กรณีการเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับการส่งกลับแรงงานกัมพูชาที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และนโยบายการบริหารจัดการแรงงานต่างชาติของไทย
ตามที่สื่อมวลชนหลายสำนักได้เผยแพร่ข่าวทหารไทยทำการกวาดล้างจับกุมแรงงานผิดกฎหมายชาวกัมพูชา รวมถึงการผลักดันส่งแรงงานกัมพูชากลับเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีรายงานข่าวการ ทุบตี ทำร้ายร่างกาย และทำลายเอกสารเดินทางของแรงงานกัมพูชาที่เข้าเมืองทั้งถูกและผิดกฎหมาย ในช่วงภายหลังจากการประกาศกฎอัยการศึก และการควบคุมอำนาจการปกครองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗
เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๗ นายเสข วรรณเมธี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศให้สัมภาษณ์ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือ และยังไม่สามารถสืบหาแหล่งที่มาของข่าวนั้นได้ และข่าวลือดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกให้แก่แรงงานกัมพูชาและผู้ประกอบการชาวไทย จนทำให้มีแรงงานกัมพูชาที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจำนวนมากสมัครใจเข้ารายงานตัวต่อทางการไทย สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้วจึงร่วมกับกองกำลังบูรพาจัดหายานพาหนะส่งแรงงานเหล่านั้นกลับกัมพูชา การดำเนินการของทั้งสองหน่วยงานดังกล่าวจึงเป็นการอำนวยความสะดวกเท่านั้น มิใช่การผลักดันแรงงานกัมพูชากลับแต่อย่างใด
ทั้งนี้ หน่วยราชการของไทยได้ระบุจากการสอบถามแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาที่กลับประเทศเป็นจำนวนมากในช่วงนี้ว่ามีสาเหตุ ๔ ประการคือ ๑) แรงงานที่กลับไปทำนาในช่วงต้นฤดูเพาะปลูก ๒) แรงงานที่ครบสัญญาจ้าง ๔ ปีจึงต้องกลับประเทศของตน ๓) แรงงานที่กลับประเทศเพราะข่าวลือว่ามีการจับกุมและเนรเทศแรงงานผิดกฏหมายของทางการไทยจำนวนมาก ๔) ญาติของแรงงาน ผิดกฏหมายเหล่านั้นกังวลกับเหตุข่าวลือ จึงขอให้แรงงานเหล่านั้นเดินทางกลับประเทศ
หน่วยงานไทยตระหนักดีถึงความสำคัญของแรงงานประเทศเพื่อนบ้านต่อการขับ เคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จึงต้องการให้มีการบริหารจัดการที่เป็นระบบและบูรณาการมากขึ้น รวมทั้งขจัดการแสวงหาผลประโยชน์จากการนำเข้าแรงงานผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันปัญหาการเอารัดเอาเปรียบแรงงานและการค้ามนุษย์
เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกรณ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าว ซึ่งยืนยันว่า การดำเนินการตามนโยบายของหัวหน้าคณะรักษาควาสงบแห่งชาติ เพื่อให้มีการบริหารจัดการเรื่องแรงงานต่างด้าวเป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล มีมนุษยธรรม และมีความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งจะดำเนินนโยบายของกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพ ทำงานเหมือนเป็นหนึ่งเดียวและใช้หลักการเดียวกัน
ในระยะแรกประเทศไทยจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเรื่องการบังคับใช้แรงงานบังคับ แรงงานเด็ก หรือกิจกรรมใดๆ ที่นำไปสู่การค้ามนุษย์ อย่างจริงจัง ไทยจะบังคับใช้กฏหมายและระเบียบต่างๆ ให้เคร่งครัดเพื่อควบคุมและจับกุมกิจกรรมผิดกฏหมายเหล่านั้นให้เป็นไปตามหลักสากล ทั้งนี้ไทยกำลังพิจารณากำหนดมาตรการที่เหมาะสม เป็นธรรมในระยะต่อไป โดยจะทยอยออกมา ในการนี้ ระหว่างที่ทางราชการกำลังพิจารณามาตรการที่เหมาะสมอยู่ ขอให้ผู้ประกอบการทั้งหลายได้ควบคุมดูแลคนต่างด้าวที่เป็นแรงงานให้อยู่ในระเบียบเรียบร้อยและเป็นไปตามความเหมาะสม สำหรับเรื่องคดีต่างๆ หรือการทุจริต ผู้เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ นายหน้าต่างๆ จะถูกดำเนินการอย่างจริงจัง และคดีต่างๆ ที่ยังคงค้างอยู่ก็จะได้รับการสะสางอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ไทยเน้นย้ำว่ามาตรการในภาพใหญ่ของการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวจะค่อยๆ ออกมา การออกมานี้ก็จะต้องเป็นไปตามหลักสากลและมนุษยธรรม และเป็นเรื่องที่ไม่น่าตกใจ มาตรการในการจัดการแรงงานต่างด้าวจะเป็นเหตุเป็นผล ตามความเป็นจริงและเหมาะสมกับการดำเนินชีวิต ประจำวัน ที่สำคัญคือ เป็นผลดีต่อประเทศชาติ ระบบเศรษฐกิจ ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการและแรงงานทั้งหลาย ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่เสถียรภาพของประเทศชาติและการพัฒนาในระยะยาว
