การยุติข้อพิพาทแรงงาน
การนัดหยุดงานที่ 2 บริษัท สยามมิชลิน จํากัด แหลมฉบัง ชลบุรี การนัดหยุดงานของสหภาพแรงงาน มิชลินประเทศไทย นับแต่ 13 มีนาคม 2557 ยุติแล้ว เมื่อ 30 เมษายน 2557 โดยความพยายามอยางต่อเนื่องของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สหภาพเป็นผู้เริ่มต้นยื่นข้อเรียกร้องในเดือนธันวาคม 2556 ให้นายจ้างจ่ายโบนัส 4.7 เดือน บวกเพิ่มคนละ 40,000 บาท ค่าเช่าบ้านเดือนละ 2,700 บาท พร้อมปรับเพิ่มเบี้ยขยันและขอเงินสนับสนุนกิจกรรมของสหภาพแรงงานมิชลินประเทศไทย ฯลฯ มิชลินประกาศจะให้โบนัสผลงานปี 2556 จํานวน 3.3 เดือน ให้สภาพการจ้างต่างๆ ยกเว้นอัตราโบนัสมี ระยะเวลา 3 ปี เพื่อไม่ต้องมีการเรียกร้อง/เจรจาทุกๆ ปี ขณะที่สหภาพแรงงานยืนยันข้อตกลงต้องมีระยะเพียง 1 ปี เพื่อมีการเจรจาปรับปรุงให้ดีขึ้นทุกปี การนัดหยุดงานโดยสมาชิกสหภาพแรงงานเกือบหนึ่งพันคน ทําให้ผู้ร่วมหยุดงานไม่ได้รับค่าจ้างตลอดเวลา 7 สัปดาห์ เมื่อนับรวมกับการทํางานล่วงเวลาที่เคยได้รับ แต่ละคนเสียรายได้ไปคนละประมาณ 30,000 บาท จึงต่างดีใจที่ข้อพิพาทยุติลง และจะได้ทยอยกลับเข้าทํางานหลังการรายงานตัว วันที่ 2 พฤษภาคม 2557 สมาชิกสหภาพแรงงานหลายแห่งในนิคมแหลมฉบังมีการบริจาคเงินช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการนัดหยุดงาน และการเดินทางไปชุมนุมที่กระทรวงแรงงาน เพื่อผลักดันให้รัฐบาลใช้มาตรา 35 เข้าระงับข้อพิพาท ข้อตกลงที่เกิดขึ้น คือ โบนัส 3.3 เดือน ตามท่ี่นายจ้างประกาศให้ต้้งแต่เดือนธันวาคม พร้อมบวกเพิ่มพิเศษให้ 2,400 บาท ค่าเช่าบ้านเดือนละ 600 บาท, 700 บาท และ 800 บาท ในปี 2557-2559 เพิ่มขึ้นตามช่วงเวลาแห่งข้อตกลง (สหภาพแรงงานเรียกไปเดือนละ 2,700 บาท) ข้อตกลงมีผลใช้บังคับ 2 ปี 4 เดือน กระบวนการคัดกรองผู้นัดหยุดงานกลับเข้าทํางาน อาจใช้เวลานับเดือนเช่นเดียวกับที่เคยเป็นปัญหาในช่วงเวลาแห่งข้อพิพาทในอดีต เนื่องจากมีการรับคนงานอื่นเข้าทํางานแทนแล้วจํานวนหนึ่ง นายจ้างอาจจ่ายคาจ้างให้ โดยกำาหนดให้ลูกจ้างบางส่วนอยูนอกโรงงานก็ได้ สหภาพแรงงานจึงต้องสรุปบทเรียนครัั้งนี้อย่างรอบคอบ ไม่ใช้ฟังเสียงปลุกระดมจากภายนอกว่า “ขอเพียงได้ได้ร่วมสู้ ก็ถือว่าชนะแล้ว”
บริษัทสแตนเล่ย์เวิคส์ล๊อคเอ๊าท์จนแกนนําสร.สแตนเลย์ประเทศไทยถอนข้อเรียกร้อง
สหภาพแรงงานสแตนเล่ย์ประเทศไทย จดทะเบียนเมื่อ 5 ส.ค. 2547 เมื่อข้อตกลงสภาพการจ้างอายุ 2 ปี (28 ต.ค.54 - 27 ต.ค.56) ใกล้หมดอายุ จึงยื่นข้อเรียกร้อง เมื่อ 24 ก.ย. 56 ฝ่ายบริหารยื่นข้อเรียกร้องต่อสหภาพแรงงาน เมื่อ 1 ต.ค.56 สหภาพแรงงานสแตนเล่ย์ประเทศไทยปฏิเสธการเจรจาข้อเรียกร้องของนายจ้าง นายจ้างดําเนินการให้ตัวแทนสหภาพแรงงานสแตนเล่ย์เวิคส์ลงนามในข้อตกลงใหม่ ลงวันที่ 1 ต.ค.56 และเปิ ดโอกาสให้พนักงานทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานเก่าหรือไม่ ลงนามยอมรับ ผู้ไม่ยอมรับเงื่อนไขในข้อตกลงใหม่ ถูกปิดงานตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.56 จํานวน 44 คน ชุมนุมประท้วงบริเวณหน้าโรงงาน โดยมีผู้แทนสหภาพแรงงานอื่นๆ เข้าร่วมชุมนุม และสนับสนุนอาหารและคาใช้จ่าย เมื่อไม่สามารถเอาชนะฝ่ายบริหารได้ จึงไปแจ้งพนักงานประนอมข้อพิพาท เมื่่อ 23 ม.ค.57 ขอถอนข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานสแตนเล่ย์ประเทศไทย ฉบับลงวันที่ 24 กนยายน 2556 ยอมรับสภาพการจ้างตามเงื่อนไขข้อตกลง ที่บริษัทจัดทําขึ้น ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2556 และขอกลับเข้าทํางาน แต่บริษัทมีเงื่อนไขว่าจะเปิดให้เข้าทํางานต่อเมื่อพนักงานที่ถูกล๊อคเอ๊าท์ 44 คน ต้องลงนามยอมรับเงื่อนไข 17 ข้อของนายจ้างก่อน ลูกจ้างปฏิเสธเพราะเห็นวา่ไม่ใช่สภาพการจ้าง ระหว่างที่มีข้อพิพาทและปิดงานไม่ให้แกนนําสหภาพแรงงานสแตนเล่ย์ประเทศไทย จํานวน 44 คน เข้าทํางาน ผู้ถูกปิดงาน ได้ยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ เมื่อ 16 ธ.ค.56 ว่า นายจ้างกระทําการละเมิด พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 121 (1), (2), (3), (4) และมาตรา 122 (1) ขอให้ครส.ชี่ขาดและมีคําสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าเสียหายเท่ากับค่าจ้างที่ได้รับในอัตราสุดท้ายก่อนถูกปิดงาน จนกว่าจะได้เข้าทํางานและสิทธิประโยชน์อื่นๆ เสมือนมิได้ถูกปิดงาน พร้อมดอกเบี้ย 7.5% คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ได้วินิจฉัยว่า ทั้งสองฝ่ายได้ใช้สิทธิยื่นข้อเรียกร้องต่อคน และดําเนินการ ตามขั้นตอนของกฎหมาย นายจ้างมิได้กระทําการใดๆ ที่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายที่กล่าวอ้าง จึงมีคําสั่งที่ 464 - 507/2557 ยกคําร้องของแกนนําสหภาพแรงงานสแตนเล่ย์ประเทศไทยทั้ง 44 คน สหภาพแรงงานสแตนเล่ย์ประเทศไทย จึงคงเหลือแคทะเบียนสหภาพแรงงานเท่านั้น มีสหภาพแรงงาน สแตนเล่ย์เวิคส์เป็นตัวแทนพนักงาน 400 คนต่อไป ข้อพิพาทถือวายังไม่ยุติ นายจ้างยังไม่รับกลับเข้าทํางาน ยังไม่มีการจ่ายค่าชดเชย เพราะยังไม่มีการเลิกจ้าง หากเลิกจ้างอาจเกิดประเด็นข้อกฎหมายให้ฟ้องร้องได้ การชุมนุมให้กำลังใจและสนับสนุนทุนทรัพย์จากสหภาพแรงงานอื่นๆ ขอให้สู้ๆ ที่ว่า “ขอให้ได้สู้ ก็ถือว่าชนะแล้ว” จึงไม่เป็นจริงเสมอไป