ReadyPlanet.com
dot dot
dot
ชมรมบริหารงานบุคคล
dot
bulletสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย
bulletชมรมบริหารงานบุคคล
bulletชมรมบริหารงานบุคคล อยุธยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลรังสิต
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคล อมตะนคร
bulletสมาคมการบริหารงานบุคคล (PAAs)
bulletชมรมบริหารงานบุคคลบางพลี
bulletชมรมนักบริหารงานบุคคลพัทยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลยุคใหม่
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคลจังหวัดราชบุรี
bulletงานบริหารงานบุคคล
bulletชมรมงานบริหารงานบุคคลกรุงเทพฯ
bulletชมรมบริหารงานบุคลสุขสวัสดิ์
dot
ติดต่อราชการศาล
dot
bulletศาลแรงงานกลาง
bulletศาลแรงงานภาค ๒
bulletศาลยุติธรรม
bulletศาลปกครอง
bulletศาลรัฐธรมนูญ
bulletสำนักงานอัยการสูงสุด
bulletกระทรวงยุติธรรม
bulletคณะกรรมการกฤษฎีกา
bulletกรมบังคับคดี
bulletสภาทนายความ
dot
หน่วยงานราชการสำคัญ
dot
bulletกระทรวงแรงงาน
bulletกรมการจัดหางาน
bulletกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
bulletกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
bulletสำนักงานประกันสังคม
bulletกรมสรรพากร
bulletกรมบัญชีกลาง
bulletกรมพัฒนาธุรกิจกาค้า
bulletกระทรวงอุตสาหกรรม
bulletกรมโรงงานอุตสาหกรรม
bulletกรมส่งเสริมอุตสาหรม
bulletการนิคมอุตสาหกรรม
dot
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน
dot
bulletสมบัติลีกัล
bulletเอกเซลสำหรับงาน HR โดย อ.สำเริง
bulletบทความดี ๆ จากโกป้อม
dot
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
dot
dot
Newsletter

dot


พยากรณ์อากาศวันนี้
..................................


ราคาน้ำมันวันนี้
..................................



แม้มิได้อ้างเหตุผลในการเลิกจ้างไว้ แต่จำเลยสามารถอ้างเหตุผลในการเลิกจ้างในคำให้การ เพื่อต่อสู้คดีในประเด็นค่าเสียหายหรือค่าชดเชยพิเศษได้ การอ้างเหตุตามมาตรา 17 วรรค 3 เป็นข้อยกเว้นเฉพาะเหตุที่จะไม่จ่ายค่าชดเชยตาม มาตรา 118 เท่านั้น article

 คำพิพากษาฎีกา ที่ 11986 / 2554

แม้มิได้อ้างเหตุผลในการเลิกจ้างไว้  แต่จำเลยสามารถอ้างเหตุผลในการเลิกจ้างในคำให้การ  เพื่อต่อสู้คดีในประเด็นค่าเสียหายหรือค่าชดเชยพิเศษได้  การอ้างเหตุตามมาตรา  17  วรรค  3  เป็นข้อยกเว้นเฉพาะเหตุที่จะไม่จ่ายค่าชดเชยตาม  มาตรา  118  เท่านั้น
                            

                              โจทก์ฟ้องว่า  จำเลยที่  1  เป็นนิติบุคคลประเภทวัด  เป็นเจ้าของกิจการโรงเรียนอนุบาลวัดสะแก  ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน  พ.ศ.2525  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการหรือหลักสูตรที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการและจัดรูปแบบการศึกษาในระบบโรงเรียนโดยมีจำเลยที่  2  เป็นผู้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียน  และจำเลยที่  3  เป็นผู้จัดการโรงเรียน  ทำหน้าที่ดูแลจัดการและควบคุมการดำเนินงานของโรงเรียน  การทำงานของคณะครูและบุคลากร  เมื่อเดือนพฤษภาคม  2538  จำเลยที่  1  จ้างโจทก์ทำงานเป็นลูกจ้างในตำแหน่งครูโรงเรียนอนุบาลวัดสะแก  และได้บรรจุโจทก์เป็นครูตามใบอนุญาตให้บรรจุครูแห่งพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน  พ.ศ.2525  เมื่อวันที่  16  พฤษภาคม  2538  ตำแหน่งสุดท้ายคือครูผู้สอนชั้นอนุบาลปีที่  1  ถึงปีที่  3  ได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือนอัตราสุดท้ายเดือนละ  9,700  บาท  กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันสิ้นเดือน  เมื่อวันที่  17  มิถุนายน  2548  จำเลยทั้งสามได้มีประกาศและมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ออกจากการเป็นครูและบุคลากรของโรงเรียนอนุบาลวัดสะแก  อ้างว่าคณะกรรมการอำนวยการโรงเรียนมีมติลงวันที่  14  มิถุนายน  2548  ให้เลิกจ้างโจทก์  โดยมิได้แจ้งเหตุในการเลิกจ้างหรือระบุความผิดของโจทก์  และเมื่อวันที่  26  กรกฎาคม  2548  ได้มีหนังสือจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งรักษาการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  แจ้งการจำหน่ายโจทก์จากการเป็นครู  จำเลยที่  1  ได้จ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวน  97,000  บาท  การเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม  โจทก์ปฏิบัติงานด้วยดีตลอดมาและไม่เคยกระทำความผิดหรือฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยทั้งสาม  เหตุที่จำเลยทั้งสามเลิกจ้างโจทก์สืบเนื่องมาจากจำเลยที่  2  และที่  3  มีความโกรธเคืองโจทก์เป็นการส่วนตัวเพราะโจทก์และคณะครูรวม  12  คน  ได้ทำหนังสือร้องเรียนต่อปลัดกระทรวงศึกษาธิการเมื่อวันที่  3  พฤษภาคม  2547  เกี่ยวกับเรื่องการแสวงหาประโยชน์ของจำเลยที่  3  ในโรงเรียนอนุบาลวัดสะแก  จนเป็นเหตุให้จำเลยที่  1  โดยจำเลยที่  3  ได้ไปแจ้งความอันเป็นเท็จต่อพนักงานสอบสวนว่าโจทก์ยักยอกทรัพย์เป็นการแก้เกี้ยวและเลิกจ้างโจทก์  เมื่อวันที่  15  มีนาคม  2548  โจทก์ไปให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนกรณีที่โจทก์ถูกกล่าวหาว่ายักยอกทรัพย์ของจำเลยที่  1  และเรื่องอยู่ในชั้นพนักงานอัยการ  ดังนั้นเมื่อโจทก์มิได้ถูกเลิกจ้างเนื่องจากกระทำผิดตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการคุ้มครองการทำงานของครูใหญ่และครูโรงเรียนเอกชน พ.ศ.2542  ข้อ  34  ข้อ  38  จำเลยที่  1  จึงต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษเพิ่มขึ้นจากค่าชดเชยตามข้อ  32  อีกไม่น้อยกว่า  1  เท่าของค่าชดเชยตามที่กำหนดในข้อ  32  อีกจำนวน  97,000  บาท  และจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมดังกล่าว  ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย  ต้องตกงานขาดรายได้ประจำ  ประกอบกับโจทก์มีอายุมากแล้ว  โอกาสที่จะไปสมัครงานใหม่หรือประกอบธุรกิจใดๆ  จึงเป็นไปได้ยาก  โจทก์มีภาระต้องดูแลมารดาซึ่งมีอายุมากและสุขภาพไม่แข็งแรง  โจทก์มีภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวและมีหนี้สินอยู่เป็นจำนวนมาก  หากโจทก์ยังทำงานอยู่  โจทก์ยังสามารถทำงานได้อีกไม่น้อยกว่า  25  ปี  เพราะโรงเรียนเอกชนไม่มีเกษียณอายุ  จึงขอเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน  3,000,000  บาท  ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันจ่ายค่าชดเชยพิเศษจำนวน  97,000  บาท  พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ  15  ต่อปี  นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จและค่าเสียหายจำนวน  3,000,000  บาท  พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปี  นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

 

 

                               จำเลยทั้งสามให้การว่า  จำเลยที่  1  เป็นนิติบุคคลประเภทวัด  จำเลยที่  1  โดยจำเลยที่  2  เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการจัดตั้งโรงเรียนเอกชนตามตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน  พ.ศ.2525  โดยมีจำเลยที่  3  เป็นผู้จัดการโรงเรียนดูแลกิจการของโรงเรียนที่ได้รับอนุญาตแทนจำเลยที่  1  และที่  2  จำเลยทั้งสามไม่ได้กลั่นแกล้งโจทก์หรือเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม  โจทก์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย  กระด้างกระเดื่องและไม่เชื่อฟังจำเลยที่  2  และที่  3  ในฐานะนายจ้างและผู้บังคับบัญชา  โจทก์ขาดงาน  ลากิจ  ลาป่วยเป็นประจำ  ไม่สนใจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย  ทั้งโจทก์ไม่มีความพร้อมในด้านสุขภาพร่างกาย  มีโรคประจำตัวที่อาจก่อปัญหาให้กับจำเลยที่  1  ได้  จำเลยที่  2  ได้เรียกโจทก์มาตักเตือนให้ปฏิบัติหน้าที่ไปในทางที่ได้รับมอบหมายและให้เชื่อฟังจำเลยที่  3  ในฐานะตัวแทนของจำเลยที่  1  แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตาม  ต่อมาโจทก์และบุคลากรในโรงเรียนทำเรื่องร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  กล่าวหาว่าจำเลยที่  3  มีพฤติการณ์ไปในทางทุจริตประพฤติไม่ชอบซึ่งไม่มีมูลความจริง  การกระทำของโจทก์จึงเป็นการสร้างความแตกแยกในการบริหารงานของจำเลยที่  1  โจทก์ไม่พอใจจำเลยทั้งสาม  เพราะจำเลยที่  1  ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีโจทก์บกพร่องในหน้าที่  คณะกรรมการมีมติเอกฉันท์ให้พักงานโจทก์เป็นเวลา  3  เดือน  โดยให้จ่ายเงินเดือนแก่โจทก์ตามปกติ  ต่อมาเมื่อประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน  2547  จำเลยทั้งสามได้ตรวจสอบบัญชีการเงินของโรงเรียนอนุบาลวัดสะแก  ในช่วงระหว่างที่โจทก์ปฏิบัติหน้าที่มีส่วนรับผิดชอบงานด้านการเงินและบัญชีอยู่นั้น  พบความผิดปกติในทางบัญชี  จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแต่โจทก์และบุคลากรได้ทำหนังสือเสนอข้อเรียกร้องต่อจำเลยที่  1  ผ่านนายสมพงษ์  วิริยะจารุ  ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง  อันเป็นการไม่เชื่อฟังและกระด้างกระเดื่องต่อจำเลยทั้งสาม  ต่อมาประมาณกลางเดือนธันวาคม  2547  คณะกรรมการสอบสวนมีมติให้ดำเนินคดีอาญากับโจทก์ฐานยักยอกทรัพย์  เหตุที่จำเลยที่  1ไม่ได้ระบุเหตุผลของการเลิกจ้างโจทก์  เพื่อไม่ให้โจทก์ต้องมีประวัติด่างพร้อย  การเลิกจ้างโจทก์ได้ดำเนินการตามขั้นตอนระเบียบที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนเอกชนโดยตลอด  จำเลยที่  1  จึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษจำนวน  97,000  บาท  โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจำนวน  3,000,000  บาท  เพราะการที่โจทก์อ้างว่าสามารถทำงานได้ถึง  25  ปี  เป็นการคาดคะเน  โจทก์มีปัญหาด้านสุขภาพและมีโรคประจำตัว  อาจมีผลกระทบต่อกิจการของจำเลยที่  1  และเป็นอันตรายต่อสังคมได้ทั้งโจทก์มีพฤติการณ์ที่ไม่สนองตอบนโยบายของจำเลยที่  1  ทำให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติคุณแก่จำเลยทั้งสาม  ขอให้ยกฟ้อง

 

                                 ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว  พิพากษายกฟ้อง

 

                                 โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

 

                               ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว  ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า  จำเลยที่  1  เป็นนิติบุคคลประเภทวัด  จำเลยที่  1  โดยจำเลยที่  2  เป็นผู้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนอนุบาลวัดสะแกตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน  พ.ศ.2525  จำเลยที่  3  เป็นผู้จัดการโรงเรียนอนุบาลวัดสะแก  ทำหน้าที่ควบคุมดูแลรับผิดชอบในกิจการทั่วไปของโรงเรียนและควบคุมปกครองครูใหญ่  ครูและนักเรียนโจทก์เป็นครูโรงเรียนอนุบาลวัดสะแกตั้งแต่เดือนพฤษภาคม  2538  ตำแหน่งสุดท้ายเป็นครูผู้สอนชั้นอนุบาลปีที่  1 ถึงปีที่  3  ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ  9,700  บาท  กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันสิ้นเดือน  เมื่อวันที่  17  มิถุนายน  2548  จำเลยที่  2  ได้มีประกาศให้โจทก์ออกจากการเป็นครูและบุคลากรของโรงเรียนอนุบาลวัดสะแก  โดยให้มีผลบังคับใช้หลังจาก  30  วัน  นับแต่วันติดประกาศ  และให้พักงานนับแต่วันติดประกาศเป็นต้นไป  ต่อมารองผู้ว่าราชการจังหวัดรักษาการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมามีหนังสือแจ้งว่า  จังหวัดพิจารณาอนุญาตให้โรงเรียนอนุบาลวัดสะแกจำหน่ายโจทก์ออกจากหน้าที่ครูในโรงเรียนตั้งแต่วันที่  18  กรกฎาคม  2548  ซึ่งโจทก์ได้รับค่าชดเชยจากการเลิกจ้างแล้วเป็นเงิน  97,000  บาท  ก่อนถูกเลิกจ้างโจทก์กับพวกรวม  12  คน  ทำหนังสือร้องเรียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมากล่าวหาว่า  จำเลยที่  3  ปฏิบัติมิชอบและส่อเจตนาไปในทางทุจริตเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่  และการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนของโรงเรียนอนุบาลวัดสะแก  ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงสรุปได้ว่าจำเลยที่  3  ไม่มีความผิด  แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ทำหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมามาอ้างว่าจำเลยที่  3  มีพฤติการณ์ส่อทุจริตในการก่อสร้างอาคารเรียนนั้น  ไม่มีน้ำหนักและเหตุผลพอที่จะรับฟังได้  จึงทำให้จำเลยที่  3  ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการโรงเรียนมีหน้าที่ควบคุมดูแลและรับผิดชอบในกิจการทั่วไปของโรงเรียน  และควบคุมปกครองครูใหญ่  ครูและนักเรียนในโรงเรียน  ได้รับความเสียหาย  โดยโจทก์ซึ่งเป็นครูจะต้องปฏิบัติตนให้อยู่ในวินัยและหน้าที่ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ  การที่โจทก์ทำหนังสือร้องเรียนกล่าวหาจำเลยที่  3  โดยไม่มีพยานหลักฐานที่จะทำให้เชื่อว่าหนังสือร้องเรียนของโจทก์ดังกล่าวมีมูลเป็นความจริง  จึงถือได้ว่าเป็นการไม่ปฏิบัติตนให้อยู่ในวินัยตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ  การที่จำเลยที่  2  เลิกจ้างโจทก์  จึงมีเหตุผลอันสมควรเพียงพอ  และถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมโจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าเสียหาย  เมื่อโจทก์ถูกเลิกจ้างเนื่องจากฝ่าฝืนระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยจรรยา  มรรยาท  วินัย  และหน้าที่ของผู้รับใบอนุญาต  ผู้จัดการครูใหญ่  หรือครูโรงเรียนเอกชน  พ.ศ.2526  จึงเป็นการเลิกจ้างตามข้อ  34  (5)  โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษตามข้อ  38  ของระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการคุ้มครองการทำงานของครูใหญ่และครูโรงเรียนเอกชน  พ.ศ.2542 

 

                               คดีมีปัญหาตามอุทธรณ์โจทก์ว่า  โจทก์มีสิทธิได้รับค่าเสียหาจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมและค่าชดเชยพิเศษพร้อมด้วยดอกเบี้ยหรือไม่เพียงใด  โดยโจทก์อุทธรณ์ว่า  คำสั่งที่ให้โจทก์ออกจากการเป็นครูไม่ได้ระบุถึงสาเหตุ  และความเสียหายในการเลิกจ้าง  อ้างเพียงว่าเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการโรงเรียนอนุบาลวัดสะแก  และจำเลยได้จ่ายค่าชดเชยให้โจทก์แล้ว  จึงเป็นการเลิกจ้างโดยโจทก์ไม่มีความผิดตามข้อ  32  ประกอบข้อ  33  มิใช่การเลิกจ้างอันเนื่องมาจากโจทก์กระทำผิดตามข้อ  34  โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษตามข้อ  38  ของระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการคุ้มครองการทำงานของครูใหญ่และครูโรงเรียนเอกชน  พ.ศ.2542  ทั้งเป็นการเลิกจ้างโดยไม่มีสาเหตุ  จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม  ดังนั้นเหตุแห่งการเลิกจ้างตามคำให้การของจำเลยทั้งสามและตามคำเบิกความของจำเลยที่  3  ซึ่งมิได้ระบุไว้ในคำสั่งเลิกจ้างจึงเป็นการยกขึ้นอ้างในภายหลัง  ขัดต่อมาตรา  17  (เดิม)  แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ.2541  ศาลจึงไม่อาจรับฟังได้เพราะเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือคำให้การหรือนอกประเด็นเห็นว่า  แม้ประกาศเลิกจ้างโจทก์จากการเป็นครูและบุคลากรของโรงเรียนอนุบาลวัดสะแก  จะมิได้ระบุเหตุผลของการเลิกจ้างไว้  และตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ.2541  มาตรา  17  วรรคสาม   (เดิม)  ได้ระบุว่า  ในกรณีที่นายจ้างเลิกจ้างถ้ามิได้ระบุเหตุผลไว้ในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้าง  นายจ้างจะยกเหตุตามมาตรา  119  ขึ้นอ้างภายหลังไม่ได้ก็ตาม  แต่บทบัญญัติข้อห้ามดังกล่าวก็ใช้บังคับเฉพาะเพียงแต่ในเรื่องการฟ้องเรียกร้องค่าชดเชยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ.2541  เท่านั้น  หาได้เป็นข้อห้ามรวมถึงการฟ้องเรียกร้องค่าชดเชยพิเศษตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการคุ้มครองการทำงานของครูใหญ่และครูโรงเรียน  เอกชน  พ.ศ.2542  และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน  พ.ศ.2522  มาตรา  49  ตามที่โจทก์ฟ้องแต่อย่างใดไม่  ดังนั้นจำเลยทั้งสามจึงยกเหตุแห่งการเลิกจ้างโจทก์ขึ้นอ้างในคำให้การของจำเลยทั้งสามเพื่อต่อสู้คดีของโจทก์ได้  ซึ่งเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าโจทก์ถูกเลิกจ้างเนื่องจากกระทำผิดฝ่าฝืนระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยจรรยา  มรรยาท  วินัย  และหน้าที่ของผู้รับในอนุญาต  ผู้จัดการ  ครูใหญ่หรือครูโรงเรียนเอกชน  พ.ศ.2526  โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามข้อ  34  (5)  ทั้งไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษตามข้อ  38  ของระเบียบกระทรวงศึกษาธิการดังกล่าวและกรณีการเลิกจ้างโจทก์ด้วยเหตุดังกล่าวก็มีเหตุอันสมควร  จึงมิใช่การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม  โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับค่าชดเชยตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการดังกล่าวในอัตราสุดท้ายสามร้อยวันเป็นเงิน  97,000  บาท  ก็นับว่าเป็นคุณแก่โจทก์แล้ว  ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษามานั้น  ชอบแล้ว  ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย  อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

 

                                   พิพากษายืน




อัพเดท ฎีกาน่าสนใจ

ขึ้นทะเบียนรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเกิน ๓๐ วัน ยังมีสิทธิได้รับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานได้ article
ลักษณะความผิดเดียวกัน แต่ระดับความร้ายแรงแตกต่างกัน นายจ้างพิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ผู้จัดการสาขา เสนอรายชื่อลูกค้าที่ขาดคุณสมบัติทำประกันชีวิต ถือว่าจงใจทำให้นายจ้างเสียหาย / ผิดร้ายแรง article
หยุดกิจการชั่วคราวตาม มาตรา ๗๕ article
สัญญาจ้างเป็นสัญญาต่างตอบแทน นายจ้างออกค่าใช้จ่ายในการเข้าทดสอบเพื่อรับเกียรติบัตร เมื่อทดสอบผ่านต้องทำงานกับนายจ้าง ๕ ปี บังคับใช้ได้ article
ศาลแรงงานกลางมีอำนาจสั่งรับพยานเอกสารได้ แม้ไม่ได้ส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายก็ตาม article
ประกอบธุรกิจแข่งขัน / ไปทำงานกับนายจ้างอื่น ในลักษณะผิดต่อสัญญาจ้าง เมื่อลูกจ้างได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้างตามสัญญาแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะบังคับ / ห้ามทำงานตามเงื่อนไขในสัญญาจ้างอีกต่อไป article
คดีแรงงานเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้คดีอาญายกฟ้อง แต่พฤติกรรมการกระทำผิด เป็นเหตุให้นายจ้างไม่อาจไว้วางใจในการทำงานได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
เลิกจ้างเนื่องจากปรับโครงสร้างองค์กร แต่กำหนดรายชื่อไว้ล่วงหน้า ถือเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม article
การหักลบกลบหนี้ หนี้อันเกิดจากสัญญาจ้าง กรณีลูกจ้างกระทำผิดกับสิทธิประโยชน์ที่มีสิทธิได้รับตามสัญญาจ้าง ถือเป็นมูลหนี้อันเป็นวัตถุอย่างเดียวกันหักลบกลบหนี้กันได้ article
เล่นการพนันฉลากกินรวบ เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กรณีร้ายแรง article
กรณีไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจแข่งขันหรือไม่ถือว่าทำงานกับนายจ้างใหม่ในลักษณะธุรกิจเดียวกับนายจ้าง article
สัญญาฝึกอบรม นายจ้างกำหนดเบี้ยปรับได้ เป็นสัญญาที่เป็นธรรม article
ค้ำประกันการทำงาน หลักประกันการทำงาน การหักลบกลบหนี้ค่าเสียหายจากการทำงาน article
ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์แต่ตนเอง เรียกรับเงินจากลูกค้า ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ article
ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา มาทำงานสายประจำ ถือว่า กระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สหภาพแรงงานทำบันทักข้อตกลงเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างกับนายจ้าง อันส่งผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ของสมาชิก ขัดกับข้อตกลงเดิมและมิได้ขอมติที่ประชุมใหญ่ ข้อตกลงดังกล่าวไม่อาจใช้บังคับได้ article
ขอเกษียณอายุก่อนกำหนดตามประกาศ ถือเป็นการสมัครใจเลิกสัญญาจ้างแรงงานต่อกัน มิใช่การเลิกจ้างหรือการเกษียณอายุ จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยตามระเบียบกรณีเกษียณอายุ article
สถาบันวิจัยอันเป็นส่วนหนึ่งของกิจการมหาวิทยาลัยถือเป็นหน่วยงานของรัฐ ได้รับยกเว้น ไม่อยู่ภายใต้บังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา ๔ (๑) article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จากการเลิกจ้างมีอายุความฟ้องร้องได้ภายใน ๑๐ ปี article
ทะเลาะวิวาทเรื่องส่วนตัวไม่ส่งผลกระทบต่อการบังคับบัญชา ไม่เป็นความผิด กรณีร้ายแรง ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ article
พี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกัน มิใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ และเงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต ตามพระราชบัญญัติ ประกันสังคม มาตรา ๗๓ และมาตรา ๗๗ article
ขับรถเร็วเกินกว่าข้อบังคับกำหนด เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนคำสั่งโยกย้าย เลิกจ้างได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ประกาศใช้ระเบียบใหม่ ไม่ปรากฏว่ามีพนักงานโต้แย้งคัดค้าน ถือว่าทุกคนยินยอมปฏิบัติตามระเบียบ article
เงินค่าตอบแทนพิเศษกับเงินโบนัส มีเงื่อนไขต่างกัน หลักเกณฑ์การจ่ายต่างกัน จึงต้องพิจารณาต่างกัน article
ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินกองทุนเงินทดแทน article
ค่ารถแทนรถยนต์ประจำตำแหน่ง ไม่ถือเป็นค่าจ้าง และ ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมให้ถือตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่กำหนดไว้ article
เจรจาให้ลาออก ลูกจ้างไม่ตกลง ขอเวลาตัดสินใจและหยุดงานไป นายจ้างแจ้งให้กลับเข้าทำงานตามปกติ ถือว่านายจ้างยังไม่มีเจตนาเลิกจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ แอบนอนหลับในเวลาทำงาน ถือเป็นเหตุในการเลิกจ้างได้ เลิกจ้างเป็นธรรม article
ลาออกโดยไม่สุจริต ไม่มีผลใช้บังคับ article
ทำความผิดคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน พิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ประกอบธุรกิจ บริการ ด่าลูกค้าด้วยถ้อยคำหยาบคาย " ควาย " ถือเป็นการกระทำความผิดกรณีร้ายแรง article
ข้อบังคับ ระบุให้ผู้บังคับบัญชาเหนือกว่ามีอำนาจแก้ไข เพิ่มโทษ หรือลดโทษได้ การยกเลิกคำสั่งลงโทษเดิมและให้ลงโทษใหม่หนักกว่าเดิมจึงสามารถทำได้ article
เลือกปฏิบัติในการลงโทษระเบียบการห้ามใส่ตุ้มหูมาทำงาน บังคับใช้ได้ แต่เลือกปฏิบัติในการลงโทษไม่ได้ article
ลงโทษพักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างและเตือนในคราวเดียวกันได้ ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน article
จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย article
ข้อตกลงรับเงินและยินยอมปลดหนี้ให้แก่กัน ถือเป็นการตกลงระงับข้อพิพาทแม้จะทำขึ้นก่อนคำสั่งเลิกจ้างมีผลใช้บังคับ article
ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่คู่ความอ้างส่งศาลได้ แม้มิได้ระบุบัญชีพยานไว้ก็ตาม article
สัญญาจ้างห้ามลูกจ้างไปทำงานกับนายจ้างใหม่ที่ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกันมีกำหนดเวลา บังคับใช้ได้ article
เลิกจ้างและรับเงินค่าชดเชย ใบรับเงิน ระบุขอสละสิทธิ์เรียกร้องเงินอื่นใดใช้บังคับได้ ลูกจ้างไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องสินจ้างและค่าเสียหายได้อีก article
เกษียณอายุ 60 ปี ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยนับแต่วันครบกำหนดเกษียณอายุ แม้นายจ้างไม่ได้บอกเลิกจ้างก็ตาม article
ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและเพิกเฉยไม่ดูแลผลประโยชน์ของนายจ้าง เป็นเหตุให้นายจ้างไม่ไว้วางใจในการทำงานได้เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ละเลยต่อหน้าที่ ไม่รายงานเคพีไอ นายจ้างตักเตือนแล้ว ถือว่าผิดซ้ำคำเตือน เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ทำสัญญาจ้างต่างด้าวทำงานในอาชีพต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว สัญญาจ้างถือเป็นโมฆะ article
ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง article
ศาลมีคำสั่งให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาตามหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน ในขณะที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ยุติ ต้องสืบพยานใหม่และพิพากษาใหม่ไปตามรูปคดี article
แม้สัญญาจ้างไม่ได้ระบุระยะเวลาทดลองงานไว้ แต่นายจ้างก็สามารถประเมินผลการทำงานของลูกจ้างได้ article
การควบรวมกิจการ สิทธิและหน้าที่โอนไปเป็นของบริษัทใหม่ การจ่ายเงินสมทบบริษัทใหม่ที่ควบรวมจึงมีสิทธิจ่ายเงินสมทบในอัตราเดิมตามสิทธิ มิใช่ในอัตราบริษัทตั้งใหม่ article
เลิกจ้างรับเงินค่าชดเชยแล้วตกลงสละสิทธิ์จะไม่เรียกร้องผละประโยชน์ใดๆ ถือว่าสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเป็นอันระงับไป article
รับเหมาก่อสร้าง ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบ จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแทนผู้รับเหมาช่วง หากผู้รับเหมาช่วงไม่นำส่งเงินสมทบตามกฎหมายโดยคำนวณจากอัตราค่าจ้างที่ระบุตามแบบ ( ภ.ง.ด. 50 ) และบัญชีงบดุล article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานระบุห้ามทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายร่างกาย ผู้บังคับบัญชา เพื่อนพนักงาน ทั้งในสถานที่ทำงาน หรือสถานที่อื่นๆ ฝ่าฝืนถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง ใช้บังคับได้ไม่ขัดต่อกฎหมาย article
ไส้ติ่งอักเสบ แพทย์วินิจฉัยให้ผ่าตัด ถือเป็นกรณีฉุกเฉิน เบิกค่ารักษาได้ มีสิทธิรับเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ได้ article
ค่าเช่าที่พัก ค่าใช้จ่ายเดินทางเป็นสวัสดิการไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่ารถยนต์ซึ่งกำหนดเป็นสวัสดิการไว้ชัดเจนแยกจากฐานเงินเดือนปกติ ถือเป็นสวัสดิการไม่ใช่ค่าจ้าง article
ละเมิดข้อตกลงสภาพการจ้าง ละเมิดสัญญาจ้าง มีอายุความ 10 ปี มิใช่ 1 ปี article
พฤติกรรมการจ้างที่ถือว่าเป็นการจ้างแรงงาน ถือเป็นลูกจ้าง / นายจ้างตามกฎหมาย article
พนักงานขายรถยนต์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ประจำบูธ ตามที่ได้รับมอบหมาย ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
เลือกตั้งคณะกรรมการสหภาพฯ ขัดต่อข้อบังคับสหภาพหรือขัดต่อกฎหมาย ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบ article
ฝ่าฝืนสัญญาจ้าง กรณีห้ามทำการแข่งขันกับนายจ้างหรือทำธุรกิจคล้ายคลึงกับนายจ้างเป็นเวลา 2 ปี นับจากสิ้นสุดสัญญาต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้าง article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระบุให้นายจ้างเลิกจ้างเพราะเหตุคนล้นงาน ปรับลด ขนาดองค์กรได้ ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเลิกจ้างลูกจ้างได้ article
ข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีตัดสิทธิ์รับเงินสมทบพร้อมผลประโยชน์หากกระทำผิดถูกปลดออกจากงานบังคับใช้ได้ article
ทะเลาะวิวาทกัน นอกเวลางาน นอกบริเวณบริษัทฯ ไม่ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนไม่ไปตรวจสารเสพติดซ้ำตามคำสั่งและนโยบาย ถือว่าฝ่าฝืน ข้อบังคับ หรือ ระเบียบ กรณีร้ายแรง article
วันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วน article
เป็นลูกจ้างที่มีอำนาจกระทำการแทนนายจ้างในการจ้างงาน ไม่มีสิทธิได้รับค่าทำงานในวันหยุด และลักทรัพย์เอาต้นไม้ของนายจ้างไป ถือว่ากระทำผิดอาญาแก่นายจ้าง เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ผลการทำงานดีมาโดยตลอดและไม่เคยกระทำผิดมาก่อน แต่ปีสุดท้ายผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่ถือเป็นเหตุที่จะอ้างในการเลิกจ้าง article
ได้รับบาดเจ็บรายการเดียว เข้ารักษา 2 ครั้ง ถือว่าเป็นการรักษารายการเดียว นายจ้างสำรองจ่ายเพิ่มเติมไม่เกิน 50,000 บาท ไม่ใช่ 200,000 บาท article
ผู้บริหารบริษัท ฯ ถือเป็นลูกจ้างหรือไม่ ดูจาก_________ ? article
ขับรถออกนอกเส้นทาง แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรงและก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้าง นายจ้างหักเงินประกันการทำงานได้ article
ค่าจ้างระหว่างพักงาน เมื่อข้อเท็จจริง ลูกจ้างกระทำความผิดจริง จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างระหว่างพักงาน article
“ นายจ้าง ” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 5 article
สัญญารักษาความลับ ข้อมูลทางการค้า (ห้ามประกอบหรือรับปฏิบัติงานแข่งขันนายจ้าง) มีกำหนด 2 ปี บังคับใช้ได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย และการกำหนดค่าเสียหาย ถือเป็นเบี้ยปรับตามกฎหมาย ศาลปรับลดได้ตามสมควร article
เงินรางวัลการขายประจำเดือน จ่ายตามเป้าหมายการขาย ที่กำหนดไว้ ไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่าโทรศัพท์ เหมาจ่าย ถือเป็นค่าจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ 3 วันทำการ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เลิกจ้างเป็นธรรมไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ลาออกมีผลใช้บังคับแล้ว ออกหนังสือเลิกจ้างภายหลังใช้บังคับไม่ได้ article
ตกลงรับเงิน ไม่ติดใจฟ้องร้องอีกถือเป็นการตกลงประนีประนอมกันบังคับได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย
เลิกจ้างระหว่างทดลองงาน ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ข้อตกลงว่า “หากเกิดข้อพิพาทตามสัญญาจ้างแรงงาน ให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย” ไม่เกี่ยวกับสิทธิตามกฎหมายแรงงาน เมื่อเกิดสิทธิตามกฎหมาย ฟ้องศาลแรงงานได้ โดยไม่ต้องให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย article
เลิกจ้างด้วยเหตุอื่น อันมิใช่ความผิดเดิมที่เคยตักเตือน ไม่ใช่เหตุที่จะไม่จ่ายค่าชดเชย เลิกจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย article
นำรถยนต์ไปใช้ในกิจธุระส่วนตัว มีพฤติกรรมคดโกง ไม่ซื่อตรง พฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ไม่น่าไว้วางใจ ลงโทษปลดออกจากการทำงานได้ article
การกระทำที่กระทบต่อเกียรติ ชื่อเสียงของนายจ้าง และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แม้กระทำนอกสถานที่ทำงานและนอกเวลางาน ก็ถือว่า ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรง article
สัญญาค้ำประกันการทำงานไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ต้องรับผิดชอบตลอดไป article
ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเลิกจ้างได้ ถือว่าเลิกจ้างเป็นธรรมและความผิดที่ลงโทษแล้วจะนำมาลงโทษอีกไม่ได้ article
ผิดสัญญาจ้างไปทำงานกับคู่แข่ง นายจ้างฟ้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาได้ แต่ค่าเสียหาย เป็นดุลพินิจของศาลจะกำหนด article
จงใจกระทำผิดโดยผิดกฎหมายเป็นเหตุให้นายจ้างเสียหาย ถือว่า กระทำละเมิดต่อนายจ้าง ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น article
ตกลงสละสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย ภายหลังเลิกจ้าง ใช้บังคับได้ ไม่เป็นโมฆะ article
ก้าวร้าวไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ามิใช่ค่าจ้าง คิดดอกเบี้ยในอัตรา 7. 5 ต่อปี article
ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของนายจ้างในเรื่องส่วนตัวเป็นประจำ ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่กาปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต เลิกจ้างเป็นธรรม article
สั่งให้พนักงานขับรถ ขับรถออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้มีส่วนในการขับรถ ถือว่าผิดต่อสัญญาจ้าง แต่ไม่ต้องรับผิดอันมีผลโดยตรงจากมูลละเมิด ( ขับรถโดยประมาท ) article
จ่ายของสมนาคุณให้ลูกค้า โดยไม่ตรวจสอบบิลให้ถูกต้อง มิใช่ความผิดกรณีร้ายแรงไม่ใช่การทุจริตต่อหน้าที่ แต่ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เสร็จลุล่วงไปโดยถูกต้อง และสุจริต เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ฟ้องประเด็นละเมิด กระทำผิดสัญญาจ้าง ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง มีอายุความ 10 ปี article
ตกลงยินยอมให้หักค่าจ้างชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ นายจ้างสามารถหักค่าจ้างได้ตามหนังสือยินยอมโดยไม่ต้องฟ้อง article
กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างและประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง article
“ งานโครงการตามมาตรา 118 วรรค 4 ” บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ว่าจ้างลูกจ้างทำงานตามโครงการที่รับเหมา ถือว่าจ้างงานในปกติธุรกิจของนายจ้าง มิใช่งานโครงการ article
เงินโบนัสต้องมีสภาพการเป็นพนักงานจนถึงวันกำหนดจ่าย ออกก่อนไม่มีสิทธิได้รับ article
ระเบียบกำหนดจ่ายเงินพิเศษ ( gratuity ) เนื่องจากเกษียณอายุ โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายแตกต่างจากการจ่ายค่าเชย ถือว่านายจ้างยังไม่ได้จ่ายค่าชดเยตามกฎหมาย article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.

บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด

เลขที่ 511/4 ถนนประชาอุทิศ 117/1 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร (10140)

โทร/Tel : 02 - 8159522, แฟกซ์/Fax : 02 - 8159523, มือถือ/Mobile : 081 - 7936156

อีเมล/E-mail : sawai.prm@gmail.com, เว็บไซต์/Web : www.parameelaw.com