คำพิพากษาฎีกา 9421/2551
อุทธรณ์ข้อเท็จจริง การลงโทษลดขึ้นเงินเดือน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำงานเป็นลูกจ้างของจำเลยตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2539 ทำหน้าที่พนักงานขับรถ ได้รับค่าจ้างเดือนละ 9,360 บาท ตกลงจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 27 ของเดือน เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2547 จำเลยมีคำสั่งที่ 102/2547 กล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2546 เวลา 13.10 นาฬิกา ในระหว่างโจทก์ปฏิบัติหน้าที่ขับรถโดยสารประจำทางสาย 517 หมายเลขรถ 2 - 80163 โจทก์ขับรถแล่นในช่องเดินรถที่ 3 และไม่หยุดรับส่งผู้โดยสารบริเวณป้ายตรงข้ามวิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี ซึ่งไม่เป็นความจริง จำเลยลงโทษลดขั้นเงินเดือนโจทก์ 1 ขั้น จากอัตราเงินเดือนขั้น 8,580 บาท เป็นอัตราเงินเดือนขั้น 8,100 บาท ตั้งแต่เดือนเมษายน 2547 เป็นต้นมา เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ 102/2547 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2547 และให้จำเลยคืนเงินที่สั่งลงโทษทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 19 มีนาคม 2547 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยมีคำสั่งที่ 102/2547 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2547 ลงโทษลดขั้นเงินเดือนโจทก์ 1 ขั้น เพราะเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2546 เวลา 13.10 นาฬิกา ขณะที่นายทองเบิ้ม เพชรสว่าง และนางนฤมล บัวเพ็ง ปฏิบัติหน้าที่นายตรวจอยู่ที่บริเวณป้ายตรงข้ามวิทยาลัยเทคนิคมีนบุรีเห็นโจทก์ขับรถโดยสารประจำทางสาย 517 หมายเลขรถ 2 - 80163 แล่นมาในช่องเดินรถที่ 3 จึงโบกมือให้โจทก์หยุดรถเพื่อขึ้นตรวจตั๋วโดยสาร แต่โจทก์ขับรถต่อไปโดยไม่นำรถเข้าป้ายเพื่อรับนายตรวจทั้งสองและผู้โดยสารที่รอใช้บริการ นายตรวจทั้งสองจึงทำรายงานเสนอต่อผู้บังคับบัญชาตามระเบียบ จำเลยมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนโจทก์ คณะกรรมการสอบสวนมีความเห็นว่าโจทก์กระทำผิดวินัย ข้อ 4.3 แห่งข้อบังคับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ฉบับที่ 46 พ.ศ.2524 จำเลยจึงมีคำสั่งลดขั้นเงินเดือนโจทก์ 1 ขั้น เพื่อให้เกิดจิตสำนึกที่จะปรับปรุงตัว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นพนักงานขับรถโดยสารประจำทางของจำเลย ในวันเกิดเหตุโจทก์ขับรถโดยสารประจำทางสาย 517 หมายเลขรถ 2 - 80163 ผ่านป้ายหยุดรถโดยสารประจำทางบริเวณตรงข้ามวิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี ถนนสีหบูราณุกิจ ซึ่งเป็นถนนแปดช่องจราจร ฝั่งละสี่ช่องจราจรมีเกาะกลางถนนคั่น โดยโจทก์ขับรถโดยสารประจำทางอยู่ในช่องเดินรถที่ 3 ขณะนั้นนางนฤมล บัวเพ็ง กับนายทองเบิ้ม เพชรสว่าง ปฏิบัติหน้าที่นายตรวจอยู่ที่ป้ายหยุดรถโดยสารประจำทางดังกล่าวได้โบกมือให้โจทก์หยุดรถเพื่อจะขึ้นไปตรวจตั๋วโดยสารและมีผู้โดยสาร 3 คน โบกมือให้โจทก์หยุดรถเพื่อโดยสาร แต่โจทก์ขับรถโดยสารประจำทางดังกล่าวต่อไปโดยไม่หยุดรถที่ป้ายหยุดรถโดยสารประจำทางดังกล่าว แล้ววินิจฉัยว่า การกระทำของโจทก์เป็นการผิดข้อบังคับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ฉบับที่ 46 ว่าด้วยวินัย การสอบสวน การลงโทษ และการอุทธรณ์ การลงโทษของพนักงาน พ.ศ.2524 ข้อ 4.3 และโจทก์เคยกระทำผิดในกรณีอื่นจนถูกตั้งกรรมการสอบสวนแล้วลงโทษถึง 5 ครั้ง จึงไม่มีเหตุเพิกถอนคำสั่งของจำเลยพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว โจทก์อุทธรณ์ว่า การกระทำของโจทก์นั้นสามารถงดโทษโดยว่ากล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรหรือให้ทำทัณฑ์บนเป็นหนังสือว่าจะไม่ทำความผิดเช่นนั้นอีกภายในกำหนดเวลาไม่เกิน 12 เดือน ก็ได้ตามข้อบังคับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ฉบับที่ 46 ว่าด้วยวินัยการสอบสวน การลงโทษ และการอุทธรณ์การลงโทษของพนักงาน พ.ศ.2524 ข้อ 10 วรรคสาม และอุทธรณ์ต่อไปโดยอ้างข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ระหว่างองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพกับสหภาพแรงงานผู้ปฏิบัติงานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ข้อ 24 เพื่อให้ยกประโยชน์ให้โจทก์นั้น เห็นว่า ตามฟ้องกล่าวอ้างเพียงว่าโจทก์มิได้กระทำความผิดตามคำสั่งลงโทษของจำเลยจึงขอให้เพิกถอนคำสั่งลงโทษและคืนเงินที่ได้สั่งลงโทษพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์เท่านั้น โดยมิได้กล่าวอ้างว่าโจทก์กระทำความผิดแต่มีเหตุงดโทษตามข้อบังคับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ฉบับที่ 46 ว่าด้วยวินัย การสอบสวน การลงโทษ และการอุทธรณ์การลงโทษของพนักงาน พ.ศ.2524 หรือได้อ้างสิทธิตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้น เมื่อโจทก์มิได้บรรยายและขอมาในคำฟ้อง โจทก์เพิ่งจะยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ อุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลแรงงานกลางเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์