กรมโรงงานพบข้อมูล รง.เถื่อนนับพัน แอบเดินเครื่องผิดกม.
นายณัฐพล ณัฐฏสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า มอบหมายให้เจ้าหน้าที่แต่ละจังหวัดออกไปตรวจสอบโรงงานเถื่อนที่ไม่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการจากกรมโรงงานฯ ซึ่งมีการแอบเดินเครื่องผลิตสินค้าและจ้างแรงงานจำนวนมาก คาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า?1,000 แห่ง ส่วนใหญ่จะอยู่ในจ.สมุทรปราการ และจังหวัดปริมณฑลของกรุงเทพฯ เช่น โรงงานฟอกย้อม, อู่ซ่อมรถยนต์ เป็นต้น หากโรงงานมาขออนุญาตจากกรมโรงงานคงไม่สามารถอนุญาตได้แน่นอน เพราะมีการก่อสร้างที่ผิดกฎหมายผังเมือง, อยู่ใกล้บริเวณวัด สถานที่ราชการ และทำผิดอื่นๆ อีกมาก
“โรงงานเหล่านี้ก่อสร้างเริ่มแรกไม่ถูกต้องมีทั้งที่ได้รับอนุญาตจากท้องถิ่น และยังไม่ได้รับอนุญาต แต่หากมาขออนุญาตจากกรมโรงงานเชื่อว่าคงไม่ได้รับอนุญาตแน่นอนเพราะมีการดำเนินการผิดขั้นตอนกฎหมาย ดังนั้นผู้ประกอบการกลุ่มนี้ก็เดินเครื่องผลิตเลย แต่ที่น่าเป็นห่วงพบว่าบางรายก็มีการปล่อยมลพิษจนสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้าน”นายณัฐพล กล่าว
อย่างไรก็ดีหากช่วยเหลือโรงงานเหล่านี้ให้เข้าอยู่ในระบบ และให้โรงงานดูแลเรื่องมาตรฐานและรักษาสิ่งแวดล้อมแทน ซึ่งจะเป็นแนวทางดีกว่าที กรมโรงงานจะสั่งให้ปิดกิจการ เพราะจะสามารถช่วยเหลือแรงงานให้ทำงานต่อไปได้
“การช่วยผู้ประกอบการดังกล่าวก็คงต้องมีการพิจารณาเรื่องกฎหมายเป็นการเฉพาะเพื่อที่จะดึงกลุ่มดังกล่าวให้เข้าอยู่ในระบบอย่างถูกต้องต่อไป”นายณัฐพล กล่าว
รายงานข่าวจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม แจ้งว่า ในไตรมาสแรกของปี 2556 (ม.ค.—มี.ค.) มีผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานให้ดำเนินกิจการ 940 ราย มูลค่าลงทุน 58,252 ล้านบาทและมีการจ้างงาน 19,795 คน ส่วนใหญ่เป็นกิจการเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, ยานยนต์และชิ้นส่วน, โรงสีข้าว, ผลิตคอนกรีต, ขุดทรายและหินรองรับการขยายตัวของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง, โรงผลิตไฟฟ้า, พลังงานทดแทน,เครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น
ทั้งนี้นักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่ง ประกอบกับในปี 2558 จะมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่จะมีตลาดผู้บริโภครวมกัน 600 ล้านคน ซึ่งไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในด้านการลงทุนและการกระจายสินค้าไปในประเทศต่างๆ ของภูมิภาคนี้
สำหรับจังหวัดที่มีมูลค่าลงทุนสูงสุดในไตรมาสที่ 1 คือ จังหวัดปราจีนบุรี มีตั้งโรงงาน 21 แห่ง มูลค่าลงทุน 10,640 ล้านบาท รองลงมา ปทุมธานี 21 ราย มูลค่าลงทุน 6,735 ล้านบาท, สระบุรี 20 ราย มูลค่าลงทุน 4,193 ล้านบาท, ชลบุรี 60 ราย มูลค่า 4,077 ล้านบาท, นครปฐม 24 ราย มูลค่า 2,913 ล้านบาท และ สมุทรปราการ 57 ราย มูลค่า 2,414 ล้านบาท