัตราเดิมตามสิทธิ มิใช่ในอัตราบริษัทตั้งใหม่ article
เลิกจ้างรับเงินค่าชดเชยแล้วตกลงสละสิทธิ์จะไม่เรียกร้องผละประโยชน์ใดๆ ถือว่าสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเป็นอันระงับไป article
รับเหมาก่อสร้าง ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบ จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแทนผู้รับเหมาช่วง หากผู้รับเหมาช่วงไม่นำส่งเงินสมทบตามกฎหมายโดยคำนวณจากอัตราค่าจ้างที่ระบุตามแบบ ( ภ.ง.ด. 50 ) และบัญชีงบดุล article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานระบุห้ามทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายร่างกาย ผู้บังคับบัญชา เพื่อนพนักงาน ทั้งในสถานที่ทำงาน หรือสถานที่อื่นๆ ฝ่าฝืนถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง ใช้บังคับได้ไม่ขัดต่อกฎหมาย article
ไส้ติ่งอักเสบ แพทย์วินิจฉัยให้ผ่าตัด ถือเป็นกรณีฉุกเฉิน เบิกค่ารักษาได้ มีสิทธิรับเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ได้ article
ค่าเช่าที่พัก ค่าใช้จ่ายเดินทางเป็นสวัสดิการไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่ารถยนต์ซึ่งกำหนดเป็นสวัสดิการไว้ชัดเจนแยกจากฐานเงินเดือนปกติ ถือเป็นสวัสดิการไม่ใช่ค่าจ้าง article
ละเมิดข้อตกลงสภาพการจ้าง ละเมิดสัญญาจ้าง มีอายุความ 10 ปี มิใช่ 1 ปี article
พฤติกรรมการจ้างที่ถือว่าเป็นการจ้างแรงงาน ถือเป็นลูกจ้าง / นายจ้างตามกฎหมาย article
พนักงานขายรถยนต์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ประจำบูธ ตามที่ได้รับมอบหมาย ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
เลือกตั้งคณะกรรมการสหภาพฯ ขัดต่อข้อบังคับสหภาพหรือขัดต่อกฎหมาย ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบ article
ฝ่าฝืนสัญญาจ้าง กรณีห้ามทำการแข่งขันกับนายจ้างหรือทำธุรกิจคล้ายคลึงกับนายจ้างเป็นเวลา 2 ปี นับจากสิ้นสุดสัญญาต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้าง article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระบุให้นายจ้างเลิกจ้างเพราะเหตุคนล้นงาน ปรับลด ขนาดองค์กรได้ ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเลิกจ้างลูกจ้างได้ article
ข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีตัดสิทธิ์รับเงินสมทบพร้อมผลประโยชน์หากกระทำผิดถูกปลดออกจากงานบังคับใช้ได้ article
ทะเลาะวิวาทกัน นอกเวลางาน นอกบริเวณบริษัทฯ ไม่ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนไม่ไปตรวจสารเสพติดซ้ำตามคำสั่งและนโยบาย ถือว่าฝ่าฝืน ข้อบังคับ หรือ ระเบียบ กรณีร้ายแรง article
วันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วน article
เป็นลูกจ้างที่มีอำนาจกระทำการแทนนายจ้างในการจ้างงาน ไม่มีสิทธิได้รับค่าทำงานในวันหยุด และลักทรัพย์เอาต้นไม้ของนายจ้างไป ถือว่ากระทำผิดอาญาแก่นายจ้าง เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ผลการทำงานดีมาโดยตลอดและไม่เคยกระทำผิดมาก่อน แต่ปีสุดท้ายผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่ถือเป็นเหตุที่จะอ้างในการเลิกจ้าง article
ได้รับบาดเจ็บรายการเดียว เข้ารักษา 2 ครั้ง ถือว่าเป็นการรักษารายการเดียว นายจ้างสำรองจ่ายเพิ่มเติมไม่เกิน 50,000 บาท ไม่ใช่ 200,000 บาท article
ผู้บริหารบริษัท ฯ ถือเป็นลูกจ้างหรือไม่ ดูจาก_________ ? article
ขับรถออกนอกเส้นทาง แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรงและก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้าง นายจ้างหักเงินประกันการทำงานได้ article
ค่าจ้างระหว่างพักงาน เมื่อข้อเท็จจริง ลูกจ้างกระทำความผิดจริง จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างระหว่างพักงาน article
“ นายจ้าง ” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 5 article
สัญญารักษาความลับ ข้อมูลทางการค้า (ห้ามประกอบหรือรับปฏิบัติงานแข่งขันนายจ้าง) มีกำหนด 2 ปี บังคับใช้ได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย และการกำหนดค่าเสียหาย ถือเป็นเบี้ยปรับตามกฎหมาย ศาลปรับลดได้ตามสมควร article
เงินรางวัลการขายประจำเดือน จ่ายตามเป้าหมายการขาย ที่กำหนดไว้ ไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่าโทรศัพท์ เหมาจ่าย ถือเป็นค่าจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ 3 วันทำการ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เลิกจ้างเป็นธรรมไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ลาออกมีผลใช้บังคับแล้ว ออกหนังสือเลิกจ้างภายหลังใช้บังคับไม่ได้ article
ตกลงรับเงิน ไม่ติดใจฟ้องร้องอีกถือเป็นการตกลงประนีประนอมกันบังคับได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย
เลิกจ้างระหว่างทดลองงาน ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ข้อตกลงว่า “หากเกิดข้อพิพาทตามสัญญาจ้างแรงงาน ให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย” ไม่เกี่ยวกับสิทธิตามกฎหมายแรงงาน เมื่อเกิดสิทธิตามกฎหมาย ฟ้องศาลแรงงานได้ โดยไม่ต้องให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย article
เลิกจ้างด้วยเหตุอื่น อันมิใช่ความผิดเดิมที่เคยตักเตือน ไม่ใช่เหตุที่จะไม่จ่ายค่าชดเชย เลิกจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย article
นำรถยนต์ไปใช้ในกิจธุระส่วนตัว มีพฤติกรรมคดโกง ไม่ซื่อตรง พฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ไม่น่าไว้วางใจ ลงโทษปลดออกจากการทำงานได้ article
การกระทำที่กระทบต่อเกียรติ ชื่อเสียงของนายจ้าง และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แม้กระทำนอกสถานที่ทำงานและนอกเวลางาน ก็ถือว่า ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรง article
สัญญาค้ำประกันการทำงานไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ต้องรับผิดชอบตลอดไป article
ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเลิกจ้างได้ ถือว่าเลิกจ้างเป็นธรรมและความผิดที่ลงโทษแล้วจะนำมาลงโทษอีกไม่ได้ article
ผิดสัญญาจ้างไปทำงานกับคู่แข่ง นายจ้างฟ้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาได้ แต่ค่าเสียหาย เป็นดุลพินิจของศาลจะกำหนด article
จงใจกระทำผิดโดยผิดกฎหมายเป็นเหตุให้นายจ้างเสียหาย ถือว่า กระทำละเมิดต่อนายจ้าง ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น article
ตกลงสละสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย ภายหลังเลิกจ้าง ใช้บังคับได้ ไม่เป็นโมฆะ article
ก้าวร้าวไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ามิใช่ค่าจ้าง คิดดอกเบี้ยในอัตรา 7. 5 ต่อปี article
ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของนายจ้างในเรื่องส่วนตัวเป็นประจำ ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่กาปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต เลิกจ้างเป็นธรรม article
สั่งให้พนักงานขับรถ ขับรถออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้มีส่วนในการขับรถ ถือว่าผิดต่อสัญญาจ้าง แต่ไม่ต้องรับผิดอันมีผลโดยตรงจากมูลละเมิด ( ขับรถโดยประมาท ) article
จ่ายของสมนาคุณให้ลูกค้า โดยไม่ตรวจสอบบิลให้ถูกต้อง มิใช่ความผิดกรณีร้ายแรงไม่ใช่การทุจริตต่อหน้าที่ แต่ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เสร็จลุล่วงไปโดยถูกต้อง และสุจริต เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ฟ้องประเด็นละเมิด กระทำผิดสัญญาจ้าง ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง มีอายุความ 10 ปี article
ตกลงยินยอมให้หักค่าจ้างชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ นายจ้างสามารถหักค่าจ้างได้ตามหนังสือยินยอมโดยไม่ต้องฟ้อง article
กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างและประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง article
“ งานโครงการตามมาตรา 118 วรรค 4 ” บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ว่าจ้างลูกจ้างทำงานตามโครงการที่รับเหมา ถือว่าจ้างงานในปกติธุรกิจของนายจ้าง มิใช่งานโครงการ article
เงินโบนัสต้องมีสภาพการเป็นพนักงานจนถึงวันกำหนดจ่าย ออกก่อนไม่มีสิทธิได้รับ article
ระเบียบกำหนดจ่ายเงินพิเศษ ( gratuity ) เนื่องจากเกษียณอายุ โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายแตกต่างจากการจ่ายค่าเชย ถือว่านายจ้างยังไม่ได้จ่ายค่าชดเยตามกฎหมาย article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.

บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด

เลขที่ 511/4 ถนนประชาอุทิศ 117/1 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร (10140)

โทร/Tel : 02 - 8159522, แฟกซ์/Fax : 02 - 8159523, มือถือ/Mobile : 081 - 7936156

อีเมล/E-mail : sawai.prm@gmail.com, เว็บไซต์/Web : www.parameelaw.com