คำพิพากษาฎีกา ที่ 15079 - / 2555
ปรับเปลี่ยนโยกย้ายตำแหน่ง ตามความเหมาะสมไม่ถือเป็นการละเมิดสัญญาจ้าง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2532 ตำแหน่งผู้จัดการประจำเขต จำเลยให้สัญญาแก่โจทก์และผู้จัดการประจำเขตทุกคนว่า (ก) ถ้าสามารถทำยอดขายจริงได้เกินแผนงานเป้าหมายจะได้ค่าตอบแทนพิเศษ (ค่าคอมมิชชั่น) 6 % ของยอดขายที่เกินแผนงานเป้าหมายทุก 2 – 3 รอบจำหน่าย (ข) ถ้ายอดขายจริงตลอดปีเกินแผนงานเป้าหมายจะได้รับรางวัลเครื่องประดับเกียรติยศและเดินทางไปทัศนศึกษาต่างประเทศ และถ้ายอดขายจริงตลอดปีเกินแผนงานเป้าหมายสูงสุด 5 อันดับแรกของประเทศจะได้รับรางวัลเสื้อสามารถ เครื่องประดับเกียรติยศ (ผู้ที่ได้อันดับ 1 ของประเทศ ภาพถ่ายจะได้รับการประดับไว้ ณ หอเกียรติยศสำนักงานใหญ่ประเทศสหรัฐอเมริกาตลอดไป และที่สำนักงานของจำเลยเป็นเวลา 1 ปี) เงินรางวัล ตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจเพื่อไปทัศนศึกษาต่างประเทศ และยังได้รับการยกย่องจากผู้บริหารทุกระดับชั้นและเพื่อนร่วมงาน (ค) รางวัลเกียรติยศแต่ละรอบจำหน่ายเมื่อสามารถทำผลงานบรรลุแผนงานเป้าหมาย เช่น สร้อยคอทองคำ เงินรางวัลและอื่นๆ ระหว่างปี 2533 - 2538 โจทก์สามารถทำยอดขายจนได้รับรางวัลต่างๆ หลายชนิด ต่อมาปี 2540 โจทก์ได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการขายส่วน "ชัยพฤกษ์" ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 48,000 บาท และปี 2541 จำเลยมีคำสั่งย้ายโจทก์ไปดำรงตำแหน่งผู้จัดการขายส่วน "ทองกวาว" มีหน้าที่ดูแลผู้จัดการประจำเขตและหัวหน้าเขต 21 เขต ครอบคลุมพื้นที่เขตภาคเหนือ 13 จังหวัด เพื่อให้โจทก์บริหารยอดขายให้เพิ่มขึ้นและแก้ปัญหาหนี้สูญให้ลดลง ซึ่งโจทก์สามารถแก้ปัญหาหนี้สูญให้ลดลงได้และสามารถทำให้สมาชิกสาวเอวอนเพิ่มขึ้น และในปี 2542 ก็เช่นกัน ด้วยผลงานดังกล่าวในปี 2541 - 2542 ทำให้โจทก์ชนะการแข่งขันจำนวนสมาชิกสาวเอวอนเพิ่มสูงสุด ชนะการแข่งขันจำนวนใบสั่งซื้อแรกระหว่างส่วน และชนะการแข่งขันใบสั่งซื้อรวมระหว่างส่วน รวมชนะการแข่งขันถึง 6 ครั้ง จนได้รับรางวัล โดยเฉพาะในปี 2542 จำเลยมีโครงการแข่งขันประจำปีระหว่างผู้จัดการขายส่วนเพื่อรับรางวัล "ผู้จัดการขายส่วนอันดับ 1 ของประเทศประจำปี 1999" และโจทก์สามารถทำงานได้ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่จำเลยกำหนดกล่าวคือ โจทก์บริหารงานจนทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นสูงกว่าเป้าหมายที่จำเลยตั้งไว้ ทำให้ได้สมาชิกสาวเอวอนเพิ่มขึ้นกว่าเป้าหมายที่จำเลยตั้งไว้ และสามารถควบคุมหนี้สูญให้อยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายที่จำเลยตั้งไว้ โจทก์จึงเป็นผู้ชนะการแข่งขันมีสิทธิได้รับรางวัลตามประกาศของจำเลย ต้นเดือนมกราคม 2543 ระหว่างที่โจทก์รอรับรางวัลจำเลยมีคำสั่งย้ายโจทก์ไปดำรงตำแหน่งผู้จัดการขายส่วน "ทานตะวัน" ครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกทั้งหมดและกรุงเทพมหานครบางส่วน ต่อมาวันที่ 28 มกราคม 2543 จำเลยโดยนายจักรพันธ์ สุทธโทธน ผู้อำนวยการฝ่ายขายจงใจกลั่นแกล้งโจทก์ โดยออกหนังสือกล่าวหาว่าโจทก์บกพร่องต่อหน้าที่และทำผิดข้อบังคับการทำงานของจำเลย และถอดถอนโจทก์ออกจากการแข่งขันระหว่างปี 2542 ของผู้จัดการขายส่วนทุกรายการ โดยมีเจตนาเพื่อไม่ให้โจทก์ได้รับรางวัล "ผู้จัดการขายส่วนอันดับ 1 ของประเทศประจำปี 1999" นอกจากนี้ วันที่ 31 มกราคม 2543 กลั่นแกล้งโจทก์โดยย้ายให้ไปดำรงตำแหน่งผู้จัดการบริการสมาชิกร้านค้า ซึ่งขณะนั้นไม่มีอยู่ในโครงสร้างตำแหน่งของจำเลย การกระทำของจำเลยเป็นการกล่าวหาโจทก์โดยปราศจากมูลความจริงและไม่ชอบด้วยข้อบังคับการทำงานของจำเลย จำเลยไม่มีอำนาจถอดถอนโจทก์ออกจากการแข่งขัน เป็นการผิดสัญญาจ้างแรงงานทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ซึ่งจำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ดังนี้ 1. ทำให้ไม่ได้โล่เกียรติยศผู้นำการขายโลกประจำปี 1999 อันเป็นเครื่องหมายแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการขายจนติดอันดับโลก ซึ่งจะทำให้โจทก์มีชื่อเสียง เกียรติยศ เกียรติคุณ ไปตลอดชีวิตการทำงาน ขอคิดค่าเสียหายเป็นเงิน 8,400,000 บาท 2. ทำให้ไม่ได้รับเครื่องประดับผู้นำการขายโลกประจำปี 1999 คิดเป็นเงิน 100,000 บาท 3. ไม่ได้รับค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินชั้นธุรกิจพร้อมผู้ติดตาม 1 คน เพื่อเดินทางไปร่วมรับรางวัลคิดเป็นเงิน 100,000 บาท 4. ค่าเสียหายที่ขาดโอกาสได้แสดงภาพถ่ายของโจทก์ที่หอเกียรติยศ ณ สำนักงานใหญ่ประเทศสหรัฐอเมริกา และที่บริษัทจำเลย คิดค่าเสียหายเป็นเงิน 6,000,000 บาท นอกจากนี้ระหว่างเดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2543 จำเลยมอบหมายให้โจทก์เป็นผู้ประสานงานด้านรับสมาชิกเอวอนตามห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ สำหรับโครงการรับสมัครสมาชิกเอวอนเป้าหมายสมาชิก 100,000 คน โดยจำเลยสัญญาว่าหากสามารถทำเป้าหมายดังกล่าวได้ ผู้มีส่วนรับผิดชอบทุกคนรวมทั้งโจทก์มีสิทธิเดินทางไปฉลองความสำเร็จที่ประเทศฟิลิปปินส์ ปรากฏว่าโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย แต่จำเลยไม่ยอมให้โจทก์ร่วมเดินทางไปกับคณะทั้งที่โจทก์ไม่มีความผิด เป็นการผิดสัญญาจ้างเกี่ยวกับการทำงานทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินประมาณ 14,000 บาท ค่าใช้จ่ายในระหว่างเดินทางและท่องเที่ยวที่ประเทศฟิลิปปินส์ไม่น้อยกว่า 50,000 บาท และค่าเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นเงิน 1,000,000 บาท รวมค่าเสียหายกรณีนี้เป็นเงิน 1,064,000 บาท และการที่จำเลยย้ายโจทก์ไปดำรงตำแหน่งผู้จัดการบริการสมาชิกร้านค้า ทำให้สิทธิของโจทก์ลดลง เช่น ถูกเรียกรถยนต์ประจำตำแหน่งคืน ไม่ได้ค่าน้ำมันรถเดือนละไม่น้อยกว่า 24,000 บาท ค่าบริการและค่าใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ไม่น้อยกว่าเดือนละ 4,600 บาท ค่าเข้าพักโรงแรมประมาณเดือนละ 14,400 บาท ค่าอาหารและค่ารับรองไม่น้อยกว่าเดือนละ 10,800 บาท ค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินภายในประเทศเดือนละประมาณ 10,900 บาท และค่าจอดรถยนต์ที่สนามบินไม่น้อยกว่าเดือนละ 2,900 บาท รวมสิทธิประโยชน์ของโจทก์ที่ลดลงไม่น้อยกว่าเดือนละ 67,600 บาท คิดตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2543 ถึงวันที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เป็นเวลา 1 ปี 1 เดือน 12 วัน เป็นเงิน 905,840 บาท และเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2544 จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม โจทก์จึงขอคิดค่าขาดประโยชน์ดังกล่าวถัดจากวันเลิกจ้างเป็นต้นไปอีก 10 ปี เป็นเงิน 8,112,000 บาท รวมค่าสูญเสียสิทธิประโยชน์เนื่องจากโจทก์ถูกย้ายตำแหน่งเป็นเงิน 9,017,840 บาท และโจทก์ได้ฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานกลางเรื่องเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมเป็นคดีหมายเลขดำที่ 1347/2545 ขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลและการกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง เกียรติยศ เกียรติคุณ ถูกดูหมิ่นดูแคลน ถูกเกลียดชังและได้รับความอับอาย ขอคิดค่าเสียหายส่วนนี้เป็นเงิน 5,000,000 บาท รวมจำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสิ้นเป็นเงิน 30,246,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยลงพิมพ์คำพิพากษาของศาลทางหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาไทยคือไทยรัฐ เดลินิวส์ และกรุงเทพธุรกิจ หนังสือพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษคือเดอะเนชั่นและบางกอกโพสต์ ฉบับละ 30 วัน ด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้กลั่นแกล้งโจทก์ในการถอดถอนจากการแข่งขันระหว่างปี 2542 เพื่อมิให้โจทก์รับรางวัล "ผู้จัดการขายส่วนอันดับ 1 ของประเทศประจำปี 1999" เนื่องจากระหว่างกลางปีและปลายปี 2542 โจทก์ได้ซื้อชุดแต่งตั้งสมาชิกเอวอนใหม่ พร้อมใบสมัครสมาชิกเอวอนจำนวนไม่น้อยกว่า 700 คน แล้วให้ผู้จัดการประจำเขตและหัวหน้าเขตผู้ใต้บังคับบัญชาของโจทก์ นำไปแต่งตั้งสมาชิกเอวอนอันเป็นเท็จจำนวนมาก โดยสมาชิกเหล่านั้นไม่ได้สมัครลงทะเบียนเป็นสมาชิกเอวอน และโจทก์สั่งให้ผู้จัดการประจำเขตและหัวหน้าเขตให้หาจัดและแต่งตั้งสมาชิกเอวอนเพิ่มขึ้นจำนวนไม่น้อยกว่า 500 คน โดยไม่มุ่งเน้นคุณภาพแต่มุ่งให้ได้สมาชิกจำนวนมากแต่อย่างเดียวเพื่อให้ชนะการแข่งขัน อันเป็นการขัดต่อระเบียบข้อกำหนดเกี่ยวกับการรับสมัครสมาชิกของจำเลย นอกจากนั้นโจทก์ยังได้สั่งให้ผู้จัดการประจำเขตและหัวหน้าเขตไปสั่งซื้อสินค้าในนามของสมาชิกเอวอนคนอื่นจำนวนหลายร้อยคน ซึ่งสมาชิกดังกล่าวกำลังจะถูกถอดถอน และมิได้รู้เห็นในการสั่งซื้อสินค้า เพื่อมิให้สมาชิกเหล่านั้นไม่ถูกถอดถอน ทำให้สมาชิกเหล่านั้นถูกนับรวมเป็นสมาชิกที่เป็นผลงานของโจทก์ในการแข่งขันเป็นการแข่งขันโดยไม่สุจริต และเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายจำเลยมีสิทธิถอดถอนโจทก์ออกจากการแข่งขัน อีกทั้งโจทก์บริหารทำยอดสมาชิกสาวเอวอนได้จำนวนไม่ถึง 11,450 คน เนื่องจากยอดที่โจทก์ได้มานั้นเป็นสมาชิกที่ไม่มีตัวตนจริงและเป็นเท็จดังกล่าว เมื่อหักออกแล้วยอดสมาชิกไม่ครบตามหลักเกณฑ์ที่จำเลยกำหนด โจทก์จึงไม่ใช่ผู้มีสิทธิได้รับรางวัล ไม่มีอำนาจฟ้องและเรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายได้ ส่วนที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการที่จำเลยย้ายโจทก์ไปเป็นผู้จัดการบริการสมาชิกร้านค้า โจทก์ไม่เสียหายเนื่องจากตำแหน่งดังกล่าวโจทก์ประจำทำงานอยู่ที่สำนักงานใหญ่ ไม่จำต้องเดินทางออกไปทำงานสนาม หากต้องเดินทางไปตามที่จำเลยมอบหมาย ก็สามารถเบิกค่าพาหนะ ค่าเข้าพักโรงแรม ค่าอาหารตามระเบียบข้อกำหนดจากจำเลยได้ มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ขาดประโยชน์หรือค่าตอบแทนตามฟ้อง และที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ไม่เป็นธรรม ขอคิดค่าขาดประโยชน์ถัดจากวันเลิกจ้างเป็นต้นไปอีก 10 ปี เป็นเรื่องเดียวกับที่โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีหมายเลขดำที่ 1347/2545 ของศาลแรงงานกลาง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1) ส่วนที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการที่ไม่ได้ร่วมเดินทางไปฉลองความสำเร็จที่ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นเรื่องที่จำเลยกำหนดให้ฝ่ายขายหากสามารถเพิ่มจำนวนสมาชิกได้ถึง 100,000 คน ภายในสิ้นปี 2543 จะส่งผู้บริหารฝ่ายขายไปเยี่ยมชมโรงงานเอวอนที่ประเทศฟิลิปปินส์โดยกำหนดว่าผู้ที่จะเดินทางได้ต้องมีตำแหน่งเป็นผู้บริหารฝ่ายขาย ระดับรองผู้จัดการขึ้นไปเท่านั้น และต้องทำหน้าที่สนับสนุน/ดูแลโครงการเพิ่มสมาชิกหรืองานที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มสมาชิก โดยต้องทำงานดังกล่าวต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2543 แต่ตำแหน่งของโจทก์ไม่เข้าเงื่อนไขของจำเลย จึงไม่มีสิทธิเดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์ การกระทำของจำเลยต่อโจทก์เป็นการกระทำโดยสุจริตและปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานไม่ได้ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียงแต่งอย่างใด ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 64,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้อง (วันที่ 19 กันยายน 2545) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นสาขาของบริษัทเอวอนโปรดักส์ อิงส์ จำกัด ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างจำเลยตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2532 ตำแหน่งผู้จัดการประจำเขต ปี 2539 ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้จัดการขายส่วน ต่อมาปี 2540 ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการขายส่วน เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2543 โจทก์ได้รับตำแหน่งผู้จัดการขายส่วนทานตะวัน ต่อมาวันที่ 31 มกราคม 2543 จำเลยย้ายโจทก์ไปเป็นผู้จัดการบริการสมาชิกร้านค้า ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จำเลยเพิ่มขึ้นใหม่จากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างฝ่ายขายโดยจำเลยกระทำแทบทุกปีแม้โจทก์จะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นคนแรก แต่ก็ไม่ได้ลดตำแหน่งหรือค่าจ้างของโจทก์ลง ต่อมาวันที่ 12 มีนาคม 2544 จำเลยเลิกจ้างโจทก์แล้ว วินิจฉัยว่า การย้ายตำแหน่งโจทก์เป็นดุลพินิจในการบริหารจัดการเกี่ยวกับองค์กรของจำเลยได้ตามที่จำเลยเห็นสมควรโดยเฉพาะโจทก์กระทำผิดกติกาในการแข่งขันเพื่อรับรางวัลการขายมาแล้วทำให้จำเลยเห็นว่าโจทก์ไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในตำแหน่งเดิม หาได้เป็นการกลั่นแกล้งย้ายโจทก์แต่อย่างใดไม่ แม้จะทำให้โจทก์ได้รับสวัสดิการน้อยลงไปกว่าตำแหน่งเดิมแต่สวัสดิการที่จำเลยจะมอบให้ก็สุดแล้วแต่จำเลยจะกำหนดให้แต่ละตำแหน่งซึ่งอาจแตกต่างกันได้ ไม่อาจรับฟังว่าเป็นการกลั่นแกล้ง และฟังไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญาจ้างแรงงานหรือละเมิดต่อโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ทำนองว่า เดิมนอกจากโจทก์ได้รับเงินเดือนแล้วโจทก์ยังมีรถยนต์ประจำตำแหน่ง การที่จำเลยย้ายโจทก์ไปดำรงตำแหน่งผู้จัดการบริการสมาชิกร้านค้าทำให้โจทก์ไม่ได้รับรถยนต์ประจำ ตำแหน่งและเลยไม่ได้ให้เงินต่างๆ อันถือว่าเป็นค่าจ้าง จึงเป็นการปรับลดค่าจ้างโดยโจทก์มิได้ตกลงยินยอมด้วยเพื่อเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ จึงเป็นละเมิดต่อโจทก์อีกกรณีหนึ่ง เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการฟังข้อเท็จจริงของศาลแรงงานกลางที่ว่าจำเลยไม่ได้กลั่นแกล้งย้ายโจทก์จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์อุทธรณ์ ข้อ 2.1 ประเด็นแรก กรณีที่ 3 ว่าการที่จำเลยไม่ให้โจทก์เดินทางไปฉลองความสำเร็จที่ประเทศฟิลิปปินส์เป็นการกลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความอับอายและเสียชื่อเสียงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย 1,000,000 บาท รวมเป็นค่าเสียหาย 1,064,000 บาท เห็นว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า การที่จำเลยไม่ให้โจทก์เดินทางไปฉลองความสำเร็จที่ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นการผิดสัญญาซึ่งจำเลยจะต้องจ่ายค่าตั๋วโดยสารเครื่องบิน 14,000 บาท ค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทางและท่องเที่ยว 50,000 บาท โจทก์ได้รับความเสียหายคิดเป็นเงิน 64,000 บาท แต่การที่เลยผิดสัญญาดังกล่าวหาทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง เกียรติยศ เกียรติคุณ หรือถูกดูหมิ่น ดูแคลน ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอายแต่อย่างใดไม่ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินตามที่โจทก์เรียกร้องในส่วนนี้ อุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการกำหนดค่าเสียหายของศาลแรงงานกลาง เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์.