ReadyPlanet.com
dot dot
dot
ชมรมบริหารงานบุคคล
dot
bulletสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย
bulletชมรมบริหารงานบุคคล
bulletชมรมบริหารงานบุคคล อยุธยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลรังสิต
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคล อมตะนคร
bulletสมาคมการบริหารงานบุคคล (PAAs)
bulletชมรมบริหารงานบุคคลบางพลี
bulletชมรมนักบริหารงานบุคคลพัทยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลยุคใหม่
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคลจังหวัดราชบุรี
bulletงานบริหารงานบุคคล
bulletชมรมงานบริหารงานบุคคลกรุงเทพฯ
bulletชมรมบริหารงานบุคลสุขสวัสดิ์
dot
ติดต่อราชการศาล
dot
bulletศาลแรงงานกลาง
bulletศาลแรงงานภาค ๒
bulletศาลยุติธรรม
bulletศาลปกครอง
bulletศาลรัฐธรมนูญ
bulletสำนักงานอัยการสูงสุด
bulletกระทรวงยุติธรรม
bulletคณะกรรมการกฤษฎีกา
bulletกรมบังคับคดี
bulletสภาทนายความ
dot
หน่วยงานราชการสำคัญ
dot
bulletกระทรวงแรงงาน
bulletกรมการจัดหางาน
bulletกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
bulletกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
bulletสำนักงานประกันสังคม
bulletกรมสรรพากร
bulletกรมบัญชีกลาง
bulletกรมพัฒนาธุรกิจกาค้า
bulletกระทรวงอุตสาหกรรม
bulletกรมโรงงานอุตสาหกรรม
bulletกรมส่งเสริมอุตสาหรม
bulletการนิคมอุตสาหกรรม
dot
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน
dot
bulletสมบัติลีกัล
bulletเอกเซลสำหรับงาน HR โดย อ.สำเริง
bulletบทความดี ๆ จากโกป้อม
dot
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
dot
dot
Newsletter

dot


พยากรณ์อากาศวันนี้
..................................


ราคาน้ำมันวันนี้
..................................



ขัดคำสั่งไม่เข้าสอบสวน มิใช่ความผิด กรณีร้ายแรงและค่าชดเชยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี article

คำพิพากษาฎีกา ที่ 3585 - / 2554

ขัดคำสั่งไม่เข้าสอบสวน  มิใช่ความผิด  กรณีร้ายแรงและค่าชดเชยคิดดอกเบี้ยร้อยละ  15  ต่อปี

                                 โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า  เมื่อวันที่  4  พฤษภาคม  2535  จำเลยที่  1  จ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นพนักงานลูกจ้าง  ครั้งสุดท้ายโจทก์ทำงานที่สาขาถนนปู่เจ้าสมิงพราย  ตำแหน่งพนักงานรับฝากถอนเงิน  ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ  15,595  บาท  และได้รับค่าครองชีพเดือนละ  2,000  บาท  รวมเป็นเงิน  17,595  บาท  ครั้นวันที่  22  พฤศจิกายน  2545  จำเลยที่  1  มีหนังสือเลิกจ้างโจทก์อ้างว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่โดยมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการทุจริตโอนเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกค้าผ่านบริการ  เอสซีบี  อีซี่  เน็ตและโอนเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกค้าผ่านบริการ  เอสซีบี  อีซี่โฟน  ทำให้จำเลยที่  1  ได้รับความเสียหายต้องชดใช้เงินคืนให้แก่ลูกค้าดังกล่าว  และโจทก์เพิกเฉยไม่ยอมไปให้ถ้อยคำในการสอบสวนต่อคณะกรรมการสอบสวนของจำเลยที่  1  ตามที่จำเลยที่  1  มีหนังสือแจ้งให้ไป  เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับของจำเลยที่  1  ว่าด้วยวินัยและการรักษาวินัย  การลงโทษและการอุทธรณ์การลงโทษของพนักงานและลูกจ้าง  พ.ศ.  2545  ข้อ 6  (1)  (2)  และ  (3)  ถือว่าเป็นการผิดวินัยพนักงานอย่างร้ายแรง  จำเลยที่  1  จึงเลิกจ้างโจทก์  โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่  6  พฤศจิกายน  2545  ข้ออ้างของจำเลยที่  1  ดังกล่าวเป็นความเท็จโดยโจทก์ไม่ได้กระทำการทุจริตตามข้อกล่าวหาส่วนเรื่องที่โจทก์ไม่ยอมไปพบคณะกรรมการสอบสวนของจำเลยที่  1  นั้นไม่เป็นความจริงกล่าวคือ  โจทก์พร้อมจะเข้าพบคณะกรรมการสอบสวนแต่คณะกรรมการดังกล่าวของจำเลยที่  1  ไม่ยอมให้โจทก์มีทนายความหรือบุคคลที่โจทก์ไว้วางใจเข้าร่วมในการสอบสวนตามที่โจทก์ขอ  โจทก์จึงไม่ไปให้ถ้อยคำในการสอบสวน  ก่อนฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่  26  ธันวาคม  2546  โจทก์เคยยื่นคำร้องต่อจำเลยที่  2  ซึ่งเป็นพนักงานตรวจแรงงานประจำสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรปราการ  เพื่อให้สอบสวนข้อเท็จจริงและมีคำสั่งให้จำเลยที่  1  ผู้เป็นนายจ้างจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยตามกฎหมาย  แต่จำเลยที่  2  สอบสวนข้อเท็จจริงแล้วมีคำสั่งที่  043/2547  ลงวันที่  24  กุมภาพันธ์  2547  ว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชย  โจทก์ไม่เห็นพ้องด้วยกับคำวินิจฉัยของจำเลยที่  2  การกระทำของจำเลยที่  1  ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายโดยจำเลยที่  1  มีหน้าที่จ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน  17,595  บาท  ค่าชดเชยตามระยะเวลาที่โจทก์ทำงานให้จำเลยที่  1  รวม  10  ปี  6  เดือน  เป็นเงิน  181,815  บาท  และจ่ายเงินสะสมที่จำเลยที่  1  หักจากค่าจ้างรายเดือนของโจทก์ทุกเดือนเพื่อเป็นเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นเงิน  216,580  บาท  รวมเป็นเงิน  415,990.62  บาท  พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ  15  ต่อปี  นับแต่วันที่  6  พฤศจิกายน  2545  อันเป็นวันเลิกจ้างถึงวันฟ้องเป็นเงิน  62,398.59  บาท  รวมเป็นเงินทั้งสิ้น  478,389.21  บาท  ขอให้บังคับจำเลยที่  1  ชดใช้เงินจำนวน  478,389.21  บาท  และชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปี  จากสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า  17,595  บาท  จากค่าชดเชย  181,815  บาท  และจากเงินสะสมเพื่อกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ  216,580.65  บาท  นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของจำเลยที่  2
 
 

                              จำเลยที่  1  ให้การว่า  ขณะที่โจทก์เป็นพนักงานของจำเลยที่  1  สาขาถนนปู่เจ้าสมิงพราย  มีลูกค้าของจำเลยที่  1  มาร้องเรียนว่าเงินในบัญชีออมทรัพย์ที่เปิดบัญชีไว้ที่สาขาบางนา - ตราด  (กม. 3.5)  ได้ถูกเบิกถอนออกไปจำเลยที่  1  จึงทำการตรวจสอบปรากฏว่าได้มีการโอนเงินออกไปโดยผ่านระบบ  เอสซีบี  อีซี่  โฟน  ซึ่งลูกค้าแจ้งว่าไม่เคยขอใช้บริการในระบบดังกล่าว  จากการตรวจสอบปรากฏว่าได้มีการปลอมลายมือชื่อของลูกค้ารายนี้  และตรวจสอบเทปบันทึกภาพ  ซี.ซี.ที.วี  (CCTV)  ปรากฏว่าโจทก์ได้เข้าไปดูตัวอย่างลายมือชื่อของลูกค้าจำนวน  10  ครั้ง  โดยดูทาง  Terminal  web  จำนวน  4  ครั้ง  และดูจาก  Internet  จำนวน  6  ครั้ง  เพื่อทำการปลอมลายมือชื่อของลูกค้าและถอนเงินจากบัญชีลูกค้าไปเข้าบัญชีที่สาขาเอกมัย  จำนวน  2,000,000  บาท  และได้มีการเบิกถอนเงินไป  อันเป็นการทุจริตต่อหน้าที่และกระทำผิดอาญาโดยเจตนาแก่จำเลยที่  1  ทำให้จำเลยที่  1  เสียหาย  จำเลยที่  1  ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม  และมีการจับกุมโจทก์  แล้วจำเลยที่  1  แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยเพื่อทำการสอบสวนการกระทำความผิดของโจทก์และนัดหมายให้โจทก์ไปให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย  แต่โจทก์ไม่ไปตามที่จำเลยที่  1  นัดหมายจำเลยที่  1  มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบเพื่อไปให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยรวม  3  ครั้ง  แต่โจทก์ไม่ไป  การกระทำของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับของจำเลยที่  1  ว่าด้วยวินัยและการรักษาวินัย  การลงโทษและการอุทธรณ์การลงโทษของพนักงานและลูกจ้าง  พ.ศ.2545  ข้อ  6  ( 1 )  ( 2 )  และ ( 3 ) ถือเป็นการกระทำผิดวินัยของพนักงานอย่างร้ายแรง  การที่จำเลยที่  1  ทำการสอบสวนพนักงานเกี่ยวกับการปฏิบัติงานนั้นเป็นเรื่องภายในของจำเลยที่  1  มิใช่ความผิดทางอาญา  จำเลยที่  1  ย่อมมีสิทธิที่จะไม่ให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งเข้าไปในสถานที่ทำงานของจำเลยที่  1  ได้  การที่จำเลยที่  1  ไม่ยินยอมให้ทนายความและนักข่าวเข้าไปในสถานที่ดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย  และการที่โจทก์ไม่ไปให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยเป็นการจงใจขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญชา  จำเลยที่  1  ย่อมมีสิทธิไล่โจทก์ออกจากการเป็นพนักงานลูกจ้างของจำเลยที่  1  ได้  จำเลยที่  1  เลิกจ้างโจทก์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ.2541  มาตรา  119  จึงไม่จำต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา  583  ให้แก่โจทก์  ส่วนเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของโจทก์นั้น  กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแยกต่างหากไม่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่  1  การที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่  1  ให้รับผิดเงินทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น  โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง  ขอให้ยกฟ้อง

 
 

                              จำเลยที่  2  ให้การว่า  คำสั่งของจำเลยที่  2  ที่  043/2547  ลงวันที่  24  กุมภาพันธ์  2547  ชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้วเนื่องจากการกระทำของโจทก์เป็นการทุจริตต่อหน้าที่และประกอบกับเมื่อจำเลยที่  1  มีหนังสือเชิญโจทก์เพื่อสอบสวนถึง  3  ครั้ง  แต่โจทก์ไม่ไปให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสอบสวนของจำเลยที่  1  เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับของจำเลยที่  1  ว่าด้วยวินัยและการรักษาวินัยการลงโทษ  และการอุทธรณ์การลงโทษของพนักงานและลูกจ้าง  พ.ศ.2545  ข้อ  6  ( 1 )  ( 2 )  และ  ( 3 )  ถือเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง  จำเลยที่  1  จึงมีสิทธิเลิกจ้างโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าและไม่จ่ายค่าชดเชย  ขอให้ยกฟ้อง

 
 

                        ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว  พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานที่  043/2547  ลงวันที่  24  กุมภาพันธ์  2547  ให้จำเลยที่  1  จ่ายค่าชดเชย  155,949  บาท  พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปี  นับแต่วันที่  6  พฤศจิกายน  2545  อันเป็นวันเลิกจ้างเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์แต่ดอกเบี้ยถึงวันที่  30  มิถุนายน  2547  (ที่ถูก  วันที่  30  มีนาคม  2547)  อันเป็นวันฟ้องต้องไม่เกินจำนวน  62,398.59  บาท  ตามที่ขอ  คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

 
 

                                โจทก์และจำเลยที่  1  อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

 
 

                                ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว  ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงว่า  โจทก์เป็นพนักงานลูกจ้างของจำเลยที่  1  ตั้งแต่วันที่  4  พฤษภาคม  2535  ครั้งสุดท้ายเป็นพนักงานธนกิจสัมพันธ์มีหน้าที่ให้รับฝากถอนเงินที่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์ประจำสาขาถนนปู่เจ้าสมิงพราย  จังหวัดสมุทรปราการ  ได้รับค่าจ้างเดือนละ  15,595  บาท  กับค่าครองชีพเดือนละ  2,000  บาท  โดยรับทุกวันที่  25  ของเดือน  เมื่อประมาณปี  2545  นายศุภชัย  ศิลปวิทยาดิลก  ลูกค้าของจำเลยที่  1  สาขาบางนา - ตราด  กม.  3.5  ร้องเรียนว่าเงินฝากในบัญชีออมทรัพย์ของตนสูญหายไปจำนวน  2,000,000  บาท  จำเลยที่  1  ดำเนินการตรวจสอบแล้วปรากฏว่ามีผู้ทำรายการเข้าดูตัวอย่างลายมือชื่อขอนายศุภชัยทางระบบคอมพิวเตอร์เมื่อวันที่  10  ,11  และวันที่  13  มิถุนายน  2545  พนักงานธนกิจสัมพันธ์อาวุโสของสาขาถนนปู่เจ้าสมิงพรายและจากเทปบันทึกภาพวีดีโอปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้เดินเข้าไปดูที่หน้าจอเครื่องคอมพิวเตอร์ตามวันเวลาดังกล่าว  ต่อมาวันที่  1  สิงหาคม  2545  จำเลยที่  1  แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่โจทก์กับพวกในข้อหาร่วมกันทุจริตปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมขณะนี้คดีอยู่ระหว่างพนักงานอัยการมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม  ต่อมาจำเลยที่  1  แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยแก่โจทก์  แล้วมีหนังสือเชิญโจทก์ไปให้ปากคำรวม  3  ครั้ง  แต่โจทก์ไม่ไปเนื่องจากจำเลยที่  1  ไม่ยินยอมให้โจทก์นำทนายความหรือบุคคลภายนอกเข้าร่วมการฟังสอบสวน  เมื่อวันที่  21  พฤศจิกายน  2545  จำเลย  ที่  1  มีหนังสือเลิกจ้างโจทก์อ้างเหตุว่า  โจทก์มีพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกค้า  จงใจขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยไม่ไปให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการสอบสวนเกี่ยวกับกรณีทุจริตดังกล่าว  เป็นเหตุให้จำเลยที่  1  ได้รับความเสียหายและขาดความไว้วางใจ  เป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนข้อบังคับ  ระเบียบวินัยการลงโทษการอุทธรณ์ของพนักงานและลูกจ้าง  พ.ศ.2545  ข้อ  6  ( 1 )  ( 2 )  และ  ( 3 )  ถือว่าเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง  โดยให้ลงโทษไล่ออกโดยไม่ได้รับค่าชดเชย  สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า  เงินสมทบและผลประโยชน์จากเงินสมทบทั้งนี้ให้มีผลเป็นการเลิกจ้างตั้งแต่วันที่  6  พฤศจิกายน  2545  ต่อมาวันที่  26  ธันวาคม  2546  โจทก์ยื่นคำร้องต่อจำเลยที่  2  พนักงานตรวจแรงงานประจำสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรปราการ  จำเลยที่  2  พิจารณาแล้ว  วินิจฉัยว่าการกระทำของโจทก์เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ประกอบกับจำเลยที่  1  มีหนังสือเชิญโจทก์เพื่อสอบสวนถึง  3  ครั้ง  แต่โจทก์ไม่ไปให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย  เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับจำเลยที่  1  ถือเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง  จึงมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย  ตามคำสั่งที่  043/2547  ลงวันที่  24  กุมภาพันธ์  2547  แล้วศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า  ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการทุจริตถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกค้า  และคดีนี้มีพฤติการณ์พิเศษที่ทำให้โจทก์มีข้ออ้างที่จะขอให้ทนายความหรือบุคคลภายนอกเข้าร่วมฟังการสอบสวนด้วย  เพราะจำเลยที่  1  มีพฤติการณ์นำเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมตัวโจทก์ก่อนเริ่มกระบวนการสอบสวนภายใน  โจทก์จึงมีเหตุผลที่จะกล่าวอ้างในการไปตามหนังสือเชิญหรือคำสั่งเรียกได้  กรณียังถือไม่ได้ว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง  หรือฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือระเบียบหรือคำสั่งของนายจ้างในกรณีที่ร้ายแรง  โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย  300  วัน  จากค่าจ้างเดือนละ  15,595  บาท  โดยค่าครองชีพเดือนละ  2,000  บาท  นั้น  ข้อเท็จจริงรับฟังได้เพียงว่าจ่ายให้เป็นเงินสวัสดิการเป็นค่าครองชีพให้กับลูกจ้างเท่านั้นจึงเป็นค่าชดเชย  155,949  บาท  พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ  15  ต่อปี  นับแต่วันเลิกจ้างเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแต่ดอกเบี้ยกำหนดให้อัตราร้อยละ  7.5  ต่อปี  ตามขอ  แต่โจทก์ซึ่งเป็นพนักงานธนาคารมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลเกี่ยวกับการเงินของลูกค้าซึ่งต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจและความน่าเชื่อถือในการปฏิบัติงาน  พฤติการณ์ดังกล่าวของโจทก์จึงเป็นการกระทำประการอื่นอันไม่เหมาะสมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต  จำเลยที่  1  จึงมีสิทธิที่จะเลิกจ้างโจทก์โดยมิต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือให้สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าได้และเนื่องจากโจทก์มิได้ฟ้องกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด  (มหาชน)  ซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลต่างหากจากจำเลยที่  1  เข้ามาด้วย  จึงไม่อาจบังคับให้จำเลยที่  1  จ่ายเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพดังกล่าวได้

 
 

                                พิเคราะห์แล้ว  คดีมีปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า  โจทก์มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ  15  ต่อปี  จากค่าชดเชยจำนวน  155,949  บาท  นับแต่วันที่  6  พฤศจิกายน  2545  ซึ่งเป็นวันเลิกจ้างจนถึงวันที่  30  มีนาคม  2547  ซึ่งเป็นวันฟ้องหรือไม่  กับโจทก์ก็มีสิทธิได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าพร้อมด้วยดอกเบี้ยหรือไม่  และตามอุทธรณ์ของจำเลยที่  1  ว่า  จำเลยที่  1  จะต้องจ่ายเงินค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์หรือไม่  สำหรับปัญหาเรื่องค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ยนั้นเห็นสมควรวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์และจำเลยที่  1  ไปพร้อมกัน  โดยในปัญหานี้ศาลแรงงานกลางพิจารณาวินิจฉัยไว้  2  เหตุซึ่งเหตุประการแรกคือ  ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการทุจริตถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกค้า  ที่จำเลยที่  1  อุทธรณ์อ้างว่า  การที่โจทก์เข้าไปนั่งที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ที่ดูลายมือชื่อของลูกค้าซึ่งมิใช่โต๊ะนั่งทำงานประจำของโจทก์  โดยมีกิริยาอาการตื่นเต้นตกใจอันเป็นพฤติการณ์ที่มีข้อพิรุธและผิดปกติ  จึงน่าเชื่อว่าโจทก์ได้กระทำความผิดจริง  เห็นว่า  อุทธรณ์ดังกล่าวเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเพื่อให้รับฟังว่า  โจทก์ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง  จึงเป็นอุทธรณ์ที่โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง  เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานกลางและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน  พ.ศ.2522  มาตรา  54  วรรคหนึ่ง  ศาลฎีกาไม่รับ  วินิจฉัย  ส่วนเหตุที่สองคือ  คดีมีพฤติการณ์พิเศษที่ทำให้โจทก์มีข้ออ้างที่จะขอให้ทนายความหรือบุคคลภายนอกเข้าร่วมฟังการสอบสวนด้วย  โจทก์จึงมีเหตุผลที่จะกล่าวอ้างในการไม่ไปตามหนังสือเชิญหรือคำสั่งเรียกได้  ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือระเบียบหรือคำสั่งของนายจ้างในกรณีที่ร้ายแรง  ซึ่งจำเลยที่  1  อุทธรณ์ว่า  การสอบสวนทางวินัยนั้นจำเลยที่  1  กับโจทก์มิได้อยู่ในฐานะพนักงานสอบสวนกับผู้ต้องหาอันจะทำให้โจทก์มีสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาอีกทั้งสำนักงานของจำเลยที่  1  เป็นที่รโหฐาน  การที่โจทก์  ไม่มาให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย  จึงเป็นการขัดคำสั่งผู้บังคับว่าด้วยระเบียบการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานอันเป็นความผิดอย่างร้ายแรง  เห็นว่า  การฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน  ระเบียบ  หรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมาย  และเป็นธรรมที่นายจ้างสามารถเลิกจ้างลูกจ้างได้โดยไม่จำต้องตักเตือนเป็นหนังสือและไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยนั้น  ต้องเป็นกรณีที่ร้ายแรงกล่าวคือผลสุดท้ายที่เกิดขึ้นนั้นต้องเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงโดยสืบเนื่องมาจากการฝ่าฝืนของลูกจ้าง  แต่คดีนี้จำเลยที่  1  แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยขึ้นก็เพื่อสอบสวนดำเนินคดีที่กล่าวหาว่าโจทก์ทุจริตต่อเจ้าหน้าที่และกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาให้มีการถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกค้า  ซึ่งแม้ข้อเท็จจริงจะรับฟังได้ว่าโจทก์ฝ่าฝืนไม่ยอมให้ปากคำต่อคณะกรรมการดังกล่าวถึง  3  ครั้ง  ก็หาเป็นเหตุให้ดำเนินการของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยของจำเลยที่  1  ต้องสะดุดหยุดลงหรือสิ้นสุดยุติไป  แต่อย่างใดไม่  โดยเฉพาะผลสรุปของการสอบสวนก็ปรากฏว่าจำเลยที่  1  ได้มีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์  โดยอ้างเหตุว่าโจทก์มีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกค้า  ดังนั้น  การฝ่าฝืนดังกล่าวของโจทก์หาใช่กรณีที่เป็นเหตุให้จำเลยที่  1  ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง  อันจะเป็นเหตุให้จำเลยที่  1  ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์แต่อย่างใดไม่  ที่ศาลแรงงานกลางพิจารณาวินิจฉัยให้จำเลยที่  1  ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์จึงชอบแล้ว  ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล  อุทธรณ์ของจำเลยที่  1  ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น  สำหรับอัตราดอกเบี้ยของค่าชดเชยก่อนฟ้องนับแต่วันที่  6  พฤศจิกายน  2545  ซึ่งเป็นวันเลิกจ้างจนถึงวันที่  30  มีนาคม  2547  ซึ่งเป็นวันฟ้องนั้น  โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์มีสิทธิได้รับอัตราดอกเบี้ยร้อยละ  15  ต่อปี  ตามฟ้อง  เห็นว่า  โจทก์ฟ้องและมีคำขอบังคับเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของค่าชดเชยไว้อย่างชัดแจ้งแล้วว่า  โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ  15  ต่อปี  นับแต่วันเลิกจ้างจนถึงวันฟ้อง  และอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปี  นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จที่ศาลแรงงานกลางพิจารณาวินิจฉัยแล้วพิพากษาว่า  โจทก์มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยของค่าชดเชยนับแต่วันเลิกจ้างเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ  7.5  ต่อปี  ตามที่โจทก์ขอนั้น  ย่อมไม่ถูกต้องเป็นไปตามคำขอของโจทก์เฉพาะในส่วนของอัตราดอกเบี้ยก่อนฟ้องซึ่งโจทก์ขอคิดมาในอัตราร้อยละ  15  ต่อปีอุทธรณ์ของโจทก์ในข้อนี้ฟังขึ้น

 
 

                                ส่วนอุทธรณ์ของโจทก์ในปัญหาเรื่องสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้านั้นแม้ข้อเท็จจริงปรากฏตามที่โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนกลางที่ใช้เรียกดูลายมือชื่อของลูกค้าด้วย  ก็เพื่อตรวจสอบเอกสารการทำธุรกรรมเกี่ยวกับสินเชื่อของลูกค้า  มิได้เข้าไปกระทำการเกี่ยวกับลายมือชื่อและบัญชีของลูกค้าแต่อย่างใด  แต่เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่ามีเหตุทุจริตปลอมเอกสารแล้วโอนเงินในบัญชีของลูกค้าไปโดยมีเหตุสืบเนื่องมาจากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนกลางดังกล่าว  ทำให้จำเลยที่  1  ได้รับความเสียหายต้องคืนเงินให้แก่ลูกค้า  ดังนั้นพฤติกรรมการกระทำของโจทก์ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าวทั้งที่มิใช่หน้าที่โดยตรงของโจทก์เอง  แม้จะยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่  แต่ก็เป็นการกระทำอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต  ย่อมเป็นเหตุให้จำเลยที่  1  ขาดความเชื่อถือในการปฏิบัติงานของโจทก์ที่ต้องรับผิดชอบดูแลเกี่ยวกับการเงินของลูกค้าอีกต่อไป  จำเลยที่  1  จึงมีสิทธิเลิกจ้างโดยมิต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือให้สินไหมทดแทนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา  583  ที่ศาลแรงงานกลางพิจารณาวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจึงชอบแล้ว  ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของโจทก์ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

 
 

                           พิพากษาแก้เป็นว่า  สำหรับดอกเบี้ยของค่าชดเชยเฉพาะส่วนก่อนฟ้องนับแต่วันที่  6  พฤศจิกายน  2545  ซึ่งเป็นวันเลิกจ้างจนถึงวันที่  30  มีนาคม  2547  ซึ่งเป็นวันฟ้อง  ให้จำเลยที่  1  รับผิดต่อโจทก์ในอัตราร้อยละ  15  ต่อปี  นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง.




อัพเดท ฎีกาน่าสนใจ

ขึ้นทะเบียนรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเกิน ๓๐ วัน ยังมีสิทธิได้รับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานได้ article
ลักษณะความผิดเดียวกัน แต่ระดับความร้ายแรงแตกต่างกัน นายจ้างพิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ผู้จัดการสาขา เสนอรายชื่อลูกค้าที่ขาดคุณสมบัติทำประกันชีวิต ถือว่าจงใจทำให้นายจ้างเสียหาย / ผิดร้ายแรง article
หยุดกิจการชั่วคราวตาม มาตรา ๗๕ article
สัญญาจ้างเป็นสัญญาต่างตอบแทน นายจ้างออกค่าใช้จ่ายในการเข้าทดสอบเพื่อรับเกียรติบัตร เมื่อทดสอบผ่านต้องทำงานกับนายจ้าง ๕ ปี บังคับใช้ได้ article
ศาลแรงงานกลางมีอำนาจสั่งรับพยานเอกสารได้ แม้ไม่ได้ส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายก็ตาม article
ประกอบธุรกิจแข่งขัน / ไปทำงานกับนายจ้างอื่น ในลักษณะผิดต่อสัญญาจ้าง เมื่อลูกจ้างได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้างตามสัญญาแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะบังคับ / ห้ามทำงานตามเงื่อนไขในสัญญาจ้างอีกต่อไป article
คดีแรงงานเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้คดีอาญายกฟ้อง แต่พฤติกรรมการกระทำผิด เป็นเหตุให้นายจ้างไม่อาจไว้วางใจในการทำงานได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
เลิกจ้างเนื่องจากปรับโครงสร้างองค์กร แต่กำหนดรายชื่อไว้ล่วงหน้า ถือเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม article
การหักลบกลบหนี้ หนี้อันเกิดจากสัญญาจ้าง กรณีลูกจ้างกระทำผิดกับสิทธิประโยชน์ที่มีสิทธิได้รับตามสัญญาจ้าง ถือเป็นมูลหนี้อันเป็นวัตถุอย่างเดียวกันหักลบกลบหนี้กันได้ article
เล่นการพนันฉลากกินรวบ เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กรณีร้ายแรง article
กรณีไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจแข่งขันหรือไม่ถือว่าทำงานกับนายจ้างใหม่ในลักษณะธุรกิจเดียวกับนายจ้าง article
สัญญาฝึกอบรม นายจ้างกำหนดเบี้ยปรับได้ เป็นสัญญาที่เป็นธรรม article
ค้ำประกันการทำงาน หลักประกันการทำงาน การหักลบกลบหนี้ค่าเสียหายจากการทำงาน article
ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์แต่ตนเอง เรียกรับเงินจากลูกค้า ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ article
ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา มาทำงานสายประจำ ถือว่า กระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สหภาพแรงงานทำบันทักข้อตกลงเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างกับนายจ้าง อันส่งผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ของสมาชิก ขัดกับข้อตกลงเดิมและมิได้ขอมติที่ประชุมใหญ่ ข้อตกลงดังกล่าวไม่อาจใช้บังคับได้ article
ขอเกษียณอายุก่อนกำหนดตามประกาศ ถือเป็นการสมัครใจเลิกสัญญาจ้างแรงงานต่อกัน มิใช่การเลิกจ้างหรือการเกษียณอายุ จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยตามระเบียบกรณีเกษียณอายุ article
สถาบันวิจัยอันเป็นส่วนหนึ่งของกิจการมหาวิทยาลัยถือเป็นหน่วยงานของรัฐ ได้รับยกเว้น ไม่อยู่ภายใต้บังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา ๔ (๑) article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จากการเลิกจ้างมีอายุความฟ้องร้องได้ภายใน ๑๐ ปี article
ทะเลาะวิวาทเรื่องส่วนตัวไม่ส่งผลกระทบต่อการบังคับบัญชา ไม่เป็นความผิด กรณีร้ายแรง ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ article
พี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกัน มิใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ และเงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต ตามพระราชบัญญัติ ประกันสังคม มาตรา ๗๓ และมาตรา ๗๗ article
ขับรถเร็วเกินกว่าข้อบังคับกำหนด เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนคำสั่งโยกย้าย เลิกจ้างได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ประกาศใช้ระเบียบใหม่ ไม่ปรากฏว่ามีพนักงานโต้แย้งคัดค้าน ถือว่าทุกคนยินยอมปฏิบัติตามระเบียบ article
เงินค่าตอบแทนพิเศษกับเงินโบนัส มีเงื่อนไขต่างกัน หลักเกณฑ์การจ่ายต่างกัน จึงต้องพิจารณาต่างกัน article
ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินกองทุนเงินทดแทน article
ค่ารถแทนรถยนต์ประจำตำแหน่ง ไม่ถือเป็นค่าจ้าง และ ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมให้ถือตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่กำหนดไว้ article
เจรจาให้ลาออก ลูกจ้างไม่ตกลง ขอเวลาตัดสินใจและหยุดงานไป นายจ้างแจ้งให้กลับเข้าทำงานตามปกติ ถือว่านายจ้างยังไม่มีเจตนาเลิกจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ แอบนอนหลับในเวลาทำงาน ถือเป็นเหตุในการเลิกจ้างได้ เลิกจ้างเป็นธรรม article
ลาออกโดยไม่สุจริต ไม่มีผลใช้บังคับ article
ทำความผิดคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน พิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ประกอบธุรกิจ บริการ ด่าลูกค้าด้วยถ้อยคำหยาบคาย " ควาย " ถือเป็นการกระทำความผิดกรณีร้ายแรง article
ข้อบังคับ ระบุให้ผู้บังคับบัญชาเหนือกว่ามีอำนาจแก้ไข เพิ่มโทษ หรือลดโทษได้ การยกเลิกคำสั่งลงโทษเดิมและให้ลงโทษใหม่หนักกว่าเดิมจึงสามารถทำได้ article
เลือกปฏิบัติในการลงโทษระเบียบการห้ามใส่ตุ้มหูมาทำงาน บังคับใช้ได้ แต่เลือกปฏิบัติในการลงโทษไม่ได้ article
ลงโทษพักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างและเตือนในคราวเดียวกันได้ ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน article
จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย article
ข้อตกลงรับเงินและยินยอมปลดหนี้ให้แก่กัน ถือเป็นการตกลงระงับข้อพิพาทแม้จะทำขึ้นก่อนคำสั่งเลิกจ้างมีผลใช้บังคับ article
ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่คู่ความอ้างส่งศาลได้ แม้มิได้ระบุบัญชีพยานไว้ก็ตาม article
สัญญาจ้างห้ามลูกจ้างไปทำงานกับนายจ้างใหม่ที่ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกันมีกำหนดเวลา บังคับใช้ได้ article
เลิกจ้างและรับเงินค่าชดเชย ใบรับเงิน ระบุขอสละสิทธิ์เรียกร้องเงินอื่นใดใช้บังคับได้ ลูกจ้างไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องสินจ้างและค่าเสียหายได้อีก article
เกษียณอายุ 60 ปี ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยนับแต่วันครบกำหนดเกษียณอายุ แม้นายจ้างไม่ได้บอกเลิกจ้างก็ตาม article
ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและเพิกเฉยไม่ดูแลผลประโยชน์ของนายจ้าง เป็นเหตุให้นายจ้างไม่ไว้วางใจในการทำงานได้เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ละเลยต่อหน้าที่ ไม่รายงานเคพีไอ นายจ้างตักเตือนแล้ว ถือว่าผิดซ้ำคำเตือน เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ทำสัญญาจ้างต่างด้าวทำงานในอาชีพต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว สัญญาจ้างถือเป็นโมฆะ article
ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง article
ศาลมีคำสั่งให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาตามหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน ในขณะที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ยุติ ต้องสืบพยานใหม่และพิพากษาใหม่ไปตามรูปคดี article
แม้สัญญาจ้างไม่ได้ระบุระยะเวลาทดลองงานไว้ แต่นายจ้างก็สามารถประเมินผลการทำงานของลูกจ้างได้ article
การควบรวมกิจการ สิทธิและหน้าที่โอนไปเป็นของบริษัทใหม่ การจ่ายเงินสมทบบริษัทใหม่ที่ควบรวมจึงมีสิทธิจ่ายเงินสมทบในอัตราเดิมตามสิทธิ มิใช่ในอัตราบริษัทตั้งใหม่ article
เลิกจ้างรับเงินค่าชดเชยแล้วตกลงสละสิทธิ์จะไม่เรียกร้องผละประโยชน์ใดๆ ถือว่าสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเป็นอันระงับไป article
รับเหมาก่อสร้าง ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบ จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแทนผู้รับเหมาช่วง หากผู้รับเหมาช่วงไม่นำส่งเงินสมทบตามกฎหมายโดยคำนวณจากอัตราค่าจ้างที่ระบุตามแบบ ( ภ.ง.ด. 50 ) และบัญชีงบดุล article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานระบุห้ามทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายร่างกาย ผู้บังคับบัญชา เพื่อนพนักงาน ทั้งในสถานที่ทำงาน หรือสถานที่อื่นๆ ฝ่าฝืนถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง ใช้บังคับได้ไม่ขัดต่อกฎหมาย article
ไส้ติ่งอักเสบ แพทย์วินิจฉัยให้ผ่าตัด ถือเป็นกรณีฉุกเฉิน เบิกค่ารักษาได้ มีสิทธิรับเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ได้ article
ค่าเช่าที่พัก ค่าใช้จ่ายเดินทางเป็นสวัสดิการไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่ารถยนต์ซึ่งกำหนดเป็นสวัสดิการไว้ชัดเจนแยกจากฐานเงินเดือนปกติ ถือเป็นสวัสดิการไม่ใช่ค่าจ้าง article
ละเมิดข้อตกลงสภาพการจ้าง ละเมิดสัญญาจ้าง มีอายุความ 10 ปี มิใช่ 1 ปี article
พฤติกรรมการจ้างที่ถือว่าเป็นการจ้างแรงงาน ถือเป็นลูกจ้าง / นายจ้างตามกฎหมาย article
พนักงานขายรถยนต์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ประจำบูธ ตามที่ได้รับมอบหมาย ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
เลือกตั้งคณะกรรมการสหภาพฯ ขัดต่อข้อบังคับสหภาพหรือขัดต่อกฎหมาย ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบ article
ฝ่าฝืนสัญญาจ้าง กรณีห้ามทำการแข่งขันกับนายจ้างหรือทำธุรกิจคล้ายคลึงกับนายจ้างเป็นเวลา 2 ปี นับจากสิ้นสุดสัญญาต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้าง article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระบุให้นายจ้างเลิกจ้างเพราะเหตุคนล้นงาน ปรับลด ขนาดองค์กรได้ ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเลิกจ้างลูกจ้างได้ article
ข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีตัดสิทธิ์รับเงินสมทบพร้อมผลประโยชน์หากกระทำผิดถูกปลดออกจากงานบังคับใช้ได้ article
ทะเลาะวิวาทกัน นอกเวลางาน นอกบริเวณบริษัทฯ ไม่ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนไม่ไปตรวจสารเสพติดซ้ำตามคำสั่งและนโยบาย ถือว่าฝ่าฝืน ข้อบังคับ หรือ ระเบียบ กรณีร้ายแรง article
วันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วน article
เป็นลูกจ้างที่มีอำนาจกระทำการแทนนายจ้างในการจ้างงาน ไม่มีสิทธิได้รับค่าทำงานในวันหยุด และลักทรัพย์เอาต้นไม้ของนายจ้างไป ถือว่ากระทำผิดอาญาแก่นายจ้าง เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ผลการทำงานดีมาโดยตลอดและไม่เคยกระทำผิดมาก่อน แต่ปีสุดท้ายผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่ถือเป็นเหตุที่จะอ้างในการเลิกจ้าง article
ได้รับบาดเจ็บรายการเดียว เข้ารักษา 2 ครั้ง ถือว่าเป็นการรักษารายการเดียว นายจ้างสำรองจ่ายเพิ่มเติมไม่เกิน 50,000 บาท ไม่ใช่ 200,000 บาท article
ผู้บริหารบริษัท ฯ ถือเป็นลูกจ้างหรือไม่ ดูจาก_________ ? article
ขับรถออกนอกเส้นทาง แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรงและก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้าง นายจ้างหักเงินประกันการทำงานได้ article
ค่าจ้างระหว่างพักงาน เมื่อข้อเท็จจริง ลูกจ้างกระทำความผิดจริง จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างระหว่างพักงาน article
“ นายจ้าง ” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 5 article
สัญญารักษาความลับ ข้อมูลทางการค้า (ห้ามประกอบหรือรับปฏิบัติงานแข่งขันนายจ้าง) มีกำหนด 2 ปี บังคับใช้ได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย และการกำหนดค่าเสียหาย ถือเป็นเบี้ยปรับตามกฎหมาย ศาลปรับลดได้ตามสมควร article
เงินรางวัลการขายประจำเดือน จ่ายตามเป้าหมายการขาย ที่กำหนดไว้ ไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่าโทรศัพท์ เหมาจ่าย ถือเป็นค่าจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ 3 วันทำการ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เลิกจ้างเป็นธรรมไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ลาออกมีผลใช้บังคับแล้ว ออกหนังสือเลิกจ้างภายหลังใช้บังคับไม่ได้ article
ตกลงรับเงิน ไม่ติดใจฟ้องร้องอีกถือเป็นการตกลงประนีประนอมกันบังคับได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย
เลิกจ้างระหว่างทดลองงาน ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ข้อตกลงว่า “หากเกิดข้อพิพาทตามสัญญาจ้างแรงงาน ให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย” ไม่เกี่ยวกับสิทธิตามกฎหมายแรงงาน เมื่อเกิดสิทธิตามกฎหมาย ฟ้องศาลแรงงานได้ โดยไม่ต้องให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย article
เลิกจ้างด้วยเหตุอื่น อันมิใช่ความผิดเดิมที่เคยตักเตือน ไม่ใช่เหตุที่จะไม่จ่ายค่าชดเชย เลิกจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย article
นำรถยนต์ไปใช้ในกิจธุระส่วนตัว มีพฤติกรรมคดโกง ไม่ซื่อตรง พฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ไม่น่าไว้วางใจ ลงโทษปลดออกจากการทำงานได้ article
การกระทำที่กระทบต่อเกียรติ ชื่อเสียงของนายจ้าง และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แม้กระทำนอกสถานที่ทำงานและนอกเวลางาน ก็ถือว่า ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรง article
สัญญาค้ำประกันการทำงานไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ต้องรับผิดชอบตลอดไป article
ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเลิกจ้างได้ ถือว่าเลิกจ้างเป็นธรรมและความผิดที่ลงโทษแล้วจะนำมาลงโทษอีกไม่ได้ article
ผิดสัญญาจ้างไปทำงานกับคู่แข่ง นายจ้างฟ้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาได้ แต่ค่าเสียหาย เป็นดุลพินิจของศาลจะกำหนด article
จงใจกระทำผิดโดยผิดกฎหมายเป็นเหตุให้นายจ้างเสียหาย ถือว่า กระทำละเมิดต่อนายจ้าง ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น article
ตกลงสละสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย ภายหลังเลิกจ้าง ใช้บังคับได้ ไม่เป็นโมฆะ article
ก้าวร้าวไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ามิใช่ค่าจ้าง คิดดอกเบี้ยในอัตรา 7. 5 ต่อปี article
ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของนายจ้างในเรื่องส่วนตัวเป็นประจำ ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่กาปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต เลิกจ้างเป็นธรรม article
สั่งให้พนักงานขับรถ ขับรถออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้มีส่วนในการขับรถ ถือว่าผิดต่อสัญญาจ้าง แต่ไม่ต้องรับผิดอันมีผลโดยตรงจากมูลละเมิด ( ขับรถโดยประมาท ) article
จ่ายของสมนาคุณให้ลูกค้า โดยไม่ตรวจสอบบิลให้ถูกต้อง มิใช่ความผิดกรณีร้ายแรงไม่ใช่การทุจริตต่อหน้าที่ แต่ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เสร็จลุล่วงไปโดยถูกต้อง และสุจริต เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ฟ้องประเด็นละเมิด กระทำผิดสัญญาจ้าง ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง มีอายุความ 10 ปี article
ตกลงยินยอมให้หักค่าจ้างชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ นายจ้างสามารถหักค่าจ้างได้ตามหนังสือยินยอมโดยไม่ต้องฟ้อง article
กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างและประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง article
“ งานโครงการตามมาตรา 118 วรรค 4 ” บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ว่าจ้างลูกจ้างทำงานตามโครงการที่รับเหมา ถือว่าจ้างงานในปกติธุรกิจของนายจ้าง มิใช่งานโครงการ article
เงินโบนัสต้องมีสภาพการเป็นพนักงานจนถึงวันกำหนดจ่าย ออกก่อนไม่มีสิทธิได้รับ article
ระเบียบกำหนดจ่ายเงินพิเศษ ( gratuity ) เนื่องจากเกษียณอายุ โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายแตกต่างจากการจ่ายค่าเชย ถือว่านายจ้างยังไม่ได้จ่ายค่าชดเยตามกฎหมาย article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.

บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด

เลขที่ 511/4 ถนนประชาอุทิศ 117/1 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร (10140)

โทร/Tel : 02 - 8159522, แฟกซ์/Fax : 02 - 8159523, มือถือ/Mobile : 081 - 7936156

อีเมล/E-mail : sawai.prm@gmail.com, เว็บไซต์/Web : www.parameelaw.com