ส่องอาชีพเด็กใหม่ยุคไอที'เน็ตเวิร์คเกอร์'มาแรงเรียนดีมีรุ่ง'
นอกจากระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ไฟฟ้า, ประปา แล้ว คาดการณ์กันระบบต่อไปที่สำคัญมากและขาดไม่ได้คือ "อินเตอร์เน็ต" แต่หากความเจริญอันรวดเร็วนั้นไม่สอดคล้องกับกำลังคน มีแต่ "ผู้ใช้" แต่ไม่มี "ผู้ทำ" โลกในยุคหน้าจะเป็นเช่นไร?? ในเมืองไทยซึ่งมีปัญหาแรงงานด้านไอทีขาดแคลน ผู้ชำนาญการน้อย นำมาซึ่งกระบวนการพัฒนาบุคคลเพื่อป้อนเข้าสู่วิชาชีพ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจว่า "เน็ตเวิร์คเกอร์" จะเป็นอาชีพที่น่าสนใจและเนื้อหอม ภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ด้วยวิสัยทัศน์และนโยบายผลิตบัณฑิตคุณภาพเพื่อรับใช้สังคม คณะวิทยาการและเทคโนโลยีสารสนเทศ ม.เทคโนโลยีมหานคร จึงได้เปิดสาขาเน็ตเวิร์ค ที่มุ่งสอนความรู้ด้านการเขียน, จัดการ และแก้ปัญหาด้านระบบไอทีโดยเฉพาะ เป็นแห่งแรกในเมืองไทย ล่าสุดสองนักศึกษาก็ไปคว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขัน "ไทยแลนด์ เน็ตไรเดอร์ 2013" ของ ซิสโก (CISCO) บริษัทที่เกี่ยวกับเน็ตเวิร์คยักษ์ใหญ่ของโลก ซึ่งมีผู้สนใจสมัครรวมกว่า 140 ทีม!!!
สองจีเนียสณัฐพลเปรมจิตต์เสถียร (ดิ๊บ) และ สุรศิษฏ์ โตรักษา (แซม) นักศึกษาปี 2 เผยตั้งแต่แรงบันดาลใจในการเลือกเรียนสาขานี้ว่า "เห็นถึงความจำเป็นของมัน เพราะระบบไอทีเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันคนเราตั้งแต่เราตื่นนอน ไปทำงาน กระทั่งนอนหลับ ช่วยอำนวยความสะดวกสบายมากมาย แต่คนส่วนใหญ่ใช้เป็นอย่างเดียว แก้ไขปัญหาไม่ได้ เหมือนเราใช้จนชิน ขาดมันไม่ได้ เพราะฉะนั้นดีมานด์มีอยู่ตลอดอยู่แล้ว อีกอย่างผมชอบที่จะศึกษามันด้วย เวลาไปธนาคาร ไปดูหนัง หรือไปเที่ยว ก็พยายามคิด เชื่อมโยงว่าเขาใช้คอมพิวเตอร์ทำงานกันอย่างไร ผ่านระบบอะไร ไปที่ส่วนไหนก่อน" ดิ๊บ กล่าวก่อนที่แซมจะเสริมว่า "ผมเริ่มจากชอบเล่นเกม เห็นเกมภาพสวยดี และมีฉากทำให้เราตื่นเต้นตลอดเวลา ก็สงสัยว่าเขาเขียนโปรแกรมได้อย่างไร อยากทำได้แบบนี้บ้างจังเลยเลือกเรียนสาขาไอทีที่เกี่ยวกับเน็ตเวิร์ค พอมาเรียนก็ไม่ผิดหวังเลย รู้สึกว่าระบบมีความสำคัญมากเป็นกลไกในการทำงานในทุกๆ ธุรกิจ การทำงานที่มีประสิทธิผลต้องมาจากระบบที่มีประสิทธิภาพ และเมื่อหลายครั้งที่ระบบมีปัญหาต้องแก้ให้เร็วที่สุดเพราะส่งผลกับธุรกิจอย่างมากมาย ยกตัวอย่างระบบสื่อสารโทรคมนาคมในบ้านเราที่ล่มเมื่อไม่นานมานี้พิสูจน์ให้เห็นความสำคัญของเน็ตเวิร์คเกอร์ ยิ่งแก้เร็วความเสียหายก็จะยิ่งน้อยลง"
ส่วนการแก้ปัญหาได้เร็ว-ช้า ขึ้นอยู่กับอะไร? "ขึ้นอยู่กับปัญหาครับ ซึ่งปัญหาก็เหมือนเชื้อโรคมีมากมายหลากหลาย ต้องดูเป็นเรื่องๆ ไป แต่หลักการจะแก้ได้คือ 1.ทฤษฎีเราต้องแน่น หมั่นอ่านหนังสือและขวนขวายหาความรู้เฉพาะทาง 2.ซ้อมแก้ปัญหา ด้วยการทำเป็นแบบฝึกหัดอยู่บ่อยๆ จะได้รู้อาการ วิเคราะห์ หาทางแก้ได้แม่นยำ 3.สั่งสมประสบการณ์เรียนรู้จากเคสจริงหรือเสมือนจริงจะช่วยได้มากเวลาคิดไม่ออก อย่ารน มีสติ ค่อยๆ แก้ทีละจุด"
เคล็ดลับเรียนดี? "อย่างที่บอก ไม่เน้นแลคเชอร์ เน้นทำจริง โชคดีที่ทางมหาวิทยาลัยให้การสนับสนุน มีความพร้อม มีห้องเน็ตเวิร์ค โอเปอเรชั่น เซ็นเตอร์, ห้องแล็บ ฯลฯ คอยบริการนักศึกษาตลอดเวลา และอาจารย์ที่ปรึกษาก็หมั่นหาเคสที่ทันต่อสถานการณ์โลกมาเป็นกรณีศึกษาและทำเป็นโจทย์ให้แก้ปัญหา แต่ส่วนสำคัญที่สุดต้องขึ้นอยู่กับเราด้วย ต้องตั้งใจทำจริง"
มองว่า "เน็ตเวิร์คเกอร์" เมืองไทยยังขาดอะไร หรือต้องเพิ่มในส่วนไหน?? "ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าสู่อาชีพโดยตรง แต่เท่าที่มองที่เป็นปัญหา สำหรับเพื่อนๆ น้องๆ ที่อยากจะเรียนในสาขานี้ ต้องฝึกภาษาอังกฤษเยอะๆ ให้แตกฉาน ถึงบ้านเราจะเริ่มทีหลังก็จริง สถาบันที่เปิดสอนเกี่ยวกับเน็ตเวิร์คที่มีความพร้อมจริงๆ ยังมีน้อย แต่ถ้าเราไม่มีข้อจำกัดด้านภาษาเราก็สามารถหาความรู้เพิ่มเติมได้อีกมากมาย ซึ่งมันก็เป็นประโยชน์กับตัวเองด้วยเพราะโปรแกรมทุกอย่างล้วนเป็นภาษาอังกฤษ ยิ่งรู้มากยิ่งเข้าใจเร็ว แก้ปัญหาได้เร็ว"
ด้าน ผศ.ดร.ศุภกร กังพิสดาร ผู้เชี่ยวชาญด้าน Network Security เผยว่า "เน็ตเวิร์คเกอร์" อาจเป็นเรื่องใหม่แต่สำหรับในต่างประเทศเป็นอาชีพยอดฮิต เนื่องจากปราศจากข้อจำกัดมากมาย ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนร่วมงาน ทำงานที่ไหนก็ได้ อีกทั้งถ้ามีประสบการณ์เยอะ ชั่วโมงบินสูงเคยแก้ปัญหาระบบใหญ่ๆ ค่าตัวจะสูงขึ้นเป็นทวีคูณ ความต้องการของตลาดยิ่งสูงขึ้นมากในแต่ละวัน เพราะทุกธุรกิจล้วนต้องการระบบที่มีประสิทธิภาพเพื่อผลิตผลที่สูงสุด เห็นได้ชัดว่าหลายบริษัทฯ ลงทุนกับระบบในตัวเลขที่สูง วางระบบแล้วก็ต้องมีคนดูแลรักษา ฉะนั้นเวทีการแข่งขัน "เน็ตไรเดอร์ 2013" ของ ซิสโก (CISCO) ก็เสมือนการปูทางให้เยาวชนทั่วโลกได้ตื่นตัวและมีความรู้เท่าทันไอที รู้จักใช้และรู้จักแก้ปัญหา ในส่วนของเยาวชนไทยนั้น ความรู้ไม่เป็นรองแต่ติดปัญหาในเรื่องภาษาเท่านั้น เนื่องด้วยโปรแกรมส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ ฉะนั้นคนที่สนใจในอาชีพนอกจากเรียนรู้ระบบแล้วต้องพัฒนาภาษาด้วย"