คำพิพากษาฎีกา ที่ ๗๗๔ / ๒๕๕๓
ไม่ใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ถือเป็นทายาทตาม พระราชบัญญัติประกันสังคม ไม่มีสิทธิ์รับเงินบำเหน็จชราภาพ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบิดาของนายสุรัตน์ เหรียญประชา นายสุรัตน์ เป็นลูกจ้างของบริษัทนิวอิมพีเรียลโฮเต็ล สาขา ๑ จำกัด สิ้นสภาพการเป็นลูกจ้างเมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๖ ส่งเงินสมทบกรณีชราภาพแล้วเป็นเวลา ๕๐ เดือน นายสุรัตน์ถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๔๗ โจทก์ยื่นคำร้องต่อสำนักงานประกันสังคมจังหวัดนครปฐมขอรับเงินบำเหน็จชราภาพ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดนครปฐมมีคำสั่งว่า โจทก์ไม่ใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสุรัตน์ ไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ โจทก์อุทธรณ์ คณะกรรมการอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยที่ ๑๓๘/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๔๘ ยกอุทธรณ์ของโจทก์ด้วยเหตุเดียวกัน โจทก์เห็นว่าพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.๒๕๓๓ มาตรา ๗๗ จัตวา วรรคสอง (๓) เพียงแต่บัญญัติว่าผู้มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเป็นบิดา โดยไม่ได้บัญญัติว่าเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้โจทก์ไม่ใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสุรัตน์โจทก์ก็มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ ขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ที่ ๑๓๘/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๔๘ และให้โจทก์เป็นผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ (เงินบำเหน็จชราภาพ) ของนายสุรัตน์
จำเลยให้การว่า มารดาของนายสุรัตน์ถึงแก่ความตายแล้ว นายสุรัตน์ไม่มีภริยาและบุตร โจทก์เป็นบิดาของนายสุรัตน์ แต่โจทก์ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับมารดาของนายสุรัตน์ ไม่ได้จดทะเบียนรับรองว่านายสุรัตน์เป็นบุตร และศาลไม่ได้พิพากษาว่านายสุรัตน์เป็นบุตรของโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสุรัตน์ ไม่ใช่ทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ใช่ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.๒๕๓๓ มาตรา ๗๗ จัตวา คำวินิจฉัยของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดนครปฐมตามหนังสือที่ นฐ ๐๐๒๕/๖๐๙๕๗ ลงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ที่ ๑๓๘/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๔๘ ชอบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างการพิจารณาของศาลแรงงานกลางคู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นบิดาของนายสุรัตน์ เหรียญประชา ตามความเป็นจริงโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับมารดาของนายสุรัตน์ ไม่เคยจดทะเบียนรับรองนายสุรัตน์เป็นบุตร ไม่มีคำพิพากษาว่านายสุรัตน์เป็นบุตร โจทก์เลี้ยงดูส่งเสียนายสุรัตน์จนจบการศึกษาชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพการท่องเที่ยวและพักอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน นายสุรัตน์ไม่มีภริยาและบุตร มารดาของนายสุรัตน์ถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยมีหนังสือสำนักงานประกันสังคมจังหวัดนครปฐมที่ นฐ ๐๐๒๕/๖๐๙๕๗ ลงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ เอกสารหมาย ล.๓ แจ้งว่าโจทก์ไม่ใช่ทายาทของนายสุรัตน์ ไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพกรณีตาย และคณะกรรมการอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยที่ ๑๓๘/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๔๘ เอกสารหมาย ล.๔ ว่าโจทก์ไม่ใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสุรัตน์ ยกอุทธรณ์ของโจทก์ จำเลยจ่ายเงินสงเคราะห์กรณีตายให้โจทก์และจ่ายค่าทำศพให้ นางสุภรี สังข์ภิญโญ ไปแล้วตามเอกสารหมาย ล.๗, ล.๘ และ ล.๖ ศาลแรงงานกลาง เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ ให้งดสืบพยาน
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ทายาทผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพของผู้ประกันตนที่ถึงแก่ความตายก่อนที่จะได้รับประโยชน์ทดแทนตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.๒๕๓๓ มาตรา ๗๗ จัตวา วรรคสอง (๓) คือ บิดามารดา หรือบิดาหรือมารดาที่มีชีวิตอยู่ โดยไม่ได้ให้คำจำกัดความ “บิดามารดา” ว่ามีความหมายอย่างไร แต่พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.๒๕๓๓ บัญญัติถึงบิดามารดาไว้หลายแห่งเช่นมาตรา ๗๓ (๒) มาตรา ๗๕ ตรี โดยไม่ได้บัญญัติให้มีความหมายต่างกัน ต่างกับคำว่า “บุตร” ที่บัญญัติให้มีความหมายต่างกันโดยมาตรา ๗๕ ตรี และมาตรา ๗๗ จัตวา (๑) บัญญัติคำว่า “บุตร” ให้มีความหมายต่างจากมาตรา ๗๓ (๒) โดยใช้คำว่า “บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย” หากต้องการความหมายของ “บิดามารดา” ในมาตรา ๗๗ จัตวา วรรคสอง (๓) แตกต่างจากมาตรา ๗๓ (๒) แล้วก็น่าจะต้องบัญญัติให้ถ้อยคำแตกต่างกัน ในส่วนของประโยชน์ทดแทนในกรณีตายตามมาตรา ๗๓ (๒) (เงินสงเคราะห์กรณีตาย) จำเลยก็ได้จ่ายให้โจทก์ซึ่งเป็นบิดาของนายสุรัตน์ เหรียญประชา ผู้ประกันตนซึ่งถึงแก่ความตายแล้วตามเอกสารหมาย ล.๗ มาตรา ๗๗ จัตวา ไม่ได้ให้คำจำกัดความคำว่า “ทายาท” แต่จะแปลความหมายให้เป็นอย่างเดียวกับทายาทโดยธรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๖๒๙ ไม่ได้ เพราะมาตรา ๗๗ จัตวา วรรคสองบัญญัติไว้แล้วและมีความหมายต่างจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๒๙ คำว่า “ทายาท” ตามมาตรา ๗๗ จัตวา จึงต้องถือตามความหมายทั่วไปในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ ซึ่งให้ความหมายว่าผู้สืบสันดาน ผู้รับสกุล โดยปริยายหมายถึงผู้รับหรือผู้อยู่ในฐานะที่จะรับตำแหน่งหน้าที่ต่อจากบุคคลอื่น ดังนั้น คำว่า “ทายาท” ตามมาตรา ๗๗ จัตวา จึงหมายถึงผู้รับในกรณีผู้ประกันตนถึงแก่ความตาย และทายาทมีใครบ้างก็ได้บัญญัติไว้ในวรรคสองแล้ว ประกอบกับพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.๒๕๓๓ เป็นกฎหมายที่ออกบังคับใช้เพื่อช่วยเหลือลูกจ้างซึ่งเป็นผู้มีฐานะด้อยในสังคมเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้สวัสดิการแก่ลูกจ้างและครอบครัว และลูกจ้างผู้ประกันตนส่วนใหญ่มักเกิดในครอบครัวที่บิดามารดาอยู่กินฉันสามีภริยาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ดังนั้น เจตนารมณ์ของมาตรา ๗๗ จัตวา วรรคสอง (๓) คำว่า “บิดามารดา” จึงหมายถึงบิดามารดาที่ชอบด้วยกฎหมายและรวมถึงบิดามารดาตามความเป็นจริง โจทก์จึงมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพกรณีตายตามมาตรา ๗๗ จัตวา วรรคสอง (๓) พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยตามหนังสือที่ นฐ ๐๐๒๕/๖๐๙๕๗ ลงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ที่ ๑๓๘/๒๕๔๘ ให้จำเลยจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพหรือเงินบำเหน็จชราภาพกรณีตายแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว มีปัญหาวินิจฉัยว่าโจทก์ซึ่งเป็นบิดาของนายสุรัตน์ เหรียญประชา ตามความเป็นจริงแต่ไม่ใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเป็น “ทายาท” ผู้มีสิทธิได้รับบำเหน็จชราภาพตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.๒๕๓๓ มาตรา ๗๗ จัตวา วรรคสอง (๓) หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.๒๕๓๓ ไม่ได้ให้คำจำกัดความคำว่า “บิดา” และคำว่า “ทายาท” ว่ามีความหมายอย่างใด เมื่อพิจารณาบทบัญญัติตามมาตราต่างๆ ในพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.๒๕๓๓ จะเห็นได้ว่า มีการบัญญัติแตกต่างกันชัดเจน กล่าวคือ ในมาตรา ๗๓ (๑) การจ่ายเงินค่าทำศพให้จ่ายแก่ “บุคคลตามลำดับดังนี้มา… มาตรา ๗๓ (๒) การจ่ายเงินสงเคราะห์กรณีที่ผู้ประกันตนถึงแก่ความตายให้จ่ายแก่ “บุคคล”… มาตรา ๗๕ จัตวา การจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรแก่ “บุคคล” ตามลำดับ ดังนี้ แต่ในมาตรา ๗๗ จัตวา บัญญัติไว้ชัดเจนแตกต่างจากมาตราดังกล่าวข้างต้น โดยบัญญัติว่า “ทายาท” ของผู้นั้นมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ “ทายาท” ผู้มีสิทธิตามวรรคหนึ่งได้แก่ (๑) (๒) (๓) … เมื่อบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวใช้คำว่า “บุคคล” กับ “ทายาท” แสดงว่ากฎหมายมีเจตนารมณ์ที่จะให้มีความแตกต่าง และคำว่า “ทายาท” ซึ่งเป็นถ้อยคำในบทบัญญัติของกฎหมาย จึงต้องแปลความหมายโดยเทียบเคียงกับคำว่า “ทายาท” ในกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง ตามบทบัญญัติมาตรา ๔ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งในกรณีนี้คือ บทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๖ ว่าด้วยมรดก ซึ่งมีบทบัญญัติถึงคำว่า “ทายาท” อยู่ในมาตรา ๑๕๙๙, ๑๖๐๓ และ ๑๖๒๙ โดยคำว่า “ทายาท” ในบทบัญญัติดังกล่าวนี้หมายถึงเฉพาะทายาทที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น ดังนั้น คำว่า “ทายาท” ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม มาตรา ๗๗ จัตวา จึงต้องหมายถึง ทายาทที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น มิได้หมายความรวมถึงทายาทตามความเป็นจริงด้วยแต่ประการใด และเมื่อโจทก์เป็นบิดาตามความเป็นจริงแต่มิใช่เป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ประกันตน และมิใช่เป็นทายาทที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ประกันตน จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๗๗ จัตวา แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.๒๕๓๓ อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับเป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์.