คำพิพากษาฎีกา 12414 – 53
ให้ข้อมูลทางธุรกิจกับบริษัทฯ คู่แข่งทางการค้า ถือว่าผิดร้ายแรง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2546 ทำงานในตำแหน่งผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ มีหน้าที่วางแผนเพื่อนำเสนอสินค้าสู่ผู้บริโภคและวิเคราะห์ตลาด ค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 71,000 บาท จำเลยเป็นพนักงานตรวจแรงงานสังกัดกลุ่มงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพิ้นที่ 8 เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2548 บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด เลิกจ้างโจทก์แต่ไม่จ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้โจทก์ ต่อมาวันที่ 14 กรกฎาคม 2548 โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อจำเลยเพื่อให้บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด จ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์ ต่อมาจำเลยมีคำสั่งที่ 66/2548 แจ้งให้โจทก์ทราบว่าโจทก์ไม่สิทธิได้รับค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า โจทก์ได้รับคำสั่งดังกล่าววันที่ 31 สิงหาคม 2548 โจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของจำเลยเพราะได้วินิจฉัยคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริงโดยโจทก์ไม่เคยให้คำแนะนำหรือให้ข้อมูลใดๆ ซึ่งโจทก์ได้รับทราบในตำแหน่งหน้าที่แก่บุคคลภายนอกหรือบริษัทต่างชาติที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจในลักษณะเดียวกับนายจ้างของโจทก์ในประเทศไทย โจทก์ไม่ได้ส่งประวัติการทำงานของโจทก์ให้บริษัทต่างชาติซึ่งประกอบธุรกิจเช่นเดียวกับนายจ้างของโจทก์ ไปให้เพื่อนของโจทก์ซึ่งทำงานอยู่ในบริษัทต่างชาติเพื่อนำไปให้บริษัทซึ่งมิได้ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกับนายจ้างของโจทก์พิจารณาการจ้างแต่ก็ยังไม่มีการจ้างงานใดๆ เกิดขึ้น การที่โจทก์ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของนายจ้างติดต่อกับเพื่อนในต่างประเทศบ้างนั้นจะถือว่าผิดต่อระเบียบข้อบังคับในการทำงานของนายจ้างอย่างร้ายแรงย่อมไม่เป็นธรรมและไม่ชอบด้วยเหตุผลต่อโจทก์ กรณีเช่นนี้นายจ้างชอบที่จะทำหนังสือตักเตือนโจทก์ก่อนนอกจากนี้จำเลยได้รับฟังพยานเอกสารของนายจ้างซึ่งจัดทำขึ้นโดยไม่ถูกต้องและไม่ตรงกับความเป็นจริง ทั้งไม่เปิดโอกาสให้โจทก์ได้ทำการชี้แจงความไม่ถูกต้องของเอกสารดังกล่าวโจทก์มีสาเหตุขัดแย้งกับนายวสันต์ สุขอนันต์ชัย ผู้จัดการด้านการตลาด จึงถูกกลั่นแกล้งและถูกเลิกจ้าง โจทก์ถูกเลิกจ้างจึงมีสิทธิได้รับค่าชดเชยจำนวน 213,000 บาท และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน 71,000 บาท รวมเป็นเงิน 284,000 บาท คำสั่งของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้เพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานกลุ่มงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพิ้นที่ 8 ที่ 66/2548 ลงวันที่ 30 สิงหาคม 2548 และให้พนักงานตรวจแรงงานมีคำสั่งให้บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัดชำระค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า รวมเป็นเงิน 284,000 บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นพนักงานตรวจแรงงาน โจทก์ยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด แต่ถูกเลิกจ้างโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าและไม่จ่ายค่าชดเชย หลังจากจำเลยให้นายจ้างของโจทก์ได้ชี้แจงแล้วจำเลยจึงสอบสวนได้ความว่า บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด นายจ้างของโจทก์ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยว โจทก์เป็นลูกจ้างตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2546 ดำรงตำแหน่งผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ ค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 71,000 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 25 ของเดือน โจทก์มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการวางแผนเพื่อนำเสนอสินค้าสู่ผู้บริโภค การวิเคราะห์ตลาดต่อมาวันที่ 13 กรกฎาคม 2548 นายจ้างได้เลิกจ้างโจทก์โดยไม่จ่ายค่าชดเชยอ้างว่าโจทก์กระทำผิดต่อระเบียบข้อบังคับการทำงาน หมดวที่ 5 หัวข้อวินัยและมาตรการทางวินัย เป็นความผิดตามข้อ 15 ข้อ 16 และข้อ 17 ซึ่งมีบทกำหนดโทษคือไล่ออกกล่าวคือ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2548 เวลาประมาณ 18 นาฬิกา นายวสันต์ สุขอนันต์ชัย ผู้จัดการด้านการตลาดได้ตรวจพบข้อมูลทางระบบคอมพิวเตอร์ว่าโจทก์ส่งข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของนายจ้างให้บริษัทคู่ค้าที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนทราบ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม จึงได้ขอรหัสผ่านของโจทก์เพื่อไประงับการส่งข้อมูลดังกล่าว จากการเข้าไปในระบบข้อมูลของโจทก์พบว่าโจทก์ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของนายจ้างส่งข้อมูลทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ติดต่อกับบริษัทต่างชาติที่ประเทศฟิลิปปินส์ชื่อบริษัท ลี ไว ไว บริษัทดังกล่าวประกอบกิจการผลิตขนมขบเคี้ยวอันมีลักษณะกิจการเช่นเดียวกับนายจ้าง และบริษัทดังกล่าวกำลังจะเข้ามาดำเนินกิจการในประเทศไทย โดยนายจ้างถือว่าบริษัทดังกล่าวเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่มีศักยภาพสูง การติดต่อของโจทก์เป็นการแนะนำกระบวนการในการเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยและให้ข้อมูลของนายจ้างว่า นายจ้างกำลังวางยุทธศาสตร์ทางการตลาดแนะนำการจดทะเบียนการค้า แนะนำเรื่องการนำเข้าวัตถุดิบประเภทมันฝรั่งและยังพบอีกว่าในวันที่ 6 มิถุนายน 2548 โจทก์ส่งประวัติการทำงานและใบสมัครงานของโจทก์ไปยังบริษัทต่างชาติดังกล่าว หลังจากนายจ้างตรวจพบข้อความดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2548 นายจ้างได้สอบสวนโจทก์ถึงการกระทำดังกล่าว โจทก์ยอมรับว่าได้กระทำจริงแต่โต้แย้งว่าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงโดยโจทก์ชี้แจงข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้ติดต่อกับบริษัทต่างชาติจริงเนื่องจากมีเพื่อนทำงานกับบริษัทดังกล่าวและบริษัทดังกล่าวกำลังจะเข้ามาดำเนินกิจการในประเทศไทยผลิตขนมขบเคี้ยวแต่เพื่อนของโจทก์เกิดความกังวลว่ายี่ห้อของสินค้าที่จะผลิตจะเหมือนกับสินค้าประเภทหนึ่งในประเทศไทย โจทก์จึงให้คำแนะนำในการตรวจสอบทะเบียนธุรกิจเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน แนะนำเรื่องโควตาการนำเข้ามันฝรั่งเนื่องจากโจทก์ดูแลขนมขบเคี้ยวที่ผลิตจากข้าว ไม่ทราบเกี่ยวกับมันฝรั่งส่วนเรื่องการส่งประวัติการทำงานและใบสมัครงานนั้น โจทก์แจ้งว่าเนื่องจากเพื่อนคนดังกล่าว เห็นว่าโจทก์เป็นคนมีความรู้ความสามารถ จึงชักชวนให้ทำงานกับบริษัทต่างชาติบริษัทหนึ่งซึ่งกำลังจะเข้ามาเปิดดำเนินกิจการเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าอุปโภคซึ่งไม่ใช่สินค้าประเภทเดียวกับนายจ้าง โจทก์จึงส่งใบสมัครทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปให้เพื่อนคนดังกล่าวเพื่อช่วยในการสมัครงานกับบริษัทดังกล่าวจริง จำเลยพิจารณาข้อเท็จจริงประกอบพยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า โจทก์ทำงานในตำแหน่งระดับผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์มีความรับผิดชอบที่สำคัญทางการตลาดทั้งด้านกลยุทธ์และด้านปฏิบัติ การับทราบข้อมูลทางธุรกิจของนายจ้างนั้นโจทก์ควรตระหนักถึงความสำคัญในหน้าที่ความรับผิดชอบที่ได้รับความไว้วางใจจากนายจ้าง ควรตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถไม่ควรนำตำแหน่งหน้าที่การงานของตนไปใช้ในการแนะนำและให้ความรู้แก่บุคคลภายนอกหรือบริษัทต่างชาติที่จะเข้าดำเนินธุรกิจในลักษณะเดียวกับนายจ้างของโจทก์ ทั้งโจทก์ยังได้ส่งประวัติการทำงานและใบสมัครงานไปยังบริษัทดังกล่าว ถือเป็นการกระทำอันไม่สมควรแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงโดยถูกต้องและสุจริต นอกจากนี้การที่โจทก์ติดต่อให้คำแนะนำและให้ข้อมูลซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยแก่บริษัทต่างชาติซึ่งประกอบกิจการประเภทเดียวกับนายจ้างของโจทก์โดยโจทก์กระทำการในสถานที่ของนายจ้างและใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของนายจ้าง จึงเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับการทำงานของนายจ้างเป็นกรณีร้ายแรง จำเลยจึงมีคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานกลุ่มงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพื้นที่ 8 ที่ 66/2548 ว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยจากบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด ส่วนที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้รับฟังพยานเอกสารของนายจ้าง ซึ่งวัดทำขึ้นโดยไม่ถูกต้องและไม่ตรงกับความเป็นจริง ทั้งไม่เปิดโอกาสให้โจทก์ได้ทำการชี้แจงความไม่ถูกต้องของเอกสารดังกล่าวนั้น จำเลยให้การต่อสู้ว่าพยานเอกสารของนายจ้างที่ได้ยื่นต่อจำเลยนั้น จำเลยให้โอกาสโจทก์ตรวจสอบแล้ว แต่โจทก์ไม่ได้แย้งว่าไม่ถูกต้องแต่อย่างใด จำเลยได้พิจารณาและมีคำสั่งที่ 66/2548 ไปโดยชอบด้วยเหตุผลและกฎหมายแล้วจึงไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิกถอน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด ตำแหน่งผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ มีหน้าที่วางแผนการตลาดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ขนมกรอบหรือขนมขบเคี้ยวเพื่อนำเสนอสู่ผู้บริโภคและวิเคราะห์การตลาด ต่อมาโจทก์ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เอกสารหมาย ล.2 ไปให้นายโอสเซน ชาน กรรมการผู้จัดการบริษัท ลี ไว ไว จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศฟิลิปปินส์ และบริษัทดังกล่าวจะมาจดทะเบียนในประเทศไทยเพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภทขนมอบกรอบหรือขนมขบเคี้ยวเช่นเดียวกับบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า การที่โจทก์ส่งจดหมายอิเล็กทรกนิกส์เอกสารหมาย ล.2 ไปให้นายโอสเซน ชาน ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับการทำงานของบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด นายจ้างกรณีที่ร้ายแรงหรือไม่ โจทก์อุทธรณ์ว่าข้อความในจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เป็นข้อความที่โจทก์แนะนำในเรื่องการจดทะเบียนสิทธิบัตรและตราสินค้า การให้ตรวจสอบโควต้านำเข้ามันฝรั่งกับหน่วยงานของรัฐเป็นเรื่องที่บุคคลทั่วไปสามารถรับทราบหรือค้นหาได้จากข้อมูลของระทรวงพาณิชย์ได้อยู่แล้ว โจทก์มิได้นำข้อมูลใดๆ ที่โจทก์ทราบจากหน้าที่ความรับผิดชอบไปแนะนำบริษัทต่างชาติที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยแต่อย่างใด การกระทำของโจทก์จึงมิใช่การฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระเบียบของนายจ้างกรณีร้ายแรง และโจทก์เชื่อโดยสุจริตว่าการกระทำของโจทก์มิใช่ความผิดที่ร้ายแรง เห็นว่า จดหมายอิเล็กทรอนิกส์เอกสารหมาย ล.2 ที่โจทก์ส่งไปให้นายโอสเซน ชาน มีข้อความที่มีเนื้อหาเป็นการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจดทะเบียนในประเทศไทยและแนะนำให้จดทะเบียนสินค้าอย่างน้อย 2 กลุ่ม กับแจ้งด้วยว่าการดำเนินการจดทะเบียนบริษัทใช้เวลาประมาณ 6 เดือน เพื่อให้กระบวนการเร็วขึ้นขอให้แต่งตั้งสำนักงานกฎหมายให้ดำเนินการให้โดยแนะนำสำนักงานกฎหมาย ดำเนิน สมเกียรติ และบุญมา ทั้งยังให้ข้อมูลว่ามีการขอโควตาการนำเข้ามันฝรั่งไว้เต็มแล้ว ขอให้ตรวจสอบกับคาลบี้เกี่ยวกับจำนวนการนำเข้ามันฝรั่งที่มีสำรองอยู่ตอนท้ายของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์โจทก์ยังแจ้งด้วยว่าหวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับนายโอสเซน ชาน จึงเห็นได้ว่าข้อความในจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เอกสารหมาย ล.2 นอกจากจะเป็นการให้ข้อมูลแล้ว ยังมีข้อเสนอแนะในการประกอบธุรกิจอันเป็นประโยชน์แก่นายโอสเซน ชาน ในการที่จะเข้ามาทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมอบกรอบหรือขนมขบเคี้ยวในประเทศไทย อันเป็นคู่แข่งทางการค้ากับนายจ้างของโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็ทราบข้อเท็จจริงดังกล่าว ประกอบกับโจทก์ดำรงตำแหน่งผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ถือว่าเป็นลูกจ้างในระดับบริหาร มีความรับผิดชอบต่อนายจ้างสูง ย่อมได้รับความไว้วางใจจากนายจึงต้องรักษาผลประโยชน์ของนายจ้าง การกระทำของโจทก์จึงเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับการทำงานของนายจ้างหมวดที่ 5 วินัยและการลงโทษทางวินัย ข้อ 5.2 มาตรการทางวินัย เรื่องความผิดตามข้อ 15 ข้อ 16 และข้อ 17 อันเป็นกรณีที่ร้ายแรง คำสั่งของจำเลยจึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน