คำพิพากษาฎีกา 297-51
ขออนุญาตยื่นฟ้องต่อศาลแรงงานกลาง ศาลมีอำนาจสั่งรับฟ้องหรือไม่รับได้เป็นดุลพินิจของศาล
โจทก์ฟ้องพร้อมกับยื่นคำร้องขออนุญาตฟ้องต่อศาลแรงงานกลางเพื่อความสะดวกในการพิจารณาว่า เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2546 โจทก์จ้างจำเลยที่ 1 เข้าทำงานเป็นลูกจ้างตำแหน่งสุดท้ายเป็นผู้จัดการสถานีบริการน้ำมันสาขาลำปางมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันการทำงาน ต่อมาวันที่ 31 พฤษภาคม 2547 โจทก์ตรวจสอบทางบัญชีพบว่า ระหว่างปฏิบัติงานจำเลยที่ 1 ทำเงินสดโจทก์สูญหายจำนวน 33,619 บาท แต่ชดใช้คืนแล้วบางส่วนคงค้างอีก 14,996.14 บาท โจทก์ทวงถามแล้วแต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยนับถึงวันฟ้องรวม 15,349.16 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลแรงงานกลางพิจารณาคำฟ้องและคำร้องขออนุญาตฟ้องแล้ว เห็นว่าเป็นกรณีมีมูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลแรงงานภาค 5 ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 33 วรรคสอง จึงมีคำสั่งไม่รับฟ้อง (พอแปลความได้ว่าศาลแรงงานกลางพิจารณาคำร้องขออนุญาตฟ้องแล้ว เห็นว่า เป็นการไม่สะดวกจึงมีคำสั่งไม่รับฟ้อง)
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ตามข้อเท็จจริงที่ยุติในชั้นฟ้องคดีปรากฏว่า โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างซึ่งมีสถานที่ที่ทำงานที่จังหวัดลำปาง ส่วนจำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาที่กรุงเทพฯ โดยโจทก์ยื่นคำร้องขอดำเนินคดีที่ศาลแรงงานกลาง ให้เหตุผลว่าสัญญาจ้างแรงงาน สัญญาค้ำประกัน ได้ทำที่กรุงเทพฯ เอกสารหลักฐานและพยานบุคคลต่างๆ อยู่ที่กรุงเทพฯอันเป็นภูมิลำเนาของโจทก์ ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นคดีอยู่ในเขตศาลแรงงานภาค 5 จึงไม่รับฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพฯ มีลูกจ้างประจำการในสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ พยานหลักฐานต่างๆ ตามสัญญาจ้างแรงงานจะเก็บไว้ที่ภูมิลำเนาของโจทก์ และในคดีนี้จำเลยที่ 1 ทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้แก่โจทก์แล้วนั้น เห็นว่า ศาลแรงงานกลางได้พิจารณาคำร้องขอดำเนินคดีที่ศาลแรงงานกลางของโจทก์แล้ว มีคำสั่งไม่รับฟ้องจึงเป็นกรณีที่ศาลแรงงานกลางเห็นว่า การพิจารณาในศาลแรงงานกลางไม่เป็นการสะดวก จึงไม่อนุญาตให้โจทก์ยื่นคำฟ้องตามที่ขอตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 33 วรรคหนึ่ง การที่โจทก์อุทธรณ์ก็เพื่อให้เห็นว่าการพิจารณาคดีในศาลแรงงานกลางจะเป็นการสะดวกอุทธรณ์โจทก์ดังกล่าวจึงเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการพิจารณาอนุญาตของศาลแรงงานกลางเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์