คำพิพากษาฎีกา 2276/2551
เงินค่าชดเชยและเงินรีไทม์เมนต์ เนื่องจากเกษียณอายุ
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณ พ.ศ.2527 จำเลยจ้างโจทก์ทำงานเป็นลูกจ้างตำแหน่งสุดท้ายคือพนักงานตรวจสอบสินค้า ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 8,544 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 25 ของเดือน ตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยกำหนดให้พนักงานในบริษัทเกษียณอายุเมื่อครบ 60 ปี และจะได้รับบำเหน็จในการเกษียณอายุ โดยนับอายุงานในระหว่างเป็นพนักงานรายวันไม่เกิน 8 ปี จำเลยจะนับอายุงานให้กับพนักงาน 75 เปอร์เซ็นต์ เพื่อคำนวณฐานการเกษียณอายุถ้าเป็นพนักงานประจำจะนับอายุงานให้ 100 เปอร์เซ็นต์ โจทก์มีอายุครบเกษียณในวันที่ 20 กันยายน 2547 โดยโจทก์ทำงานเป็นลูกจ้างรายวันเป็นเวลา 6 ปี 11 เดือน คิดเป็นอายุงานเท่ากับ 5.19 และเป็นพนักงานประจำ 12 ปี 10 เดือน คิดเป็นอายุงานเท่ากับ 12.83 ปี รวมเป็นอายุงานเท่ากับ 18.02 ปี คูณด้วยอัตราค่าจ้างสุดท้าย เป็นบำเหน็จในกรณีเกษียณทั้งสิ้น 153,962.88 บาท โจทก์มีสิทธิได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน คิดเป็นเงิน 85,440 บาท ซึ่งจำเลยไม่ยอมจ่ายให้โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายเงินในกรณีเกษียณจำนวน 153,962.88 บาท ค่าชดเชย 85,440 บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้รับค่าจ้างเดือนสุดท้าย 6,894 บาท ส่วนเงินค่าอาหาร 1,200 บาท และเงินรายรับอื่น 450 บาท เป็นเงินสวัสดิการไม่ใช่ค่าจ้างจำเลยไม่มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานให้บำเหน็จแก่พนักงานกรณีเกษียณอายุ แต่จำเลยกำหนดจำนวนและวิธีคำนวณค่าชดเชยในการออกจากงานไว้ตามมาตรา 118 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 เงินที่จำเลยจ่ายในกรณีพนักงานเกษียณอายุจึงไม่ใช่เงินบำเหน็จ แต่เป็นค่าชดเชยตามกฎหมาย โจทก์มีสิทธิได้รับค่าชดเชย 124,229.88 บาท จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ในวันเลิกจ้างแต่โจทก์ไม่ยอมรับ โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน ตามฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ค่าอาหารและเงินรายรับอื่นเป็นเงินที่จำเลยจ่ายให้โจทก์เป็นค่าตอบแทนการทำงาน จึงเป็นเงินเดือน ค่าชดเชยกรณีเกษียณอายุตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเอกสารหมาย ล.2 ข้อ 8.3 ไม่สอดคล้องกับค่าชดเชยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 118 จำเลยวางหลักเกณฑ์การจ่ายเงินกรณีเกษียณอายุเป็นพิเศษ ไม่เกี่ยวข้องกับค่าชดเชยตามมาตรา 118 โจทก์จึงมีสิทธิได้รับเงินกรณีเกษียณอายุตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานและค่าชดเชย พิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินในกรณีเกษียณอายุจำนวน 153,962.88 บาท ค่าชดเชย 85,440 บาท แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว มีปัญหาวินิจฉัยว่าเงินค่าชดเชยและเงินรีไทม์เมนต์เมื่อเกษียณอายุตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยตามเอกสารหมาย ล.2 ข้อ 8.3.4 เป็นค่าชดเชยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 118 หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 5 ค่าชดเชยเป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้าง นอกเหนือจากเงินประเภทอื่นซึ่งนายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้าง ซึ่งตามมาตรา 118 กำหนดอัตราค่าชดเชยจากช่วงระยะเวลาการทำงานของลูกจ้าง และค่าชดเชยสูงสุดที่นายจ้างต้องจ่ายแก่ลูกจ้างคือลูกจ้างที่มีระยะเวลาการทำงานติดต่อกันครบ 10 ปีขึ้นไป ให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน โดยใช้ค่าจ้างเป็นฐานในการคำนวณ ส่วนเงินค่าชดเชยและเงินรีไทม์เมนต์เมื่อเกษียณอายุตามเอกสารหมาย ล.2 ข้อ 8.3.4 จำเลยจ่ายให้ลูกจ้างโดยจำแนกเป็นกรณีลูกจ้างที่มีระยะเวลาการทำงานเกิน 5 ปี ที่ลาออกเนื่องจากไปปฏิบัติงานที่อื่นหรือมีเหตุผลส่วนตัว กับลูกจ้างที่ลาออกเนื่องจากมีการเจ็บป่วยและไม่สามารถปฏิบัติงานในหน้าที่ต่อไปได้ และกรณีลูกจ้างที่ทำงานมีระยะเวลาเกิน 10 ปีขึ้นไป ก่อนการออกจากงานเมื่อครบเกษียณอายุ ทั้งสองกรณีใช้จำนวนระยะเวลาที่ลูกจ้างทำงานเป็นตัวคูณ โดยใช้เบสิคซาลารี่ (ค่าจ้างพื้นฐาน) เป็นฐานในการคำนวณปรากฏตามคำเบิกความนายสมมาตร ผดุงชัย ผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงินของจำเลยโดยโจทก์ไม่โต้แย้งเป็นอย่างอื่นว่าเบสิคซาลารี่หมายถึงเงินเดือนที่ไม่รวมค่าอาหารและเงินรายรับอื่นซึ่งเป็นสวัสดิการ หลักเกณฑ์คำนวณจึงแตกต่างจากค่าชดเชยตามมาตรา 118 ทั้งเอกสารหมาย ล.2 ไม่ได้กำหนดว่าเงินค่าชดเชยและเงินรีไทม์เมนต์เมื่อเกษียณอายุตามข้อ 8.3.4 ให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของค่าชดเชย ดังนั้นเงินค่าชดเชยและเงินรีไทม์เมนต์เมื่อเกษียณอายุจึงไม่ใช่ค่าชดเชยตามมาตรา 118 จำเลยจึงต้องจ่ายเงินค่าชดเชยและเงินรีไทม์เมนต์เมื่อเกษียณอายุตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเอกสารหมาย ล.2 ข้อ 8.3.4 และค่าชดเชยตามมาตรา 118 แก่โจทก์ อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยมาแล้วว่าเงินค่าชดเชยและเงินรีไทม์เมนต์เมื่อเกษียณอายุไม่ใช่ค่าชดเชยตามมาตรา 118 จึงต้องคำนวณเงินค่าชดเชยและเงินรีไทม์เมนต์เมื่อเกษียณอายุจากเบสิคซาลารี่คือเงินเดือนเพียงอย่างเดียวตามเอกสารหมาย ล.2 ข้อ 8.3.4 ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.2 และคำให้การจำเลยว่าโจทก์ได้รับเงินเดือนอัตราสุดท้ายเดือนละ 6,894 บาท ดังนั้น จำเลยต้องจ่ายเงินค่าชดเชยและเงินรีไทม์เมนต์เมื่อเกษียณอายุแก่โจทก์ 124,229.88 บาท ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินกรณีเกษียณอายุแก่โจทก์โดยคำนวณจากฐานเงินเดือนรวมกับค่าอาหารและเงินรายรับอื่นนั้นจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง