ReadyPlanet.com
dot dot
dot
ชมรมบริหารงานบุคคล
dot
bulletสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย
bulletชมรมบริหารงานบุคคล
bulletชมรมบริหารงานบุคคล อยุธยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลรังสิต
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคล อมตะนคร
bulletสมาคมการบริหารงานบุคคล (PAAs)
bulletชมรมบริหารงานบุคคลบางพลี
bulletชมรมนักบริหารงานบุคคลพัทยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลยุคใหม่
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคลจังหวัดราชบุรี
bulletงานบริหารงานบุคคล
bulletชมรมงานบริหารงานบุคคลกรุงเทพฯ
bulletชมรมบริหารงานบุคลสุขสวัสดิ์
dot
ติดต่อราชการศาล
dot
bulletศาลแรงงานกลาง
bulletศาลแรงงานภาค ๒
bulletศาลยุติธรรม
bulletศาลปกครอง
bulletศาลรัฐธรมนูญ
bulletสำนักงานอัยการสูงสุด
bulletกระทรวงยุติธรรม
bulletคณะกรรมการกฤษฎีกา
bulletกรมบังคับคดี
bulletสภาทนายความ
dot
หน่วยงานราชการสำคัญ
dot
bulletกระทรวงแรงงาน
bulletกรมการจัดหางาน
bulletกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
bulletกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
bulletสำนักงานประกันสังคม
bulletกรมสรรพากร
bulletกรมบัญชีกลาง
bulletกรมพัฒนาธุรกิจกาค้า
bulletกระทรวงอุตสาหกรรม
bulletกรมโรงงานอุตสาหกรรม
bulletกรมส่งเสริมอุตสาหรม
bulletการนิคมอุตสาหกรรม
dot
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน
dot
bulletสมบัติลีกัล
bulletเอกเซลสำหรับงาน HR โดย อ.สำเริง
bulletบทความดี ๆ จากโกป้อม
dot
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
dot
dot
Newsletter

dot


พยากรณ์อากาศวันนี้
..................................


ราคาน้ำมันวันนี้
..................................



การโอนย้ายพนักงานไปทำงานกับนายจ้างใหม่ บังคับตาม ปพพ. มาตรา 577 แตกต่างจากการเปลี่ยนแปลงนายจ้างใหม่ ซึ่งบังคับตาม พรบ. คุ้มครองแรงงาน มาตรา 13 เมื่อลูกจ้างยินยอมโอนย้ายไป ถือว่าตกลงยินยอมปฏิบัติตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือสภาพการจ้างของนา article

 คำพิพากษาฎีกา ที่ 14033 / 2555

การโอนย้ายพนักงานไปทำงานกับนายจ้างใหม่  บังคับตาม  ปพพ.  มาตรา  577  แตกต่างจากการเปลี่ยนแปลงนายจ้างใหม่  ซึ่งบังคับตาม  พรบ.  คุ้มครองแรงงาน  มาตรา  13  เมื่อลูกจ้างยินยอมโอนย้ายไป  ถือว่าตกลงยินยอมปฏิบัติตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือสภาพการจ้างของนายจ้างใหม่และเบี้ยเลี้ยง  ที่ตกลงจ่ายเพื่อทดแทนรายได้เดิมที่เคยได้รับโดยจ่ายประจำ  เป็นจำนวนเงินแน่นอน  พร้อมการจ่ายเงินเดือน  ถือเป็นค่าจ้าง

                                โจทก์ฟ้องว่า    จำเลยที่  1  และที่  2  เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด  เดิมจำเลยที่  2  ชื่อบริษัทสราญชัย  จำกัด  ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทสุราบางยี่ขัน  จำกัด  เมื่อวันที่  19  ตุลาคม  2542  โจทก์เริ่มเข้าทำงานครั้งแรกเมื่อปี  2526  โดยสังกัดและรับเงินเดือนในนามกลุ่มบริษัทสุราทิพย์อโยธยา  จำกัด  ต่อมาโจทก์ได้โอนย้ายสังกัดบริษัทและเงินเดือนหลายครั้ง  ในปี  2535  โจทก์ถูกโอนย้ายมาสังกัดศูนย์การตลาดโดยอยู่ในสังกัดบริษัทและรับเงินเดือนจากจำเลยที่  1  ในตำแหน่งผู้จัดการจังหวัดในเดือนเมษายน  2541  จำเลยที่  1  ย้ายโจทก์ไปทำหน้าที่ดูแลการผลิตและการเก็บสินค้า  (สุรา)  ของบริษัทในเครือทั้งหมด  โดยให้ไปสังกัดและรับเงินเดือนจากบริษัทมงคลสมัย  จำกัด  บริษัทนทีชัย  จำกัด  และครั้งสุดท้ายในปี  2545  โจทก์สังกัดและรับเงินเดือนจากจำเลยที่  2  ในตำแหน่งผู้จัดการภาค  1  มีอัตราเงินเดือนสุดท้ายเดือนละ  100,500  บาท  และเงินเบี้ยเลี้ยงในอัตราที่แน่นอนอีกเดือนละ  50,000  บาท  การโอนย้ายโจทก์ตั้งแต่ปี  2535  เปลี่ยนแปลงเฉพาะสังกัดบริษัทเท่านั้น  ในส่วนอายุงานและเงินเดือนคงเดิมทุกประการ  ในเดือนธันวาคม  2545  จำเลยที่  2  มีหนังสือเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุที่โจทก์มีอายุครบเกษียณอายุตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน  แต่โจทก์เห็นว่าการเลิกจ้างโจทก์ของจำเลยทั้งสองเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมกล่าวคือ  ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยที่  1  ฉบับปี  2537  หมวด  9  ข้อ  9.3  ที่กำหนดให้พนักงานเกษียณอายุเมื่อ  65  ปีบริบูรณ์  ถือเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างซึ่งมีผลใช้บังคับกับโจทก์แล้ว  การที่จำเลยที่  1  โอนย้ายโจทก์ไปสังกัดบริษัทจำเลยที่  2  ซึ่งมีการกำหนดข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานขึ้นใหม่เพื่อให้โจทก์เสียสิทธิทั้งการโอนย้ายโจทก์ไปทำงานให้จำเลยที่  2  ก็ไม่มีข้อตกลงยกเว้นสิทธิเกี่ยวกับการเกษียณอายุจาก  65  ปี  มาเป็น  60  ปี  ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยที่  2  จึงไม่อาจนำมาใช้บังคับกับโจทก์ได้  การที่จำเลยทั้งสองเลิกจ้างโจทก์เมื่ออายุ  60  ปี  เป็นการเลือกปฏิบัติเพราะพนักงานของจำเลยทั้งสองบางคนที่มีอายุครบ  60  ปีบริบูรณ์  จำเลยทั้งสองก็ยังไม่ได้เลิกจ้างและให้ทำงานต่อไป  การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกลั่นแกล้งและเลือกปฏิบัติต่อโจทก์  ทำให้โจทก์เสียโอกาสในการประกอบอาชีพและขาดรายได้เป็นเวลา  5  ปี  โจทก์ไม่สามารถเริ่มทำงานใหม่ได้  ทำให้ครอบครัวโจทก์ได้รับความเดือดร้อน  นอกจากนี้จากที่จำเลยที่  2  จ่ายค่าชดเชยเมื่อเลิกจ้างให้แก่โจทก์เป็นจำนวน  10  เท่า  ของเงินเดือน  100,500  บาท  เป็นเงิน  1,005,000  บาท  เป็นจำนวนที่ไม่ถูกต้อง  เนื่องจากจำเลยที่  2  มิได้นำเบี้ยเลี้ยงมาเป็นฐานในการคำนวณค่าชดเชยด้วย  จำเลยที่  2  จึงต้องจ่ายค่าชดเชยส่วนที่ยังขาดจำนวน  500,000  บาท  และจำเลยทั้งสองต้องร่วมกันจ่ายเงินค่าขาดรายได้จากการทำงาน  5  ปี  จำนวน  9,030,000  บาท  ค่าขาดรายได้จากเงินโบนัสประจำปี  รวม  5  ปี  จำนวน  1,505,000  บาท  ค่าเสียหายเพราะถูกให้ออกจากงาน  จำนวน  3,000,000บาท  ขอให้บังคับจำเลยที่  2  ชำระค่าชดเชยจำนวน  500,000  บาท  และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายจำนวน  13,535,000  บาท  พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปี  นับแต่วันเลิกจ้าง  (1  มกราคม  2546)  เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์

 
 

                                จำเลยทั้งสองให้การว่า  จำเลยทั้งสองมอบอำนาจให้นางสาววรนุช  ทองไพบูลย์  เป็นผู้ดำเนินคดีแทน  เมื่อระหว่างปี  2524 - วันที่  31  ธันวาคม  2542  จำเลยจัดตั้งกลุ่มบริษัทใช้ชื่อว่าเครือบริษัทสุรา  ที.ซี.ซี.  ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนแปลงชื่อกลุ่มหรือจัดตั้งบริษัทใหม่ตามความเหมาะสมทางการค้า  เช่น  กลุ่มบริษัทสุราทิพย์  กลุ่มบริษัทแสงโสม  กลุ่มบริษัทสุราบางยี่ขัน  เป็นต้น  โดยกลุ่มบริษัทดังกล่าวมีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกำหนดให้พนักงานที่มีอายุครบ  60  ปี  ต้องเกษียณอายุโดยได้รับค่าชดเชยตามกฎหมาย  โจทก์เข้าทำงานกับจำเลยตั้งแต่วันที่  16  พฤศจิกายน  2526  เป็นต้นมา  ขณะนั้นจำเลยใช้ชื่อกลุ่มว่าเครือบริษัทสุรา  ที.ซี.ซี.  ระหว่างทำงานจำเลยได้ให้โจทก์หมุนเวียนไปปฏิบัติงานทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดโดยนิติบุคคลในต่างจังหวัดนั้นๆ  จะมีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานแยกต่างหาก  การโอนย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ในที่ต่างๆ  มีการออกเป็นคำสั่งให้พนักงานลงชื่อรับทราบตามแบบฟอร์มของบริษัทและถือว่ายินยอมปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยทุกครั้ง  โดยโจทก์จะได้รับการนับอายุงานต่อเนื่องเท่านั้น  เมื่อวันที่  22  สิงหาคม  2531  กลุ่มบริษัทจำเลยได้ประกาศใช้ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานคือระเบียบว่าด้วยการปฏิบัติงาน  พ.ศ.2531  และเมื่อวันที่  6  กุมภาพันธ์  2535  จำเลยได้ประกาศใช้ข้อบังคับกลุ่มบริษัทสุราทิพย์ว่าด้วยการทำงาน  และต่อมาเมื่อวันที่  27  ธันวาคม  2542  จำเลยประกาศใช้ข้อบังคับกลุ่มบริษัท  43  ซึ่งข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานทั้งสามฉบับกำหนดให้พนักงานที่มีอายุครบ  60  ปีบริบูรณ์เกษียณอายุโจทก์เป็นพนักงานระดับบริหารจึงต้องปฏิบัติตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานนั้นด้วยและไม่เคยโต้แย้งคัดค้านการกำหนดเกษียณอายุแต่ประการใด  การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อครบเกษียณอายุ  60  ปี  จึงไม่ใช่การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม  เงินเบี้ยเลี้ยงที่จำเลยจ่ายให้แก่โจทก์ในแต่ละเดือนมิใช่เงินที่จ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานปกติมีลักษณะเป็นสวัสดิ -  การ  จึงไม่ต้องนำมาคำนวณค่าชดเชย  จำเลยได้บอกกล่าวล่วงหน้าและจ่ายค่าชดเชยพร้อมจ่ายเงินพิเศษให้เฉพาะโจทก์เป็นเงิน  1,000,000 บาท  แล้วโจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหายใดๆ  จำเลยไม่มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินตามฟ้องโจทก์  ขอให้ยกฟ้อง

 
 

                                ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า  โจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทสุราทิพย์อโยธยา  จำกัด  เมื่อวันที่  16  พฤศจิกายน  2526  ในตำแหน่งผู้จัดการจังหวัดเครือบริษัทสุรา  ที.ซี.ซี.  โดยโจทก์ได้ถูกโอนย้ายไปทำงานกับบริษัทในเครือสุรา  ที.ซี.ซี.  เรื่อยมา  จนกระทั่งได้มาทำงานกับบริษัทอยุธยาเมืองเก่า  จำกัด  (จำเลยที่  1)  ครั้งแรกเมื่อระหว่างวันที่  1  กรกฎาคม  2534 - วันที่  15  สิงหาคม  2536  ในตำแหน่งผู้จัดการเขต  หลังจากนั้นโจทก์ยังคงถูกโอนย้ายไปทำงานกับบริษัทในเครือและปรับเปลี่ยนตำแหน่งการทำงานโจทก์อีกหลายครั้ง  โดยเมื่อวันที่  1  พฤศจิกายน  2541  โจทก์ถูกโอนย้ายไปทำงานให้กับกลุ่มบริษัท  43  ซึ่งกลุ่มบริษัทดังกล่าวนั้นไม่มีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลต่างหาก  แต่เป็นการรวมกลุ่มระหว่างบริษัทหลายบริษัท  ต่อมาครั้งสุดท้ายโจทก์ถูกโอนย้ายไปทำงานกับบริษัทสุราบางยี่ขัน  จำกัด  (จำเลยที่  2)  เมื่อวันที่  1  มกราคม  2545  ในตำแหน่งรองผู้อวยการฝ่ายการตลาด  (ภาค  1)  ได้รับเงินเดือนๆละ  100,500  บาท  โจทก์ถูกเลิกจ้างเมื่อวันที่  31  ธันวาคม  2545  ในขณะเป็นลูกจ้างของจำเลยที่  2  เพราะเหตุที่โจทก์มีอายุครบ  60  ปีบริบูรณ์  นอกจากโจทก์จะได้รับเงินเดือนแล้ว  โจทก์ยังคงได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงซึ่งจำเลยที่  2  ได้จ่ายให้กับโจทก์พร้อมกับเงินเดือนเป็นจำนวนเท่ากันทุกเดือนๆละ  50,000  บาท  มีกำหนดจ่ายเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงให้แก่โจทก์ทุกวันสิ้นเดือน  โดยวิธีการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารให้แก่โจทก์การดำเนินกิจการของจำเลยทั้งสองมีชื่อกลุ่มบริษัทในเครือว่า  เครือบริษัทสุรา  ที.ซี.ซี.  กลุ่มบริษัทสุราทิพย์  และกลุ่มบริษัท  43  โดยเครือบริษัทสุรา  ที.ซี.ซี.  มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานซึ่งประกาศใช้บังคับตั้งแต่วันที่  22  สิงหาคม  2531  ในข้อ  37  กำหนดให้พนักงานเกษียณอายุเมื่ออายุครบ  60  ปีบริบูรณ์  และต้องพ้นสภาพจากการเป็นพนักงาน  ณ  วันสิ้นปีที่ครบเกษียณอายุ  ส่วนกลุ่มบริษัทสุราทิพย์มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานซึ่งประกาศใช้บังคับตั้งแต่วันที่  6  กุมภาพันธ์  2535  ในข้อ  36  กำหนดให้พนักงานเกษียณอายุเมื่ออายุครบ  60  ปีบริบูรณ์  และต้องพ้นสภาพจากการเป็นพนักงาน  ณ  วันสิ้นเดือนที่ครบเกษียณอายุ  เว้นแต่พนักงานระดับผู้บริหารที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการกลุ่มบริษัท  ให้อยู่ในตำแหน่งได้ตามวาระที่คณะกรรมการกลุ่มบริษัทกำหนด  กลุ่มบริษัท  43  หมายความรวมถึงบริษัทสุราบางยี่ขัน  จำกัด  หรือจำเลยที่  2  ด้วย  ตามที่ปรากฏในข้อ  5  บริษัทอยุธยาเมืองเก่า  จำกัด  หรือจำเลยที่  1  เป็นบริษัทในเครือของบริษัทกรุงเทพโกสินทร์  จำกัด  ซึ่งมีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่ประกาศใช้บังคับตั้งแต่วันที่  1  มิถุนายน  2537  ในข้อ  9.3  กำหนดให้พนักงานชายและหญิงที่อายุครบ  65  ปีบริบูรณ์  ให้เกษียณอายุวันที่  31  ธันวาคม  ของปีที่ครบเกษียณอายุถือว่าพ้นสภาพจากการเป็นพนักงาน  ภายหลังจำเลยที่  2  เลิกจ้างโจทก์เนื่องจากโจทก์เกษียณอายุเมื่ออายุครบ  60  ปีบริบูรณ์  จำเลยที่  2  ได้จ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์  โดยมิได้นำเงินเบี้ยเลี้ยงที่จ่ายให้แก่โจทก์ในอัตราเดือนละ  50,000  บาท  มาเป็นฐานในการคำนวณ  และโจทก์ยังได้รับเงินพิเศษอีกจำนวน  1,000,000  บาท  ซึ่งโจทก์ได้รับเงินดังกล่าวไปจากจำเลยที่  2  แล้ว  และวินิจฉัยว่าเบี้ยเลี้ยงมิใช่ลักษณะการจ่ายให้เป็นสวัสดิการจึงเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างที่ต้องนำมาเป็นฐานในการคำนวณค่าชดเชยให้แก่โจทก์  การโอนย้ายโจทก์แต่ละครั้งจะมีการแจ้งให้ทราบว่าโจทก์ถูกโอนย้ายไปทำงานในสังกัดบริษัทใด  ได้รับเงินเดือนอัตราใดและได้รับการนับอายุงานต่อเนื่อง  แต่มิได้มีข้อตกลงใดๆ  เกี่ยวกับเรื่องกำหนดการเกษียณอายุของพนักงานไว้เป็นประการอื่น  เมื่อวันที่โจทก์ถูกเลิกจ้าง  โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยที่  2  จึงต้องตกอยู่ในบังคับของข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยที่  2  ที่กำหนดให้พนักงานเกษียณอายุเมื่ออายุครบ  60  ปีบริบูรณ์  จำเลยที่  2  เลิกจ้างโจทก์เพราะเกษียณอายุการทำงานจึงมิใช่การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมแต่จำเลยที่  2  ต้องจ่ายค่าชดเชยส่วนที่ยังขาดให้แก่โจทก์  ส่วนจำเลยที่  1  เป็นนิติบุคคลต่างหากจากจำเลยที่  2  โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยที่  1  ร่วมเป็นนายจ้างและเลิกจ้างโจทก์ด้วยแต่ประการใด  โจทก์จึงไม่อาจเรียกร้องให้จำเลยที่  1  จ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ได้  พิพากษาให้จำเลยที่  2  จ่ายค่าชดเชยจำนวน  500,000  บาท  พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปี  นับจากวันที่เลิกจ้าง  (วันที่  1  มกราคม  2546)  เป็นต้นไปจนกว่าชำระให้แก่โจทก์เสร็จสิ้น  คำขออื่นให้ยก  และให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่  1

 
 
                                โจทก์และจำเลยที่  2  อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
 

 

                                ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว  ศาลแรงงานกลาง  ฟังข้อเท็จจริงว่า  แม้ก่อนที่โจทก์จะเข้าทำงานเป็นลูกจ้างจำเลยที่  2  โจทก์ได้ทำงานให้แก่บริษัทต่างๆ  อันเป็นบริษัทในเครือที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องกัน  ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่ให้พนักงานเกษียณอายุเมื่อมีอายุครบ  65  ปี  บริบูรณ์  จึงมีผลผูกพันจำเลยที่  1  กับโจทก์ในระหว่างโจทก์ทำงานเป็นลูกจ้างของจำเลยที่  1  การที่โจทก์ถูกโอนย้ายมาทำงานให้แก่กลุ่มบริษัท  43  นับแต่วันที่  1  พฤศจิกายน  2541  เรื่อยมาจนกระทั่งมาทำงานเป็นลูกจ้างจำเลยที่  2  ในปี  2545  โดยโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคัดค้านใดๆ  จึงถือได้ว่าโจทก์ตกลงโดยปริยายที่จะอยู่ภายใต้ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของกลุ่มบริษัท  43  อันรวมถึงจำเลยที่  2  ที่ให้พนักงานเกษียณอายุเมื่อมีอายุครบ  60  ปี  บริบูรณ์ด้วย  การที่โจทก์ปฏิเสธว่าไม่เคยรับทราบข้อกำหนดในข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเรื่องการเกษียณอายุเป็นเพียงคำกล่าวอ้างลอยๆ  ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง  ในวันที่โจทก์ถูกเลิกจ้างข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยที่  1  ที่กำหนดให้พนักงานเกษียณอายุเมื่อ  65  ปีบริบูรณ์ไม่มีผลใช้บังคับกับโจทก์แล้ว  และโดยส่วนใหญ่เมื่อพนักงานของจำเลยที่  2  มีอายุ  60  ปีบริบูรณ์  จำเลยที่  2  ก็จะเลิกจ้างตามหลักเกณฑ์การจ้างงานที่กำหนดไว้ในข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน  การที่จำเลยที่  2  จะต่ออายุการทำงานให้แก่พนักงานคนใดเป็นอำนาจบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรของนายจ้างที่นายจ้างสามารถจะพิจารณาและกระทำได้  เมื่อไม่ปรากฏว่าการที่จำเลยที่  2  เลิกจ้างโจทก์เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์การเลิกจ้างซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับเกี่ยวกับทำงาน  จึงเป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุอันสมควรมิใช่การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม  ดังนั้น  ที่โจทก์อุทธรณ์อ้างว่า  การที่จำเลยที่  1  โอนย้ายโจทก์มาทำงานกับจำเลยที่  2  นั้น  โจทก์ไม่เคยรับทราบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยที่ 2  และไม่มีข้อตกลงยกเว้นสิทธิเกี่ยวกับเรื่องการเกษียณอายุ  แสดงว่าจำเลยที่  2  ยอมรับให้โจทก์เกษียณอายุเมื่อ  65  ปี  ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยที่  1  อีกทั้งการต่ออายุการทำงานให้พนักงานของจำเลยที่  2  ไม่มีหลักเกณฑ์หรือระเบียบ  แต่เป็นความพึงพอใจที่ไม่เกี่ยวกับอำนาจบริหารจัดการองค์กร  จึงเป็นการเลือกปฏิบัติและกลั่นแกล้งโจทก์  เห็นว่า  อุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวล้วนเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางเกี่ยวกับเรื่องการบังคับใช้ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเรื่องการเกษียณอายุของพนักงานของจำเลยที่  2  เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน  พ.ศ.2522  มาตรา  54  วรรคหนึ่ง  ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย  ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า  การที่จำเลยที่  2  รับโอนโจทก์มาจากจำเลยที่  1  จำเลยที่  2  ย่อมต้องรับมาซึ่งสิทธิและหน้าที่ที่จำเลยที่  1  มีต่อโจทก์  ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ.2541  มาตรา  13  เห็นว่า  พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ.2541  มาตรา  13  ใช้กับกรณีมีการเปลี่ยนแปลงตัวนายจ้าง  จึงมีผลให้นายจ้างใหม่ต้องรับสิทธิและหน้าที่อันเกี่ยวกับลูกจ้างที่มีอยู่กับนายจ้างเดิมทุกประการ  แต่หากเป็นการโอนสิทธิความเป็นนายจ้างให้แก่นายจ้างใหม่นั้น  กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา  577  ซึ่งนายจ้างเดิมและนายจ้างใหม่จะทำได้เมื่อลูกจ้างยินยอม  และเมื่อลูกจ้างยินยอม  ลูกจ้างนั้นต้องปฏิบัติตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือระเบียบหรือคำสั่งของนายจ้างใหม่ด้วยเช่นกัน  ซึ่งการโอนโจทก์จากการทำงานกับจำเลยที่  1  ไปทำงานกับจำเลยที่  2  เป็นการโอนสิทธิความเป็นนายจ้างให้แก่นายจ้างใหม่  จึงเป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา  577  แม้จะเป็นเหตุให้สิทธิในการเกษียณอายุของโจทก์ลดลงก็ตาม  แต่เมื่อการโอนดังกล่าวโจทก์ยินยอม  โจทก์จึงต้องปฏิบัติตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างใหม่  โจทก์ไม่อาจอ้างสิทธิเกษียณอายุเมื่ออายุครบ  65  ปีบริบูรณ์  ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยที่  1  กับจำเลยที่  2  ซึ่งเป็นนายจ้างใหม่ได้  อุทธรณ์ข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

 

 

 

                                 มีปัญหาต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่  2  ว่า  เงินเบี้ยเลี้ยงที่จำเลยที่  2  จ่ายให้แก่โจทก์เป็นประจำทุกเดือน  เดือนละ  50,000  บาท  เป็นค่าจ้างที่จะต้องนำมาคำนวณเป็นค่าชดเชยเมื่อเลิกจ้างโจทก์หรือไม่  โดยจำเลยที่  2  อุทธรณ์ว่า  เงินเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวเป็นเงินที่จำเลยที่  2  จ่ายให้เพื่อทดแทนเงินส่วนแบ่งการขายที่โจทก์ไม่ได้รับเนื่องจากการโอนย้ายงาน  จึงเป็นเพียงเงินจูงใจมิใช่เงินที่จ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานปกติจึงมิใช่ค่าจ้างนั้น  เห็นว่า  ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า  เงินเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวเป็นเงินที่จำเลยที่  2  จ่ายให้แก่โจทก์เพื่อทดแทนการที่โจทก์ขาดรายได้จากส่วนแบ่งการขายที่โจทก์เคยได้รับอยู่เดิม  เมื่อโจทก์ย้ายจากฝ่ายขายไปอยู่ฝ่ายดูแลสินค้าจึงไม่มีสิทธิได้รับแต่จำเลยที่  2  ยังคงจ่ายให้แก่โจทก์เป็นการตอบแทนที่โจทก์ทำงานให้แก่จำเลยที่  2  ตกลงจ่ายเป็นรายเดือน  เดือนละ  50,000  บาท  เป็นประจำทุกเดือนพร้อมกับเงินเดือนจึงเป็นเงินที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันจ่ายเป็นค่าตอบแทนในการทำงานตามสัญญาจ้างสำหรับระยะเวลาทำงานปกติเป็นรายเดือน  จึงเป็นค่าจ้างตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ.2541  มาตรา  5  ที่จะต้องรวมเป็นฐานในการคำนวณอัตราค่าชดเชยที่จำเลยที่  2  ต้องจ่ายให้แก่โจทก์เมื่อเลิกจ้างตามมาตรา  118  ด้วย  และการที่จำเลยที่  2  ไม่จ่ายเงินดังกล่าวแก่โจทก์นับแต่วันเลิกจ้าง  จำเลยที่  2   จึงต้องชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ดังนั้น  ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยให้นำเงินเบี้ยเลี้ยงมารวมคำนวณเป็นค่าชดเชยที่จำเลยที่  2  ต้องจ่ายให้แก่โจทก์  จึงยังมีส่วนที่ขาดอีก  500,000  บาท  พร้อมดอกเบี้ยตามจำนวนที่โจทก์ขอในท้ายคำฟ้อง  จึงชอบแล้ว  อุทธรณ์จำเลยที่  2  ฟังไม่ขึ้น
 
 
                                พิพากษายืน.

 




อัพเดท ฎีกาน่าสนใจ

ขึ้นทะเบียนรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเกิน ๓๐ วัน ยังมีสิทธิได้รับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานได้ article
ลักษณะความผิดเดียวกัน แต่ระดับความร้ายแรงแตกต่างกัน นายจ้างพิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ผู้จัดการสาขา เสนอรายชื่อลูกค้าที่ขาดคุณสมบัติทำประกันชีวิต ถือว่าจงใจทำให้นายจ้างเสียหาย / ผิดร้ายแรง article
หยุดกิจการชั่วคราวตาม มาตรา ๗๕ article
สัญญาจ้างเป็นสัญญาต่างตอบแทน นายจ้างออกค่าใช้จ่ายในการเข้าทดสอบเพื่อรับเกียรติบัตร เมื่อทดสอบผ่านต้องทำงานกับนายจ้าง ๕ ปี บังคับใช้ได้ article
ศาลแรงงานกลางมีอำนาจสั่งรับพยานเอกสารได้ แม้ไม่ได้ส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายก็ตาม article
ประกอบธุรกิจแข่งขัน / ไปทำงานกับนายจ้างอื่น ในลักษณะผิดต่อสัญญาจ้าง เมื่อลูกจ้างได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้างตามสัญญาแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะบังคับ / ห้ามทำงานตามเงื่อนไขในสัญญาจ้างอีกต่อไป article
คดีแรงงานเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้คดีอาญายกฟ้อง แต่พฤติกรรมการกระทำผิด เป็นเหตุให้นายจ้างไม่อาจไว้วางใจในการทำงานได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
เลิกจ้างเนื่องจากปรับโครงสร้างองค์กร แต่กำหนดรายชื่อไว้ล่วงหน้า ถือเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม article
การหักลบกลบหนี้ หนี้อันเกิดจากสัญญาจ้าง กรณีลูกจ้างกระทำผิดกับสิทธิประโยชน์ที่มีสิทธิได้รับตามสัญญาจ้าง ถือเป็นมูลหนี้อันเป็นวัตถุอย่างเดียวกันหักลบกลบหนี้กันได้ article
เล่นการพนันฉลากกินรวบ เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กรณีร้ายแรง article
กรณีไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจแข่งขันหรือไม่ถือว่าทำงานกับนายจ้างใหม่ในลักษณะธุรกิจเดียวกับนายจ้าง article
สัญญาฝึกอบรม นายจ้างกำหนดเบี้ยปรับได้ เป็นสัญญาที่เป็นธรรม article
ค้ำประกันการทำงาน หลักประกันการทำงาน การหักลบกลบหนี้ค่าเสียหายจากการทำงาน article
ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์แต่ตนเอง เรียกรับเงินจากลูกค้า ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ article
ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา มาทำงานสายประจำ ถือว่า กระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สหภาพแรงงานทำบันทักข้อตกลงเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างกับนายจ้าง อันส่งผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ของสมาชิก ขัดกับข้อตกลงเดิมและมิได้ขอมติที่ประชุมใหญ่ ข้อตกลงดังกล่าวไม่อาจใช้บังคับได้ article
ขอเกษียณอายุก่อนกำหนดตามประกาศ ถือเป็นการสมัครใจเลิกสัญญาจ้างแรงงานต่อกัน มิใช่การเลิกจ้างหรือการเกษียณอายุ จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยตามระเบียบกรณีเกษียณอายุ article
สถาบันวิจัยอันเป็นส่วนหนึ่งของกิจการมหาวิทยาลัยถือเป็นหน่วยงานของรัฐ ได้รับยกเว้น ไม่อยู่ภายใต้บังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา ๔ (๑) article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จากการเลิกจ้างมีอายุความฟ้องร้องได้ภายใน ๑๐ ปี article
ทะเลาะวิวาทเรื่องส่วนตัวไม่ส่งผลกระทบต่อการบังคับบัญชา ไม่เป็นความผิด กรณีร้ายแรง ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ article
พี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกัน มิใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ และเงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต ตามพระราชบัญญัติ ประกันสังคม มาตรา ๗๓ และมาตรา ๗๗ article
ขับรถเร็วเกินกว่าข้อบังคับกำหนด เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนคำสั่งโยกย้าย เลิกจ้างได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ประกาศใช้ระเบียบใหม่ ไม่ปรากฏว่ามีพนักงานโต้แย้งคัดค้าน ถือว่าทุกคนยินยอมปฏิบัติตามระเบียบ article
เงินค่าตอบแทนพิเศษกับเงินโบนัส มีเงื่อนไขต่างกัน หลักเกณฑ์การจ่ายต่างกัน จึงต้องพิจารณาต่างกัน article
ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินกองทุนเงินทดแทน article
ค่ารถแทนรถยนต์ประจำตำแหน่ง ไม่ถือเป็นค่าจ้าง และ ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมให้ถือตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่กำหนดไว้ article
เจรจาให้ลาออก ลูกจ้างไม่ตกลง ขอเวลาตัดสินใจและหยุดงานไป นายจ้างแจ้งให้กลับเข้าทำงานตามปกติ ถือว่านายจ้างยังไม่มีเจตนาเลิกจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ แอบนอนหลับในเวลาทำงาน ถือเป็นเหตุในการเลิกจ้างได้ เลิกจ้างเป็นธรรม article
ลาออกโดยไม่สุจริต ไม่มีผลใช้บังคับ article
ทำความผิดคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน พิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ประกอบธุรกิจ บริการ ด่าลูกค้าด้วยถ้อยคำหยาบคาย " ควาย " ถือเป็นการกระทำความผิดกรณีร้ายแรง article
ข้อบังคับ ระบุให้ผู้บังคับบัญชาเหนือกว่ามีอำนาจแก้ไข เพิ่มโทษ หรือลดโทษได้ การยกเลิกคำสั่งลงโทษเดิมและให้ลงโทษใหม่หนักกว่าเดิมจึงสามารถทำได้ article
เลือกปฏิบัติในการลงโทษระเบียบการห้ามใส่ตุ้มหูมาทำงาน บังคับใช้ได้ แต่เลือกปฏิบัติในการลงโทษไม่ได้ article
ลงโทษพักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างและเตือนในคราวเดียวกันได้ ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน article
จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย article
ข้อตกลงรับเงินและยินยอมปลดหนี้ให้แก่กัน ถือเป็นการตกลงระงับข้อพิพาทแม้จะทำขึ้นก่อนคำสั่งเลิกจ้างมีผลใช้บังคับ article
ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่คู่ความอ้างส่งศาลได้ แม้มิได้ระบุบัญชีพยานไว้ก็ตาม article
สัญญาจ้างห้ามลูกจ้างไปทำงานกับนายจ้างใหม่ที่ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกันมีกำหนดเวลา บังคับใช้ได้ article
เลิกจ้างและรับเงินค่าชดเชย ใบรับเงิน ระบุขอสละสิทธิ์เรียกร้องเงินอื่นใดใช้บังคับได้ ลูกจ้างไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องสินจ้างและค่าเสียหายได้อีก article
เกษียณอายุ 60 ปี ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยนับแต่วันครบกำหนดเกษียณอายุ แม้นายจ้างไม่ได้บอกเลิกจ้างก็ตาม article
ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและเพิกเฉยไม่ดูแลผลประโยชน์ของนายจ้าง เป็นเหตุให้นายจ้างไม่ไว้วางใจในการทำงานได้เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ละเลยต่อหน้าที่ ไม่รายงานเคพีไอ นายจ้างตักเตือนแล้ว ถือว่าผิดซ้ำคำเตือน เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ทำสัญญาจ้างต่างด้าวทำงานในอาชีพต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว สัญญาจ้างถือเป็นโมฆะ article
ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง article
ศาลมีคำสั่งให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาตามหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน ในขณะที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ยุติ ต้องสืบพยานใหม่และพิพากษาใหม่ไปตามรูปคดี article
แม้สัญญาจ้างไม่ได้ระบุระยะเวลาทดลองงานไว้ แต่นายจ้างก็สามารถประเมินผลการทำงานของลูกจ้างได้ article
การควบรวมกิจการ สิทธิและหน้าที่โอนไปเป็นของบริษัทใหม่ การจ่ายเงินสมทบบริษัทใหม่ที่ควบรวมจึงมีสิทธิจ่ายเงินสมทบในอัตราเดิมตามสิทธิ มิใช่ในอัตราบริษัทตั้งใหม่ article
เลิกจ้างรับเงินค่าชดเชยแล้วตกลงสละสิทธิ์จะไม่เรียกร้องผละประโยชน์ใดๆ ถือว่าสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเป็นอันระงับไป article
รับเหมาก่อสร้าง ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบ จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแทนผู้รับเหมาช่วง หากผู้รับเหมาช่วงไม่นำส่งเงินสมทบตามกฎหมายโดยคำนวณจากอัตราค่าจ้างที่ระบุตามแบบ ( ภ.ง.ด. 50 ) และบัญชีงบดุล article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานระบุห้ามทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายร่างกาย ผู้บังคับบัญชา เพื่อนพนักงาน ทั้งในสถานที่ทำงาน หรือสถานที่อื่นๆ ฝ่าฝืนถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง ใช้บังคับได้ไม่ขัดต่อกฎหมาย article
ไส้ติ่งอักเสบ แพทย์วินิจฉัยให้ผ่าตัด ถือเป็นกรณีฉุกเฉิน เบิกค่ารักษาได้ มีสิทธิรับเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ได้ article
ค่าเช่าที่พัก ค่าใช้จ่ายเดินทางเป็นสวัสดิการไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่ารถยนต์ซึ่งกำหนดเป็นสวัสดิการไว้ชัดเจนแยกจากฐานเงินเดือนปกติ ถือเป็นสวัสดิการไม่ใช่ค่าจ้าง article
ละเมิดข้อตกลงสภาพการจ้าง ละเมิดสัญญาจ้าง มีอายุความ 10 ปี มิใช่ 1 ปี article
พฤติกรรมการจ้างที่ถือว่าเป็นการจ้างแรงงาน ถือเป็นลูกจ้าง / นายจ้างตามกฎหมาย article
พนักงานขายรถยนต์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ประจำบูธ ตามที่ได้รับมอบหมาย ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
เลือกตั้งคณะกรรมการสหภาพฯ ขัดต่อข้อบังคับสหภาพหรือขัดต่อกฎหมาย ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบ article
ฝ่าฝืนสัญญาจ้าง กรณีห้ามทำการแข่งขันกับนายจ้างหรือทำธุรกิจคล้ายคลึงกับนายจ้างเป็นเวลา 2 ปี นับจากสิ้นสุดสัญญาต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้าง article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระบุให้นายจ้างเลิกจ้างเพราะเหตุคนล้นงาน ปรับลด ขนาดองค์กรได้ ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเลิกจ้างลูกจ้างได้ article
ข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีตัดสิทธิ์รับเงินสมทบพร้อมผลประโยชน์หากกระทำผิดถูกปลดออกจากงานบังคับใช้ได้ article
ทะเลาะวิวาทกัน นอกเวลางาน นอกบริเวณบริษัทฯ ไม่ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนไม่ไปตรวจสารเสพติดซ้ำตามคำสั่งและนโยบาย ถือว่าฝ่าฝืน ข้อบังคับ หรือ ระเบียบ กรณีร้ายแรง article
วันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วน article
เป็นลูกจ้างที่มีอำนาจกระทำการแทนนายจ้างในการจ้างงาน ไม่มีสิทธิได้รับค่าทำงานในวันหยุด และลักทรัพย์เอาต้นไม้ของนายจ้างไป ถือว่ากระทำผิดอาญาแก่นายจ้าง เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ผลการทำงานดีมาโดยตลอดและไม่เคยกระทำผิดมาก่อน แต่ปีสุดท้ายผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่ถือเป็นเหตุที่จะอ้างในการเลิกจ้าง article
ได้รับบาดเจ็บรายการเดียว เข้ารักษา 2 ครั้ง ถือว่าเป็นการรักษารายการเดียว นายจ้างสำรองจ่ายเพิ่มเติมไม่เกิน 50,000 บาท ไม่ใช่ 200,000 บาท article
ผู้บริหารบริษัท ฯ ถือเป็นลูกจ้างหรือไม่ ดูจาก_________ ? article
ขับรถออกนอกเส้นทาง แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรงและก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้าง นายจ้างหักเงินประกันการทำงานได้ article
ค่าจ้างระหว่างพักงาน เมื่อข้อเท็จจริง ลูกจ้างกระทำความผิดจริง จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างระหว่างพักงาน article
“ นายจ้าง ” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 5 article
สัญญารักษาความลับ ข้อมูลทางการค้า (ห้ามประกอบหรือรับปฏิบัติงานแข่งขันนายจ้าง) มีกำหนด 2 ปี บังคับใช้ได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย และการกำหนดค่าเสียหาย ถือเป็นเบี้ยปรับตามกฎหมาย ศาลปรับลดได้ตามสมควร article
เงินรางวัลการขายประจำเดือน จ่ายตามเป้าหมายการขาย ที่กำหนดไว้ ไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่าโทรศัพท์ เหมาจ่าย ถือเป็นค่าจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ 3 วันทำการ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เลิกจ้างเป็นธรรมไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ลาออกมีผลใช้บังคับแล้ว ออกหนังสือเลิกจ้างภายหลังใช้บังคับไม่ได้ article
ตกลงรับเงิน ไม่ติดใจฟ้องร้องอีกถือเป็นการตกลงประนีประนอมกันบังคับได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย
เลิกจ้างระหว่างทดลองงาน ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ข้อตกลงว่า “หากเกิดข้อพิพาทตามสัญญาจ้างแรงงาน ให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย” ไม่เกี่ยวกับสิทธิตามกฎหมายแรงงาน เมื่อเกิดสิทธิตามกฎหมาย ฟ้องศาลแรงงานได้ โดยไม่ต้องให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย article
เลิกจ้างด้วยเหตุอื่น อันมิใช่ความผิดเดิมที่เคยตักเตือน ไม่ใช่เหตุที่จะไม่จ่ายค่าชดเชย เลิกจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย article
นำรถยนต์ไปใช้ในกิจธุระส่วนตัว มีพฤติกรรมคดโกง ไม่ซื่อตรง พฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ไม่น่าไว้วางใจ ลงโทษปลดออกจากการทำงานได้ article
การกระทำที่กระทบต่อเกียรติ ชื่อเสียงของนายจ้าง และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แม้กระทำนอกสถานที่ทำงานและนอกเวลางาน ก็ถือว่า ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรง article
สัญญาค้ำประกันการทำงานไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ต้องรับผิดชอบตลอดไป article
ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเลิกจ้างได้ ถือว่าเลิกจ้างเป็นธรรมและความผิดที่ลงโทษแล้วจะนำมาลงโทษอีกไม่ได้ article
ผิดสัญญาจ้างไปทำงานกับคู่แข่ง นายจ้างฟ้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาได้ แต่ค่าเสียหาย เป็นดุลพินิจของศาลจะกำหนด article
จงใจกระทำผิดโดยผิดกฎหมายเป็นเหตุให้นายจ้างเสียหาย ถือว่า กระทำละเมิดต่อนายจ้าง ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น article
ตกลงสละสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย ภายหลังเลิกจ้าง ใช้บังคับได้ ไม่เป็นโมฆะ article
ก้าวร้าวไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ามิใช่ค่าจ้าง คิดดอกเบี้ยในอัตรา 7. 5 ต่อปี article
ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของนายจ้างในเรื่องส่วนตัวเป็นประจำ ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่กาปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต เลิกจ้างเป็นธรรม article
สั่งให้พนักงานขับรถ ขับรถออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้มีส่วนในการขับรถ ถือว่าผิดต่อสัญญาจ้าง แต่ไม่ต้องรับผิดอันมีผลโดยตรงจากมูลละเมิด ( ขับรถโดยประมาท ) article
จ่ายของสมนาคุณให้ลูกค้า โดยไม่ตรวจสอบบิลให้ถูกต้อง มิใช่ความผิดกรณีร้ายแรงไม่ใช่การทุจริตต่อหน้าที่ แต่ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เสร็จลุล่วงไปโดยถูกต้อง และสุจริต เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ฟ้องประเด็นละเมิด กระทำผิดสัญญาจ้าง ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง มีอายุความ 10 ปี article
ตกลงยินยอมให้หักค่าจ้างชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ นายจ้างสามารถหักค่าจ้างได้ตามหนังสือยินยอมโดยไม่ต้องฟ้อง article
กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างและประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง article
“ งานโครงการตามมาตรา 118 วรรค 4 ” บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ว่าจ้างลูกจ้างทำงานตามโครงการที่รับเหมา ถือว่าจ้างงานในปกติธุรกิจของนายจ้าง มิใช่งานโครงการ article
เงินโบนัสต้องมีสภาพการเป็นพนักงานจนถึงวันกำหนดจ่าย ออกก่อนไม่มีสิทธิได้รับ article
ระเบียบกำหนดจ่ายเงินพิเศษ ( gratuity ) เนื่องจากเกษียณอายุ โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายแตกต่างจากการจ่ายค่าเชย ถือว่านายจ้างยังไม่ได้จ่ายค่าชดเยตามกฎหมาย article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.

บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด

เลขที่ 511/4 ถนนประชาอุทิศ 117/1 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร (10140)

โทร/Tel : 02 - 8159522, แฟกซ์/Fax : 02 - 8159523, มือถือ/Mobile : 081 - 7936156

อีเมล/E-mail : sawai.prm@gmail.com, เว็บไซต์/Web : www.parameelaw.com