เชือดรัฐมนตรีสังเวยพม่า
"รู้สึกไม่สบายใจ และล่าสุดได้มอบหมายให้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ ชี้แจงผ่านสื่อ รวมถึงทำหนังสือชี้แจงไปยังรัฐบาลพม่าเพื่อป้องกันการเข้าใจผิด จนอาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศได้ ยืนยันว่า การเดินทางของ นางอองซาน ซูจี ที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองไปพบกับแรงงานชาวพม่าในประเทศไทย ได้ดำเนินการผ่านบริษัทประชาสัมพันธ์ของต่างประเทศ ที่นางอองซาน ซูจี ได้ว่าจ้างส่วนตัว ซึ่งได้มีการกำหนดจุดที่จะลงพื้นที่พบปะประชาชนเอง โดยที่รัฐบาลไทยไม่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง และการเชิญ นางอองซาน ซูจี มาประเทศไทย ก็เป็นไปตามคำเชิญของคณะผู้จัดการงานเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรั่ม ไม่ใช่ในนามของรัฐบาลไทย"
คือคำให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนของ นายกฯ ปู เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.2555 ต่อกรณีที่ "พลเอกเต็ง เส่ง" ประธานาธิบดีพม่า ไม่พอใจที่รัฐบาลไทยที่ให้การต้อนรับซูจี ในทำเนียบรัฐบาล
และยังปล่อยให้เคลื่อนไหวทางการเมืองบนแผ่นดินไทยได้อย่างอิสระ ใช้แผ่นดินไทยเป็นที่โฆษณาหาเสียง และด่ารัฐบาลพม่าชุดปัจจุบัน ในระหว่างการพบกับแรงงานพม่าที่ตลาดกุ้งมหาชัย กับศูนย์พักพิงผู้ลี้ภัยชาวพม่า ที่บ้านแม่ล่ะ จ.ตาก
ซูจี สามารถบดบังการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม เพื่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่รัฐบาลปูเป็นเจ้าภาพจัดประชุมขึ้นที่โรงแรมแชงกรี-ลา ที่ซูจีเข้าร่วมประชุมด้วยได้อย่างมิด
ข่าวทั่วโลกจากสำนักสื่อใหญ่ๆ มีแต่ข่าวซูจีดำเนินกิจกรรมของเธอ เรียกคืนเอาความยุติธรรมในการขายแรงงานให้กับชาวพม่าที่เข้ามาทำงานในไทย
ประเทศไทยถูกกรีดเป็นแผลเหวอะหวะ ทั้งข้อกล่าวหา ตำรวจไทยรีดไถแรงงานพม่า กลั่นแกล้งจับกุม มีการค้าทาสแรงงานพม่า เจ็บป่วยไม่ได้รับการรักษาพยาบาลที่ดีพอ ไม่ได้สิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกโรค ไม่ได้ค่าแรง 300 บาทต่อวัน มีสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ ซึ่งประเด็นเหล่านี้ซูจีจี้ให้รัฐบาลไทยแก้ไขและมันก็เป็นข่าวไปทั่วโลก ภาพพจน์ไทยในสายตาชาวโลก ว่าด้วยการใช้แรงงานพม่าไม่มีชิ้นดีเหลืออยู่จริง, มันเป็นเรื่องจริง ที่มีตำรวจไทยไปรีดไถแรงงานพม่าสารพัดรูปแบบ มีนายหน้าค้าแรงงานพม่าอย่างเอารัดเอาเปรียบและอำมหิตมาก...ก็จริง ซึ่งเป็นภาระใหญ่ที่รัฐบาลไทยจะต้องแก้ไข ตำรวจคนไหนไถพม่าก็ต้องจับมาดำเนินคดี พวกค้าแรงงานพม่าก็ต้องเอาเข้าคุก แต่เพราะไทยไม่เคยใส่ใจ ปล่อยสบายๆ ก็เลยโดนซูจีเลือกมาไทยเป็นชาติแรก ในการออกนอกพม่าของเธอในรอบ 24 ปี
และเธอก็ประจานไทยซะเจ็บ ซูจี อยู่ในไทยแค่ 3 คืน กับ 3 วัน เธอก็ได้สร้างบาดแผลให้ไทยเหวอะหวะมาก แต่ที่จะเสียหายมหาศาล และบรรดานักธุรกิจไทยที่หอบเงินไปลงทุนในพม่าไม่รู้กี่ล้านบาทกำลังหนาวสุดยะเยือกก็คือ
ยังไม่รู้ตัวเลขความเสียหายจะหาศาลเท่าใด การที่ พลเอกเต็ง เส่ง ประกาศ "ยกเลิก" การมาเยือนประเทศไทยเป็นเรื่องใหญ่มากๆ เพราะไม่ใช่เต็ง เส่ง จะมาแค่ร่วมประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม ครั้งที่ 21 เท่านั้น เขายังมีกำหนดการจะเยือนไทยอย่างเป็นทางการต่อจากนั้น แต่เพราะซูจีมาอยู่ในการประชุมเดียวกัน เต็ง เส่ง จึงไม่มา และเลื่อนเยือนไทยไปเป็น 4-5 มิ.ย.2555
แต่พลิกผันรุนแรงสุดขีด เป็นยกเลิก เมื่อซูจีปรากฏตัวขึ้นในทำเนียบรัฐบาลไทย เมื่อบ่าย 2 โมง ศุกร์ 1 มิ.ย.2555 ในวันเดียวกันนั้น กระทรวงการต่างประเทศพม่าก็ได้แจ้งให้กระทรวงการต่างประเทศไทยรู้ว่า เต็ง เส่ง ยกเลิกมาเยือนไทย
ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศไทย และนักธุรกิจไทยที่กำลังบริหารธุรกิจอยู่ในพม่าวันนี้ต่างรู้ว่า คำชี้แจงของนายกฯ ปู ที่ว่า ซูจีจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์กำหนดจุดไปพบแรงงานพม่าเอง และซูจีก็มาตามคำเชิญของผู้จัดประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาลไทยเลยนั้น คำชี้แจงนี้...แก้ไม่ตก เต็ง เส่ง เป็นทหารพม่า ยศพลเอก มีความแข็งแกร่งสูงมาก เมื่อโกรธก็จริง ไม่มีวอกแว่กและไม่โลเล แม้ว่ากระทรวงต่างประเทศไทยจะชี้แจงใดไปก็คงสร้างความเข้าใจ หรือเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ไม่ได้เพราะทุกภาพที่ซูจีมาใช้ไทยเคลื่อนไหวทางการเมืองมันเป็นของจริง
นักธุรกิจไทยที่อยู่ในพม่าเวลานี้บอกแก่ "นายสบาย" ว่า สิ่งที่ไทยสูญเสียไปแล้วก็คือ เสียโอกาสที่จะได้สิทธิ์อันดับต้นในการได้รับการอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจจากข้าราชการพม่า และรวมทั้งจากระดับสูงของรัฐบาลพม่า
ไทยอยู่อันดับ 1 ในใจของรัฐบาลพม่า เพราะจากการที่ไทยสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับพม่ามาตลอด 14 ปี ทำให้พม่ามั่นใจว่าไทยมีความปรารถนาดีอย่างจริงใจ พม่าถือว่าไทยช่วยพม่าจริง แต่ทันทีที่พม่าปักใจว่ารัฐบาลไทยโอ๋ซูจี ทุกอย่างก็ขาดผึง
สิทธิ์และการจะได้รับการอำนวยความสะดวกในอันดับ 1 หมดไปแล้ว
นักธุรกิจไทยต้องไปยืนอยู่ท้ายแถว ทั้งว่าด้วยการขออนุญาตต่างๆ และรวมทั้งการขอนัดพบ
และตามแนวชายแดนที่เวลานี้สงบดีมาก ก็จะวุ่นวายหนักขึ้นเรื่อยๆ
"นายสบาย" ขอถามนายกฯ ปูในวันนี้ว่า รู้รึยังว่า สไตล์หนึ่งของพม่าที่จะต้องทำและจะยื่นเงื่อนไงมาก็คือ
ไทยจะต้องยอมแลกบางอย่าง ถ้าอยากให้ความสัมพันธ์อันดีกลับคืนมาอย่างรวดเร็วจนเข้าสู่ระดับเดิม โดยไม่ต้องพูดกันมากก็คือ
ไทยจะต้องยอมเสียรัฐมนตรีสักคน พม่ายื่นข้อเสนอมารึยัง ปูได้รับคำขาดรึยัง ถ้าปูรู้แล้ว ได้รับแล้ว ก็โปรดให้สัมภาษณ์สื่อด้วยนะ "นายสบาย" ยังไม่รู้ว่าชื่อที่พม่าส่งมาคือชื่อใด