ก.แรงงานเตรียมมาตรการลดเหลื่อมล้ำ จากนโยบายค่าจ้าง 300 บ.
นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวขอบคุณที่คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย หรือ คสรท. เปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียนค่าจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำนวน 8 แห่ง และ หากบูรณาการข้อมูลร่วมกับกระทรวงแรงงานก็จะเป็นประโยชน์กับพี่น้องผู้ใช้แรงงาน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ตามข้อมูลของศูนย์ฯ ว่ามีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับแรงงานไม่ได้รับการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมาย มีการนำสวัสดิการไปรวมกับค่าจ้างขั้นต่ำ และมีกระแสว่านายจ้างขอให้มีการชะลอปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บาท จากที่มีกำหนดจะปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บาทเท่ากันทั่วประเทศในวันที่ 1 ม.ค. 2556 ออกไปนั้น ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 6 ) เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2554 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2555
อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานทราบดีว่า นโยบายการปรับค่าจ้าง 300 บาท อาจมีผลกระทบต่อต้นทุนผู้ประกอบการ จึงได้ร่วมมือกับกระทรวงการคลัง และกระทรวงอุตสาหกรรม ในการหามาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่อาจได้รับผลกระทบ และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการเอสเอ็มอี นอกจากนี้ยังได้จัดประชุมหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสภาองค์การนายจ้าง และได้มีมาตรการบรรเทาผลกระทบ ดังนี้
1.มาตรการลดภาระต้นทุนจากค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ด้วยการ
- ลดอัตราเงินสมทบประกันสังคมของฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างในปี 2555 ทุกจังหวัด จากร้อยละ 5 เหลือร้อยละ 3 และตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.55 ถึง 31 ธ.ค.55 จากร้อยละ 5 เหลือร้อยละ 4
- ลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 20 ในปี 2555 และลดเหลือร้อยละ 20 ในปี 2558
- การยกระดับผลิตภาพแรงงาน โดยนำเงินค่าใช้จ่ายในการอบรมพัฒนาฝีมือแรงงานมาลดหย่อนภาษี ได้ 2 เท่า
- การยกระดับศักยภาพแรงงานไทยให้สูงขึ้น โดยจัดทำหลักสูตรเพิ่มศักยภาพแรงงานเป็นการเฉพาะกลุ่มประเภทกิจการตามความต้องการของผู้ประกอบการ
- การจัดตั้ง “ศูนย์ตรีเทพเพื่อการจ้างงานและยกระดับรายได้ครบวงจร” ขึ้นที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด และเขตพื้นที่ในกรุงเทพฯ พร้อมกับจัดนัดพบแรงงานเชิงคุณภาพ
2.มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเลิกจ้าง ด้วยการส่งเสริมสิทธิแรงงานให้มีรายได้ไม่น้อยกว่า วันละ 300 บาท
3.มาตรการส่งเสริมสภาพคล่องในสถานประกอบการที่จะก่อให้เกิดการสร้างสินเชื่อให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 86,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีธุรกิจนี้ได้รับประโยชน์ 28,000 ราย อีกด้วย
กระทรวงแรงงานตระหนักถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และเตรียมพร้อมรับมือ เพื่อประโยชน์แก่ทุกฝ่าย มิให้เกิดความเหลื่อมล้ำในระหว่างนายจ้าง ผู้ประกอบการกับลูกจ้าง เพื่อให้กิจการดำเนินต่อไปได้ แต่หาก คสรท.พบปัญหาว่ามีความเหลื่อมล้ำจากนโยบายค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท การข่มขู่ที่จะเลิกจ้างเพื่อให้ลูกจ้างยอมจำนนไม่เรียกร้องการปรับเพิ่มค่าจ้าง การเอารัดเอาเปรียบลูกจ้างของบริษัทเหมาช่วงหรือซับคอนแทรกต์ หรืออื่นๆ ขอให้ คสรท.แจ้งกระทรวงแรงงานเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาต่อไป