ยอดแรงงานน้ำท่วมถูกเลิกจ้างพุ่งกว่า 3.3 หมื่นคน!!
นายอาทิตย์ อิสโม อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวว่า จากข้อมูลของ กสร.มีแรงงานที่ประสบภัยน้ำท่วมถูกเลิกจ้าง 33,723 คน ในสถานประกอบการ 106 แห่งแยกเป็นจ.พระนครศรีอยุธยามีสถานประกอบการเลิกจ้าง 63 แห่งลูกจ้าง 19,812 คน ปทุมธานีเลิกจ้าง 28 แห่ง 13,235 คน ฉะเชิงเทรา เลิกจ้าง 2 แห่ง ลูกจ้าง 509 คน สระบุรีเลิกจ้าง 1 แห่ง ลูกจ้าง 31 คนนครปฐมเลิกจ้าง 1 แห่ง ลูกจ้าง 68 คน นนทบุรีเลิกจ้าง 9 แห่ง ลูกจ้าง 35 คนและกรุงเทพฯเลิกจ้าง 2 แห่ง ลูกจ้าง 33 คน ทั้งนี้ ยอดแรงงานถูกเลิกจ้างเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 5,528 คน
ทั้งนี้ สถานประกอบการที่ยังไม่สามารถเปิดกิจการได้ 347 แห่ง ลูกจ้างยังไม่ได้กลับเข้าทำงาน 166,395 คน ส่วนสถานประกอบการเปิดกิจการแล้ว 28,318 แห่ง ลูกจ้างได้กลับเข้าทำงานแล้ว 822,484 คน โดยยอดสถานประกอบการเปิดกิจการได้และลูกจ้างกลับทำงานแล้วเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 1 แห่ง ลูกจ้าง 40 คน ส่วนสถานประกอบการใน 13 จังหวัดที่ร่วมโครงการป้องกันและบรรเทาการเลิกจ้างมี 1,644 แห่ง ลูกจ้าง 307,334 คน
ส่วนสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการเพื่อนช่วยเพื่อนในการส่งลูกจ้างที่ประสบภัยน้ำท่วมไปทำงานที่อื่นชั่วคราวและถาวร มี 695 แห่งใน 49 จังหวัด จำนวนที่ต้องการรับ 80,131 คน ขณะที่มีลูกจ้างที่ประสบปัญหาน้ำท่วมเข้าร่วมโครงการ 13,251 คน ในสถานประกอบการ 110 แห่ง
นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.) กล่าวว่า ภายหลังจากวิกฤตน้ำท่วมผ่านพ้นไป ขณะนี้สถานประกอบการกำลังฟื้นฟู แต่สถานประกอบในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดต่างๆเช่น พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะจ้างงานต่อไปหรือเลิกจ้าง รวมทั้งไม่มีความชัดเจนเรื่องการจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้าง ทำให้แรงงานรู้สึกอึดอัดและกังวลใจเพราะไม่แน่ใจในสถานภาพของตนเอง จึงเริ่มมีการรวมกลุ่มกันมาชุมนุมที่กระทรวงแรงงานเพื่อขอให้กระทรวงแรงงานช่วยเจรจากับสถานประกอบการเพื่อขอความชัดเจนในเรื่องการเลิกจ้างและการจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานพ.ศ.2541
"ผมเชื่อว่าปัญหาข้างต้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น จึงอยากให้กระทรวงแรงงานทำงานแบบเชิงรุกและแก้ปัญหาโดยภาพรวมไม่ใช่ทำงานแบบตั้งรับช่วยแก้ปัญหาเป็นรายกรณีตามที่แรงงานเข้ามาร้องเรียนโดยเชิญสถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆที่ประสบภัยน้ำท่วมเข้ามาพูดคุยไล่ไปทีละนิคมอุตสาหกรรมเพื่อจะได้รู้ว่ามีสถานประกอบการใดบ้างที่จะจ้างงานแรงงานต่อไป สถานประกอบการใดที่จะเลิกจ้างและจะเลิกจ้างจำนวนเท่าใด เพื่อที่กระทรวงแรงงานช่วยเหลือแรงงานได้รวดเร็วเช่น การช่วยประสานนายจ้างจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้าง การหางานใหม่ให้ทำรวมทั้งให้ความรู้เรื่องกฎหมายคุ้มครองแรงงานแก่สถานประกอบการด้วย" นายชาลี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กระทรวงแรงงาน พนักงานบริษัท อัลตัม พรีซิซั่น (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า(ไฮเทค) จ.พระนครศรีอยุธยา ประมาณ 100 คนยังคงปักหลักชุมนุมใต้อาคารกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน(กสร.) หลังจากที่ได้มาชุมนุมกันตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อขอความช่วยเหลือจากกสร.ให้เจรจากับนายจ้างเพื่อให้บริษัทเลิกจ้างพนักงานที่เหลือ 212 คนทั้งหมดและจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมาย เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทได้เปลี่ยนผู้บริหารใหม่และประกาศเลิกจ้างพนักงานไป ประมาณ 600 คนจากทั้งหมด 800 คน ทำให้พนักงานที่เหลืออยู่ 212 คน รู้สึกไม่มีความมั่นคงในการทำงาน
ต่อมาเวลา 11.40 น. กลุ่มพนักงานอัลตัมฯประมาณ 60 คนได้รวมตัวกันบริเวณบันไดทางขึ้นชั้น 2 ของอาคารกสร. พยายามบุกขึ้นไป บริเวณชั้น 2 เพื่อเร่งให้เจ้าหน้าที่แรงงงานสัมพันธ์ของกสร.เจรจากับผู้บริหารบริษัทอัลตัมฯผ่านทางโทรศัพท์ แต่เจ้าหน้าที่รปภ.ได้นำแผงเหล็กล็อกด้วยกุณแจมือทั้งสองด้านมากั้นไว้ทำให้กลุ่มพนักงานอัลตัมไม่สามารถขึ้นไปได้สร้างความไม่พอใจแก่กลุ่มพนักงานอัลตัมและเห็นว่ากสร.ไม่ให้การดูแล
จากนั้นเวลา 12.00 น. นายสง่า ธนสงวนวงศ์ เลขานุการรมว.แรงงานได้มาเจรจากับกลุ่มพนักงานบริษัทอัลตัมฯโดยให้ส่งตัวแทนไปหารือ ทำให้กลุ่มพนักงานยอมกลับลงมาชุมนุมด้านล่างอาคารกสร.ตามเดิม
ต่อมาเวลา 15.40 น. นายสุวิทย์ สุมาลา ผอ.สำนักแรงงานสัมพันธ์สังกัดกสร.และเจ้าหน้าที่แรงงานสัมพันธ์ได้แจ้งผลการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่แรงงานสัมพันธ์จ.พระนครศรีอยุธยากับผู้บริหารบริษัทอัลตัมฯแก่ตัวแทนพนักงานบริษัทอัลตัมว่า บริษัทอัลตัมฯยอมเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด 212 คน ซึ่งรวมกับที่ถูกนายจ้างส่งตัวไปทำงานที่ประเทศมาเลเซียด้วย โดยนายจ้างจะจ่ายเงินชดเชยและเงินสิทธิประโยชน์ต่างๆที่ลูกจ้างควรจะได้รับทั้งหมด ในวันที่ 13 ก.พ.นี้
ทั้งนี้ จะมีการติดรายชื่อและรายละเอียดการจ่ายเงินชดเชยและเงินสิทธิประโยชน์ต่างๆให้ได้รับทราบในวันที่ 6 ก.พ.นี้ ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยลูกจ้างจะได้รับเมื่อถูกเลิกจ้างได้แก่ ค่าชดเชยตามอายุงาน ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าตกใจ ค่าวันหยุดพักผ่อนที่เหลือ ค่าจ้างค้างจ่าย เบี้ยขยัน และค่าใช้จ่ายอื่นๆตามสิทธิ์ของลูกจ้างแต่ละคน รวมแล้วเป็นเงินกว่า 12 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่เจ้าหน้าที่สำนักแรงงานสัมพันธ์แจ้งให้แก่ตัวแทนแรงงานบริษัท อัลตัมได้รับทราบถึงผลการเจรจากับนายจ้างตัวแทนคนงานต่างดีใจและแสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือ ก่อนนำข่าวดีไปแจ้งให้เพื่อนแรงงานที่รออยู่บริเวณใต้ตึกกระทรวงแรงงานได้ทราบ ซึ่งทุกคนต่างส่งเสียงแสดงความดีใจและกล่าวขอบคุณที่ร่วมกันต่อสู้จนได้ชัยชนะก่อนนัดหมายแยกย้ายกลับไป
ขณะเดียวกันกลุ่มพนักงานอัลตัมฯประมาณ 14 คนซึ่งอยู่ในกลุ่มพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง 600 คนได้เดินทางมาที่กระทรวงแรงงานเพื่อเขียนใบคำร้องคร.7 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจแรงงานออกคำสั่งให้บริษัทจ่ายเงินสวัสดิการต่างๆที่ยังค้างอยู่ เช่น ค่าโอที ค่าเบี้ยขยัน ค่ากะ ค่าอาหาร
นายศรัญญู ทองดี วัย 24 ปี อดีตพนักงานตรวจสอบคุณภาพ(คิวเอ)บริษัทอัลตัมฯที่ถูกเลิกจ้างซึ่งมายื่นคำร้องคร.7 กล่าวว่า ตนทำงานที่บริษัทอัลตัมฯมา 5 ปีได้เงินเดือน 6,860 บาท หากรวมรายได้อื่นๆเช่น ค่าโอทิ เบี้ยขยัน จะมีรายได้เดือนละ 1.5 หมื่นบาท ต่อมาเดือนม.ค.2555 ได้ถูกเลิกจ้างโดยบริษัทต้องจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้างและเงินสิทธิประโยชน์ต่างๆเช่น ค่าโอที เบี้ยขยัน รวมกว่า 6.8 หมื่นบาท
ซึ่งขณะนี้ได้รับเงินชดเชยเลิกจ้างแล้ว 63,600 บาท ยังเหลือเงินสิทธิประโยชน์อื่นๆที่บริษัทยังค้างจ่ายเช่น ค่าโอที ค่าเบี้ยขยัน ค่ากะ ค่าอาหารในช่วงเดือนธ.ค.2554-ม.ค.2555 รวมเป็นเงินประมาณ 6,000 บาท จึงได้มาเขียนใบคร.7 เพื่อให้กระทรวงแรงงานออกคำสั่งให้บริษัทจ่ายเงินสิทธิประโยชน์ต่างๆที่ยังค้างจ่ายอยู่