ม็อบบุกปตท.ต้านขึ้นราคาก๊าซ ขีดเส้นขอคำตอบ28สค. “เพ้ง”ยืนกรานไม่ทบทวน
ผู้สื่อข่าวรายงานการชุมนุมของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ และภาคีเครือข่ายภาคประชาชนที่รวมตัวกันในชื่อ “เครือข่ายประชาชนเจ้าของพลังงาน” ที่หน้าสำนักงานใหญ่ บริษัทการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. ถนนวิภาวดี-รังสิต เพื่อคัดค้านการขึ้นราคาแอลพีจี ภาคครัวเรือน พร้อมยื่นหนังสือถึง นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน ให้ทบทวนแนวคิดและยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)
โดยในช่วงเช้าก่อนที่จะมีการชุมนุม นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการปิโตรเลียมขั้นปลาย ปตท. เปิดเผยว่า ได้เตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยให้พนักงานบางส่วนที่ไม่ได้มีภารกิจสำคัญกลับบ้านก่อนเวลาเลิกงาน พร้อมขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 400 นาย เพื่อดูแลสถานการณ์ รวมทั้งได้ขึ้นป้ายระดับการรักษาความปลอดภัย เป็นป้ายสีส้ม ซึ่งเป็นระดับการที่ 3 และเปิดศูนย์รับมือเหตุฉุกเฉิน ตลอด 24 ชม. โดยหากเกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องก็อาจจะให้พนักงานทำงานที่บ้านแทน
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ปตท.ชี้แจงว่า มีผู้พยายามทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า ปตท.ขายแอลพีจีให้กับภาคปิโตรเคมีถูกกว่าภาคครัวเรือน ซึ่งความจริงแล้วราคาแอลพีจีที่นำมาคำนวณจะมีการเคลื่อนไหวขึ้นลงตามอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ดังนั้นจึงต้องถามว่าที่เอามาพูดนั้นยึดราคาอะไร ณ เวลาไหน มันต่างกรรมต่างวาระ ถ้าบอกว่าปิโตรเคมีเอาเปรียบมันจึงไม่จริงและก็ยืนยันว่า ปตท.ขายแอลพีจีผู้บริโภคหน้าโรงแยกก๊าซแค่ 10.20 บาทต่อ กก. ที่เหลือรัฐได้นำไปรวมภาษีเงินกองทุนน้ำมันต่างๆ ถามว่าเอาเปรียบตรงไหน ขณะที่ราคานำเข้าไปไกลแล้ว 800 กว่าเหรียญฯ ต่อตัน
ด้าน นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน ได้เรียกผู้บริการ ปตท.เข้าหารือด่วน ในเวลา 14.00 น. จากนั้น ได้ให้สัมภาษณ์ ว่า การชุมนุมเป็นสิทธิ์ที่จะกระทำได้ภายใต้กฎหมาย แต่อยากให้คิดวิเคราะห์ถึงการปรับโครงสร้างราคาว่าไม่ได้ทำตามอำเภอใจ แต่เพื่อแก้ปัญหาความไม่เป็นธรรมที่กองทุนน้ำมันจะต้องเข้าไปชดเชยให้ผู้ใช้แอลพีจี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะแอลพีจีมีผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นคนรวย มีฐานะ และโครงสร้างที่ผ่านมารัฐบาลจะเก็บเงินจากผู้ใช้ น้ำมันเพื่อมาอุดหนุนราคาแอลพีจี
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมที่หน้าตึก บมจ.ปตท.สำนักงานใหญ่ เมื่อเวลา 15.00 น. ผู้นุมนุมจำนวนไม่น้อยกว่า 500 คน ได้เดินทางมารวมตัวกัน ส่งผลให้การจราจรบนถนนวิภาวดีในช่องทางขาออกบริเวณหน้า บมจ.ปตท. รถไม่สามารถวิ่งได้ ต้องหลีกหนีไปวิ่งในช่องด้านในแทน เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวกันอย่างหนาแน่นกินถนนไปกว่า 3 เลนส์ด้วยกัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยปราบปรามจลาจล ที่มีอุปกรณ์พร้อมทั้งโล่และกระบอง ก็วางกำลังเตรียมพร้อมรับสถานการณ์
ทั้งนี้ ตัวแทนผู้ชุมนุมได้สลับกันขึ้นโจมตีการขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี โดยเป็นตัวแทนจากมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค ตัวแทนจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ รถร่วมบริการ ขสมก. เป็นต้น จนกระทั่งในเวลา 16.40 น. นายชวลิต พิชาลัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน ได้เดินทางมารับหนังสือเรียกร้องจากกลุ่มผู้ชุมนุม หลังจากนั้นนายชวลิตกล่าวว่า จะนำข้อเรียกร้องไปส่งมอบต่อให้กับ รมว.พลังงานต่อไป พร้อมยืนยันว่ากระทรวงพลังงานไม่ได้นิ่งนอนใจในการพิจารณาผลกระทบของการปรับขึ้นราคาแอลพีจี
จากนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมได้ประกาศสลายตัวในเวลา 18.00 น. โดยขอให้กระทรวงพลังงานให้คำตอบเป็นลายลักษณ์อักษรภายในวันที่ 28 สิงหาคม และจะเดินทางมาทวงถามในวันดังกล่าว ซึ่งหากไม่มีการทบทวนนโยบายขึ้นราคาแอลพีจีก็จะยกระดับการชุมนุมทันที
วันเดียวกัน นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือ เรคกูเลเตอร์ เปิดเผยหลังการประชุมพิจารณาการประมาณการค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (เอฟที) ว่า ที่ประชุมได้มีมติให้จัดเก็บค่าเอฟทีในงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม เพิ่มขึ้นอีก 7.08 สตางค์ต่อหน่วย หรือปรับขึ้นมาอยู่ที่ 54 สตางค์ต่อหน่วย จากงวดก่อนหน้านี้ที่อยู่ที่ 46.92 สตางค์ต่อหน่วย ทั้งนี้ เป็นผลมาจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลให้ราคาเชื้อเพลิงและต้นทุน ในการผลิตไฟฟ้าโดยเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย