คำพิพากษาฎีกา ที่ 5463 / 2555
ลาพักผ่อนประจำปี นายจ้างไม่อนุมัติหยุดงานไปถือว่าขาดงานละทิ้งหน้าที่ และการลงโทษด้วยการตัดคะแนนตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานและเลิกจ้าง ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2532 จำเลยจ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างทำหน้าที่วิศวกร สุดท้ายทำหน้าที่ผู้จัดการส่วนตรวจสอบความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม ได้รับค่าจ้างเดือนละ 54,232 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 25 ของเดือน ต่อมาวันที่ 13 กันยายน 2547 จำเลยเลิกจ้างโจทก์อ้างเหตุว่าโจทก์ถูกตัดคะแนนทางวินัยในรอบปี 2547 รวมกัน 80 คะแนน แต่การถูกตัดคะแนนทางวินัยของโจทก์ครั้งที่ 3 จำนวน 40 คะแนน โจทก์ไม่ได้กระทำความผิดตามที่จำเลยกล่าวอ้าง ในรอบปี 2547 โจทก์จึงถูกตัดคะแนนทางวินัยไม่ถึง 80 คะแนน การเลิกจ้างโจทก์ของจำเลยเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขาดรายได้ประจำ และต้องใช้เวลาอีกนานในการหางานใหม่ โจทก์ขอคิดค่าเสียหายเป็นเงิน 900,000 บาท นอกจากนี้จำเลยยังไม่ออกหนังสือสำคัญแสดงการทำงานให้แก่โจทก์ ขอให้จำเลยชำระค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมจำนวน 900,000 บาท กับให้จำเลยออกหนังสือสำคัญแสดงการทำงานแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์ละทิ้งหน้าที่ไปเมื่อวันที่ 5, 8, 9, 21, 27, 28 เมษายน 2547 และวันที่ 4, 10, 11 พฤษภาคม 2547 อันเป็นการประพฤติตนไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่และฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย โจทก์จึงถูกตัดคะแนนทางวินัย จำนวน 40 คะแนน เมื่อนำมารวมกับที่โจทก์เคยถูกตัดคะแนนทางวินัยมาก่อน โจทก์ถูกตัดคะแนนทางวินัย 80 คะแนน จำเลยเลิกจ้างโจทก์ได้ตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย นอกจากเหตุดังกล่าวโจทก์ยังได้รับหนังสือตักเตือนเกี่ยวกับการทำงานหลายครั้งแต่โจทก์ไม่ปรับปรุงพฤติกรรมการทำงานให้ดีขึ้น ทั้งไม่เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา จำเลยไม่อาจไว้วางใจให้โจทก์ปฏิบัติงานต่อไปได้ การเลิกจ้างโจทก์ของจำเลยชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่า เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2532 จำเลยจ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้าง ทำหน้าที่วิศวกร สุดท้ายทำหน้าที่ผู้จัดการส่วนตรวจสอบความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม ได้รับค่าจ้างเดือนละ 54,232 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 25 ของเดือน ต่อมาวันที่ 13 กันยายน 2547 จำเลยเลิกจ้างโจทก์ อ้างเหตุว่าโจทก์ถูกตัดคะแนนทางวินัยในรอบปี 2547 รวมกัน 80 คะแนนตามเอกสารหมาย ล.19 ก่อนจำเลยเลิกจ้างโจทก์ จำเลยตักเตือนโจทก์เป็นลายลักษณ์อักษรในเรื่องต่างๆ รวม 2 ครั้ง และโจทก์ถูกตัดคะแนนทางวินัยในรอบปี 2547 มาแล้ว 40 คะแนน ตามเอกสารหมาย ล.7 - ล.10 โจทก์ได้รับค่าชดเชยกับเงินอื่นๆ ตามกฎหมายจากจำเลยแล้วตามเอกสารหมาย ล.20 สำหรับการตัดคะแนนทางวินัยโจทก์ครั้งที่ 3 จำนวน 40 คะแนน นั้น โจทก์มิได้ลงลายมือชื่อเข้าปฏิบัติงานในวันที่ 5, 8, 9, 21, 27, 28 เมษายน 2547 และวันที่ 4, 10, 11 พฤษภาคม 2547 ที่โจทก์อ้างเหตุผลว่าโจทก์มาปฏิบัติงานแต่มิได้ลงลายมือชื่อรับฟังไม่ได้ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์ขาดงานและละทิ้งหน้าที่ จำเลยจึงตัดคะแนนทางวินัยโจทก์ครั้งที่ 3 จำนวน 40 คะแนน เมื่อนำมารวมกับที่โจทก์เคยถูกตัดคะแนนทางวินัยในรอบปี 2547 มาแล้ว โจทก์ถูกตัดคะแนนทางวินัย 80 คะแนน จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์โดยอาศัยคำสั่งของจำเลยที่ พส.06/2541 เรื่อง วินัยและโทษทางวินัยเอกสารหมาย ล.18 ข้อที่ 2.4 เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ด้วยเหตุดังกล่าวย่อมเป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุอันสมควร มิใช่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับผิดได้ แม้วันที่ 8 และ 9 เมษายน 2547 โจทก์ไม่ได้ไปทำงาน เพราะโจทก์ยื่นใบลาหยุดพักผ่อนประจำปีไว้ แต่โจทก์หยุดงานไปโดยไม่รอให้ผู้บังคับบัญชาอนุมัติใบลาก่อน เมื่อผู้บังคับบัญชาของโจทก์ไม่อนุมัติใบลา ย่อมถือได้ว่าโจทก์ขาดงานไป ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งของจำเลยที่ พส.03/2541 เรื่อง การลาและการขาดงานเอกสารหมาย ล.6 ข้อที่ 9.1 ส่วนการลาในวันที่ 10 และ 11 พฤษภาคม 2547 ซึ่งโจทก์ขอลาป่วยตามแบบฟอร์มใบลาเอกสารหมาย จ.11 นั้น แม้ใบลาดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาของโจทก์แล้วก็หาทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไปไม่ จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้อง
ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า การลงโทษตัดคะแนนทางวินัยในครั้งที่ 1 จำนวน 20 คะแนน ตามเอกสารหมาย จ.1 หรือ ล.10 และในครั้งที่ 2 จำนวน 20 คะแนน ตามเอกสารหมาย ล.9 ไม่ถูกต้อง เพราะการลงโทษตัดคะแนนทางวินัยในครั้งที่ 1 ไม่ร้ายแรงพอที่จะตัดคะแนนได้จะต้องตักเตือนก่อน และหากจะตัดคะแนนก็ตัดได้ไม่เกิน 10 คะแนน ทั้งเป็นการกระทำความผิดเมื่อวันที่ 15 และ 16 ตุลาคม 2546 แม้จะมีคำสั่งลงโทษตัดคะแนนเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2547 ก็จะนำมารวมกับคะแนนที่ตัดสำหรับการกระทำความผิดในปี 2547 ไม่ได้ ส่วนการลงโทษตัดคะแนนทางวินัยในครั้งที่ 2 ก็เป็นการกระทำความผิดครั้งแรกในปี 2547 ซึ่งจะต้องตักเตือนก่อนความผิดมีโทษตัดคะแนนทางวินัยไม่ถึง 10 คะแนน คะแนนที่ถูกตัดในรอบปี 2547 จึงไม่ถึง 80 คะแนน นั้น เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า การตัดคะแนนทางวินัยของโจทก์ครั้งที่ 3 จำนวน 40 คะแนน โจทก์ไม่ได้กระทำความผิด ในรอบปี 2547 โจทก์จึงถูกตัดคะแนนทางวินัยไม่ถึง 80 คะแนน มิได้ฟ้องว่าการตัดคะแนนทางวินัยของโจทก์ในครั้งที่ 1และ ครั้งที่ 2 ในรอบปี 2547 ไม่ถูกต้อง อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลแรงงานกลาง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
สำหรับการตัดคะแนนทางวินัยของโจทก์ในครั้งที่ 3 จำนวน 40 คะแนน นั้น ในส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์ไม่จำต้องตอกบัตรหรือลงลายมือชื่อเข้าทำงานการที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ลงลายมือชื่อเข้าปฏิบัติงานในวันที่ 5, 8, 9, 21, 27, 28 เมษายน 2547 และวันที่ 4 พฤษภาคม 2547 เป็นการขาดงานและละทิ้งหน้าที่ไม่ถูกต้อง โจทก์ไม่เคยขาดงานหรือไม่มาทำงาน โจทก์มิได้กระทำความผิดดังที่จำเลยอ้างนั้น อุทธรณ์ของโจทก์ในส่วนนี้เป็นอุทธรณ์โต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางรับฟังมาว่าโจทก์ขาดงานและละทิ้งหน้าที่ เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่าการที่โจทก์ไม่มาทำงานในวันที่ 8 และ 9 เมษายน 2547 โจทก์ยื่นใบลาตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2547 แต่จำเลยมีคำสั่งไม่อนุมัติในวันที่ 8 เมษายน ไม่ตรงกับวันที่โจทก์ยื่นใบลาจำเลยจะอ้างว่าไม่อนุมัติการลาในวันที่ 8 และ 9 เมษายน 2547 ไม่ได้ การที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ขาดงานและลงโทษตัดคะแนนทางวินัยโจทก์รวม 80 คะแนน และเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมนั้น เห็นว่า คำสั่งของจำเลย ที่ พส.03/2541 เรื่อง การลาและการขาดงานเอกสารหมาย ล.6 ข้อที่ 9.1 ให้ความหมายของการขาดงานไว้ (ก) ว่า หมายถึงพนักงานซึ่งไม่ได้มาปฏิบัติงานในวันทำงานตามปกติของตนยกเว้นกรณีที่ได้รับอนุมัติใบลาแล้ว เมื่อจำเลยไม่อนุมัติใบลาของโจทก์ จึงต้องถือว่าโจทก์ขาดงานไปในวันที่ 8 และ 9 เมษายน 2547 ยิ่งไปกว่านั้น การตัดคะแนนทางวินัยในครั้งที่ 3 จำนวน 40 คะแนน ตามเอกสารหมาย ล.1 ก็เป็นการตัดคะแนนสำหรับการไม่ปฏิบัติงานถึง 9 วันรวมกัน หาใช่เพียงวันที่ 8 และ 9 เมษายน 2547 ที่โจทก์อ้างว่ายื่นใบลาก่อนแล้วไม่ เมื่อตามคำสั่งของจำเลยที่ พส.06/2541 เรื่อง วินัยและโทษทางวินัยเอกสารหมาย ล.18 ข้อ 2.2 ระบุบทลงโทษทางวินัยไว้ว่า ความผิดฐานละทิ้งหน้าที่ ขาดงานในครั้งที่ 3 ตัดคะแนน 40 คะแนนหรือออก และข้อ 2.4 ระบุโทษปลดออกไว้ว่า กระทำต่อเมื่อพนักงานได้กระทำผิดวินัยที่ยังไม่ถึงขั้นไล่ออกหรือถูกตัดคะแนนทางวินัยสะสมรวมกันถึง 80 คะแนน หรือมากกว่านั้นขึ้นไปในปีปฏิทินนั้น การที่จำเลยลงโทษตัดคะแนนในครั้งที่ 3 จำนวน 40 คะแนน รวมกับการลงโทษตัดคะแนนในครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ครั้งละ 20 คะแนน รวมเป็นคะแนนที่ถูกตัด 80 คะแนน แล้วมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์ตามใบแจ้งการเลิกจ้างเอกสารหมาย ล.19 จึงเป็นการเลิกจ้างตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย มิใช่การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.