เปิดนโยบายกรมสวัสดิการฯ ปี 56 เพิ่มค่าจ้าง ขจัดค้ามนุษย์แรงงานเด็ก ตั้งศูนย์ความปลอดภัย
การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศกำลังเดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง องค์ประกอบสำคัญที่เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศนั่นคือกำลังแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลในเรื่องค่าจ้าง สวัสดิการ ความคุ้มครอง และความปลอดภัยของชีวิตคนงานทั้งประเทศว่า จะส่งเสริมและพัฒนาในทิศทางใด
นายปกรณ์ อมรชีวิน อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เปิดเผยว่า นโยบายเร่งด่วนแรกของรัฐบาลคือ การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิแรงงานให้มีรายได้ไม่น้อยกว่าวันละ 300 บาทซึ่งจะปรับเพิ่มพร้อมกันทั่วประเทศ ณ วันที่ 1 มกราคม 2556 โดยเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบาย 300 บาท ให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ซึ่งมีหลายกิจกรรมที่จะต้องดำเนินการ ได้แก่ 1.กิจกรรมรณรงค์ส่งเสริม เฝ้าระวังและติดตามให้แรงงานมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยให้ความรู้ ชี้แจง แนะนำ และให้คำปรึกษาแก่นายจ้าง ลูกจ้าง สหภาพแรงงาน ผู้นำแรงงาน และเครือข่ายในสถานประกอบกิจการเกี่ยวกับแนวทางในการดำเนินการให้แรงงานมีรายได้ไม่น้อยกว่า 300 บาท
2.กิจกรรมส่งเสริมสวัสดิการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ใช้แรงงาน โดยการเสริมสร้างองค์ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการและผู้ที่เกี่ยวข้องให้เห็นคุณค่าของการจัดสวัสดิการที่เป็นเงิน ตลอดจนรูปแบบในการบริหารจัดการสวัสดิการเพื่อให้นายจ้างคงสวัสดิการที่เป็นเงินให้แก่ลูกจ้าง โดยไม่เปลี่ยนไปรวมเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง
3.การตรวจคุ้มครองแรงงานในสถานประกอบกิจการกลุ่มเสี่ยงที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยในปีงบประมาณ 2556 เป้าหมายแรกเน้นสถานประกอบกิจการขนาดเล็ก โดยเฉพาะประเภท SMEs สถานประกอบกิจการประเภทขนส่ง ประมง เครื่องหนัง ก่อสร้าง โรงแรม และภัตตาคาร เป็นต้น4.กิจกรรมการเสริมสร้างแรงงานสมานฉันท์ เน้นการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ระบบแรงงานสัมพันธ์ โดยการเจรจาตามหลักสุจริตใจ เพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาทแรงงานและข้อขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะจากนโยบาย 300 บาท ขณะนี้กรมได้จัดตั้ง "ศูนย์อำนวยการด้านแรงงานสัมพันธ์และศูนย์ปฏิบัติการด้านแรงงานสัมพันธ์ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาข้อพิพาทแรงงานและข้อขัดแย้งในพื้นที่ที่รับผิดชอบให้ยุติได้โดยเร็วนโยบายสำคัญอีกประการคือ ด้านสังคมและคุณภาพชีวิตจะต้องดำเนินการในหลายเรื่อง ได้แก่ 1.ด้านคุ้มครองแรงงาน โดยเร่งรัดกำกับดูแลให้นายจ้าง/สถานประกอบกิจการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานอย่างเคร่งครัดในเรื่อง การให้แรงงานได้รับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ต่อวันทั่วประเทศ ในวันที่ 1 มกราคม 2556
ปัญหาค้ามนุษย์ด้านแรงงาน โดยเร่งรัดดำเนินการตรวจสถานประกอบกิจการกลุ่มเสี่ยงในการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน และ/หรือการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย โดยเฉพาะในสถานประกอบกิจการตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องนุ่งห่ม ประมงทะเลและที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล และสถานประกอบกิจการที่มีการจ้างแรงงานต่างด้าว เป็นลำดับแรก เพื่อให้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานที่สูงขึ้นจากระดับ Tier 2 watch list
2.ด้านสวัสดิการแรงงาน เน้นส่งเสริมการจัดสวัสดิการที่เป็นตัวเงินเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ใช้แรงงาน เช่น โบนัส เบี้ยขยัน และเงินช่วยเหลือกรณีอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งนายจ้างจะต้องคงสวัสดิการที่เป็นตัวเงิน โดยไม่ยุบหรือเปลี่ยนไปรวมเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง เร่งรัดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ที่ยังไม่มีการจัดตั้ง เพื่อเป็นกลไกในการปรึกษาหารือร่วมกับนายจ้าง ดูแล และเสนอแนะการจัดสวัสดิการแรงงานในระดับสถานประกอบกิจการ รวมถึงการให้ความรู้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อคุ้มครองสิทธิของลูกจ้างกรณีนายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการ ตามมาตรา 120 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม อันมีผลกระทบสำคัญต่อการดำรงชีพตามปกติของตนเอง หรือครอบครัว
อธิบดีกรมฯ เปิดเผยอีกว่า ยังมีด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เนื่องจากพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2554 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2554 เป็นต้นมา ในปีงบประมาณ 2556 กรมได้เน้นการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้สถานประกอบกิจการ หน่วยงาน องค์กร และภาคีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ทราบรายละเอียดในข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติความปลอดภัยฯ เบื้องต้น แล้วต้องเร่งดำเนินการจัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเพื่อการพัฒนา ส่งเสริม และแก้ไขปัญหาความปลอดภัยฯ เกี่ยวกับแรงงาน และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ขณะนี้กรมได้รับจัดสรรงบประมาณมาแล้ว
นอกจากนี้ภารกิจในการตรวจความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการที่เป็นกลุ่มเสี่ยง หรือที่มีอัตราการประสบอันตรายจากการทำงานสูง หรือเป็นลักษณะงานที่มีอันตราย เช่น งานก่อสร้าง งานสารเคมี งานอัคคีภัย งานเครื่องจักรขนาดใหญ่ เป็นต้น รวมถึงติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์การเกิดอุบัติเหตุ และรายงานผลการดำเนินการแก้ไขได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ก็ยังเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องดำเนินการเป็นภารกิจหลักของกรม รวมทั้งการรณรงค์ให้สถานประกอบกิจการพัฒนาระบบบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเพื่อมอบรางวัลเชิดชูเกียรติต่างๆ เช่น สถานประกอบกิจการดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เป็นต้น