พิษบาทแข็งฉุดดัชนีอุตฯร่วง ส.อ.ท.แจ้งจับอดีตอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
ศูนย์ฯ สิริกิติ์ * เงินบาทแข็งค่า ฉุดดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือน เม.ย.2556 ร่วงลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ส่วนดัชนีล่วงหน้า 3 เดือน ถึงจุดต่ำสุดในรอบ 18 เดือน ชี้ค่าบาทยังกระทบต่ออุตสาหกรรมส่งออก หนุนเอสเอ็มอีใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ด้าน ส.อ.ท.แจ้งจับอดีตอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ข้อหาทุจริตเงินน้ำท่วม
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประ เทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน เม.ย.2556 ว่า อยู่ที่ระดับ 92.9 ลดลงจากระดับ 93.5 ในเดือน มี.ค.2555 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และต่ำกว่าค่าปกติที่ 100 เป็นเดือนที่ 10 ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลของผู้ประกอบการต่อการแข็งค่าของเงินบาท และเป็นการแข็งค่ากว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการส่งออกมากกว่าครึ่งของยอดขาย
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน ทำให้คำสั่งซื้อเป็นไปด้วยความยากลำบาก ส่วนผู้ประ กอบการมีแนวโน้มที่จะนำเข้าวัตถุ ดิบจากต่างประเทศที่มีราคาถูกกว่ามาทดแทนการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตที่เป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำภายในประเทศ ขณะที่ภาครัฐยังไม่มีมาตรการช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรม
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 99.1 ลดลงจากระดับ 99.3 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 18 เดือน และเป็นระดับต่ำกว่า 100 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากผู้ประกอบการ ยังมีความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ ขณะที่ผลกระทบจากราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ยังเป็นปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ ผู้ประกอบการเสนอให้เร่งดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่ามากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค โดยเฉพาะค่าเงินของประเทศคู่แข่ง พร้อมทั้งจัดอบรมให้แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และจัดหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้วย
นายพยุงศักดิ์กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตโครงการยกระดับฝีมือแรงงานลูกจ้าง ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยกลับสู่สถานประกอบกิจการในจังหวัดลพบุรี ว่า ได้เข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายประพันธ์ มณท การติวงศ์ อดีตอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และนายสนอง ป่าธนู ประธานอุตสาหกรรมจังหวัดลพบุรี และพวกรวม 13 ราย กรณีทุจริตเงินในโครงการยกระดับฝีมือแรงงานลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยกลับสู่สถานประกอบการใน จ.ลพบุรี เหตุเกิดตั้งแต่เดือน มี.ค. - พ.ค.2555 มูลค่าความเสียหายจำนวน 6 ล้านบาท
"การเข้าแจ้งความดังกล่าวนั้นเป็นการกระทำโดยสุจริตใจ ไม่ได้กลั่นแกล้งบุคคลใดอย่างแน่นอน ซึ่งทาง สอท.มีนโยบายในการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นทุกรูปแบบ และจะดำเนินการกับผู้ที่ทุจริตเงินภาษีประชาชนจนถึงที่สุดเพื่อให้เป็นคดีตัวอย่าง และเป็นบรรทัดฐานให้กับสังคมไทยต่อไป" นายพยุงศักดิ์กล่าว
พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า คดีนี้มีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกระทำผิดด้วย ดังนั้น กองปราบปรามจะทำหน้าที่สืบสวนข้อเท็จจริง รวบรวมพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล พยานเอกสารและเส้นทางการเงิน ก่อนส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการภายใน 30 วัน.
ส.อ.ท. เผยความคืบหน้าการสอบสวน กรณีทุจริตโครงการยกระดับฝีมือแรงงานลูกจ้าง
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท.เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนข้อร้องเรียน เกี่ยวกับการทุจริตโครงการยกระดับฝีมือแรงงานลูกจ้าง ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยกลับสู่สถานประกอบกิจการในจังหวัดลพบุรี
ตามที่ ส.อ.ท. ได้รับทราบข่าวการร้องเรียนจากการนำเสนอข่าวของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2555 กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการทุจริตของโครงการยกระดับฝีมือแรงงานลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยกลับสู่สถานประกอบกิจการ เนื่องจากมีการจ่ายเงินโครงการให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ ที่เป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรม ไม่ถูกต้องครบถ้วน ทั้งเงินค่าวิทยากร ค่าอาหารผู้เข้าฝึกอบรม ค่าวัสดุฝึก และ ค่าบริหารงานอื่นๆ และหลังจากนั้น กลุ่มรักษ์สภาลพบุรีได้ทำหนังสือถึง ส.อ.ท. ส่งข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในโครงการให้ ส.อท. ทราบ และคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดลพบุรี ได้มีหนังสือถึง ส.อ.ท. ขอทราบความคืบหน้ากรณีการทุจริตโครงการดังกล่าว
โดยในเดือนกันยายน 2555 ส.อ.ท.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวขึ้น ซึ่งมี นายสุชาติ วิสุวรรณ รองประธานอาวุโส ส.อ.ท. (ในขณะนั้นทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลงานสายงานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด) เป็นประธาน แต่เนื่องจากการดำเนินการสอบสวนไม่คืบหน้า ในเดือนธันวาคม 2555 ส.อ.ท. จึงได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดที่สอง โดยมีนายบวร วงศ์สินอุดม รองประธาน ส.อ.ท. เป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบฯ ชุดที่สอง ไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ที่เกี่ยวข้องเท่าที่ควรเมื่อขอข้อมูล ส.อ.ท. จึงได้ประสานงานและขอให้กับกองบังคับการปราบปราม สืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2556 พันตำรวจเอกประสบโชค พร้อมมูล รองผู้บังคับการ ปฏิบัติราชการแทน ผู้บังคับการปราบปราม ได้มีหนังสือแจ้งผลการสอบสวนกับ ส.อ.ท. พบข้อเท็จจริงว่า มีหลักฐานเชื่อได้ว่ามีการทุจริตเงินงบประมาณในโครงการยกระดับฝีมือแรงงานลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยกลับสู่สถานประกอบกิจการ ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ที่สภาอุตสาหกรรมจังหวัดลพบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชนร่วมกันกระทำผิดเบียดบังเอาเงินงบประมาณในลักษณะที่เป็นขบวนการมาตั้งแต่ต้น สำหรับเจ้าหน้าที่ เป็นกรณีความผิดทุจริตต่อหน้าที่และร่วมกระทำผิดกับเอกชน สำหรับเอกชนเป็นกรณีการสนับสนุนเจ้าพนักงานในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
ดังนั้น ในวันนี้ วันที่ 17 พฤษภาคม 2556 ส.อ.ท. จึงได้ดำเนินการกล่าวโทษร้องทุกข์เรื่องนี้ กับกองบังคับการปราบปราม เพื่อให้กองบังคับการปราบปราม ดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การดำเนินการของ ส.อ.ท. ต่อเรื่องดังกล่าว เป็นการดำเนินการโดยเจตนารมย์อันสุจริต ตามหลักฐานที่ปรากฎ และเป็นการเน้นย้ำถึงนโยบายอันแน่วแน่ของ ส.อ.ท. ในการต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบในทุกระดับชั้น ซึ่ง ส.อ.ท. เป็นหนึ่งใน แนวร่วมปฏิบัติ (Collective Action Coalition) ของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต ส.อ.ท. จะผลักดันเรื่องนี้ จนกว่าคดี จะถึงที่สุด และหวังว่า คดีนี้ จะเป็นคดีตัวอย่าง และเป็นบรรทัดฐานให้แก่สังคมไทยในเรื่องทำนองเดียวกันนี้ต่อไป