แรงงานเถื่อนปมที่ต้องแก้ ก่อนเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
คงจะปฏิเสธกันไม่ได้ว่าในปัจจุบันแรงงานต่างด้าวเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยอย่างมากในด้านของการใช้แรงงาน และมีอิทธิพลค่อนข้างสูง สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือปัญหาสังคมและความมั่นคงของประเทศ เพราะไม่อาจทราบล่วงหน้าได้ว่าชนกลุ่มน้อยเหล่านี้จะติดอาวุธขึ้นมาสร้างความวุ่นวายเมื่อใด
ไม่ต้องไปโทษใครที่ชักศึกเข้าบ้าน แต่เป็นเพราะคนไทยเรานี่เองที่ไม่ยอมทำงานหนักและงานที่เสี่ยง ขณะที่ประเทศเดินหน้าในเรื่องระบบทุนนิยม ประชานิยมและสังคมนิยม และคนไทยก็ไม่ปฏิเสธค่านิยม เดินตามกันเป็นแฟชั่น ไม่หันมามองแนวทางเดิมตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงเลี้ยงตัวรอด
ปัญหาแรงงานต่างด้าวที่เกิดขึ้นต้นตอส่วนหนึ่งมาจากการเกิดพายุเกย์ พายุลินดา ถาโถมเข้าชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกและตะวันออกของประเทศไทยในปี 3532-33 และยังมาเจอคลื่นใหญ่สึนามิในปี 2550 อีก เมื่อเกิดเหตุใหญ่ๆ 2-3 ครั้ง แรงงานไทยในทะเลเริ่มไม่กล้าที่จะเสี่ยงชีวิต เพราะภัยในครั้งนั้นก่อให้เกิดการสูญเสียแรงงานไปจำนวนมาก และส่วนใหญ่เป็นแรงงานชาวอีสาน ครอบครัวผู้สูญเสียจึงไม่อยากให้บุตรหลานมาใช้แรงงานในภาคประมงทะเล ทั้งประมงทะเลน้ำลึกและประมงชายฝั่ง ในขณะที่ประเทศไทยอยู่ในช่วงเดินหน้าในด้านเศรษฐกิจที่จะก้าวเข้าสู่ผู้นำในอาเซียนต้องหยุดชะงัก เพราะภาคอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องจากประมงทะเลไม่มีแรงงาน
รัฐบาลไทยในช่วงนั้นจึงประกาศและอนุญาตให้นำแรงงานต่างด้าวเข้ามาใช้ในภาคประมงทะเลได้ รวมทั้งแรงงานจากภาคประมงทะเลต่อเนื่อง เช่น โรงน้ำแข็ง แพปลา และโรงงานอุตสาหกรรมที่แปรรูปสัตว์น้ำในทะเล แม้แต่เกษตรกรชาวประมงพื้นบ้านก็นำแรงงานต่างด้าวเข้ามาใช้ในการเพาะเลี้ยงกุ้งและปลา
จากวันนั้นถึงวันนี้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าวอยู่ในประเทศไทยจำนวนมากเกินกว่าที่รัฐบาลกำหนดกฎเกณฑ์หรือกฎหมายออก
มาควบคุมแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะ และปัจจุบันประเทศไทยไม่ได้นำแรงงานต่างด้าวเข้ามาใช้ในกิจการต่อเนื่องจากประมงทะเลเท่านั้น แรงงานภาคอื่นๆ ก็เข้ามาร่วม ทั้งงานก่อสร้าง การเกษตร โรงงาน และกิจกรรมตามบ้านเรือนต่างๆ
เมื่อแรงงานต่างด้าวทะลักเข้ามาทั้งแบบถูกต้องและไม่ถูกต้อง ความยุ่งยากต่างๆ จึงตามมาเป็นระลอก รัฐบาลพยายามอย่างมากที่จะจัดระเบียบให้ถูกต้อง อยู่ในกรอบของกฎหมาย แต่ก็มีการออกไปอยู่นอกกรอบกันมากและมากขึ้นทุกวัน เพราะผลประโยชน์ที่ต่อเนื่องจากการหลบหนีเข้าเมือง โดยเสียค่าหัวให้นายหน้า ซึ่งอ้างว่าจะนำไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "ส่งส่วย" หรือค่าน้ำ
ที่จังหวัดสมุทรสงครามหรือเมืองแม่กลองก็เช่นกัน ปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าวที่ถูกต้องประมาณ 6-7 พันคน แต่ที่ไม่ถูกต้องมีหลายหมื่นคน เช่นเดียวกับพื้นที่ จ.สมุทรสาคร และ จ.สมุทรปราการ ไปจนถึงพื้นที่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกและตะวันตก
นายสมหมาย แนนำ แรงงานต่างด้าวใน จ.สมุทรสงคราม กล่าวว่า เมืองไทยน่าอยู่ อยู่แล้วสุขสบาย รายได้ก็ดี เสียอย่างเดียวความปลอดภัยไม่ค่อยมี ทุกวันนี้แรงงานต่างด้าวมักถูกเอารัดเอาเปรียบจากคนของรัฐและนักเลงหัวไม้ที่คอยรีดไถ ไม่ให้ก็อยู่ไม่ได้ ให้มากเราก็ไม่พอกินพอใช้ เพราะจะต้องส่งเสียทางบ้านด้วย จึงอยากให้ภาครัฐช่วยดูแลสวัสดิการของแรงงานต่างด้าวด้วย
เช่นเดียวกับนางสาววันนา แรงงานต่างด้าวชาวพม่าที่ทำงานในห้องอาหารริมทะเลดอนหอยหลอด กล่าวว่า กลัวคนมีสีมาก นอกจากจะเรียกค่าคุ้มครองแล้ว แรงงานสาวๆ บางคนยถูกข่มขืนด้วย คนมีลูกมีผัวแล้วก็ไม่เว้น บางทีใส่สร้อยทองก็ถูกยึดไป อยากให้ทางจังหวัดและรัฐบาลไทยดูแลให้เหมือนคนไทยจะได้หรือไม่
ด้านนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน กล่าวในคราวที่เดินทางมาเป็นประธานการประชุมแก้ไขปัญหาแรงงานในภาคอุตสาหกรรมที่ จ.นครปฐม ว่า กระทรวงแรงงานเล็งเห็นความสำคัญของแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวมาก เพราะถ้าขาดคนกลุ่มนี้เมืองไทยก็ไปไม่รอด ยิ่งเฉพาะในเรื่องของเศรษฐกิจของภาคอุตสาหกรรมและกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับประมงทะเล ตลอด
จนอาชีพรับจ้างทั่วไป จึงต้องยอมรับสภาพที่ต้องใช้แรงงานต่างด้าวด้วยความจำเป็นด้วยความอยู่รอด ยิ่งเฉพาะในปี 2558 ที่ประเทศไทยต้องรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน แรงงานต่างๆ จะมีการวนเวียนเข้า-ออกในประเทศและนอกประเทศ เรียกว่าเป็นอิสรเสรีในเรื่องของการใช้แรงงานร่วมกัน ประเทศไทยจึงต้องวางมาตรการป้องกันและแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวที่พักพิงในสถานที่ต่างๆ ให้อยู่ในกรอบของสังคมไทย ก่อนถึงวาระที่เศรษฐกิจอาเซียนจะมาครอบคลุมประเทศไทยจนเราทำอะไรไม่ได้เลย จึงอยากให้ทุกฝ่ายเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรับสถานการณ์ในตอนนั้น
นอกจากนี้ ในวันที่ 5 มีนาคม 2556 มูลนิธิรักษ์ไทยได้จัดประชุมสื่อมวลชนใน จ.สมุทรสงคราม และพื้นที่ใกล้เคียงทุกแขนง ที่ห้องประชุมทะเลสีครีม สวนอาหารลุงขันธ์ ดอนหอยหลอด เพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาแรงงานต่างด้าวใน จ.สมุทรสงคราม และจังหวัดใกล้เคียง อาทิ สมุทรสาคร ราชบุรีและเพชรบุรี โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน แกนนำชุมชน มาร่วมปรึกษาหาทางแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวก่อนที่จะถึงยุคเศรษฐกิจอาเซียนจะมาเยือนด้วย.