ประกาศอัตราค่าจ้าง11สาขาตามระดับทักษะฝีมือแรงงาน
กระทรวงแรงงานประกาศใช้อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน 11 สาขาอาชีพ มีผลแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในเร็วๆ นี้จะมีประกาศเพิ่มอีก 11 สาขา มีผลบังคับใช้ 6 ตุลาคมนี้ โดยลูกจ้างไปทดสอบฝีมือแล้วยื่นขอรับอัตราค่าจ้างตามที่กำหนดได้
นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงานประกาศ "อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน" ใน 11 สาขาอาชีพรอบแรกไปแล้ว โดยมีผลวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งหมายความว่า ลูกจ้างที่ไปทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน จะได้รับใบรับรองว่าความสามารถของตนอยู่ในระดับไหน พร้อมกับมีการกำหนดอัตราค่าจ้างตามระดับฝีมือว่าจะอยู่ขั้นใด โดยมี 3 ระดับ หลังจากนั้นนำผลการทดสอบไปยื่นต่อนายจ้าง เพื่อดำเนินการปรับอัตราค่าจ้างให้ตามระดับฝีมือ และตามที่กำหนดไว้ว่าอยู่ระดับไหน โดยอัตราตามที่กำหนดไว้ว่าอยู่ระดับไหน โดยอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ หรือ มรช. ใน 11 สาขาอาชีพที่เริ่มบังคับใช้ไปแล้วนั้น มีดังนี้
สาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร, สาขาช่างไฟฟ้าอุตสาหกรรม, สาขาช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก, สาขาช่างซ่อมไมโครคอมพิวเตอร์ ได้กำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือในระดับที่หนึ่ง 300 บาท ระดับที่สอง 400 บาท และระดับที่สาม 500 บาท
สาขาช่างอิเล็กทรอนิกส์ (โทรทัศน์) กำหนดให้ระดับที่หนึ่งได้รับอัตราค่าจ้าง 300 บาท และระดับสอง 400 บาท โดยไม่มีระดับที่สาม
สาขาช่างซ่อมรถยนต์ ระดับที่หนึ่งได้รับอัตรา 275 บาท ระดับสอง 360 บาท และระดับสาม 445 บาท
สาขาช่างเคาะตัวถังรถยนต์ ระดับที่หนึ่งมีอัตราค่าจ้าง 335 บาท ระดับสอง 420 บาท และระดับสาม 505 บาท505 บาท
สาขาช่างสีรถยนต์ ระดับที่หนึ่งได้ค่าจ้าง 315 บาท ระดับสอง 380 บาท และระดับสาม 445 บาท
สาขาผู้ประกอบการอาหารไทย ระดับที่หนึ่งได้ค่าจ้าง 280 บาท ระดับสอง 360 บาท ไม่มีระดับที่สาม
สาขาพนักงานนวดไทย ระดับที่หนึ่งได้ค่าจ้าง 310 บาท ระดับสอง 410 บาท และระดับสาม 510 บาท สาขานักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม สปาตะวันตก (หัตถบำบัด) ระดับที่หนึ่งได้ค่าจ้าง 350 บาท ระดับสอง 460 บาท ไม่มีระดับที่สาม
โดยกระทรวงแรงงาน มีแนวคิดในการผลักดันค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือมาตั้งแต่ปี 2548 และเริ่มนำร่องให้สถานประกอบกิจการได้ใช้โดยความสมัครใจใน 30 สาขาอาชีพ 11 กลุ่มอุตสาหกรรม มาตั้งแต่ปี 2549
สำหรับสาขาอาชีพที่จะได้รับค่าจ้างตามระดับฝีมืออีก 11 สาขาตามประกาศฉบับที่ 2 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 6 ตุลาคม 2554 นี้นั้น ประกอบไปด้วย 1.ช่างเขียนแบบเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์ ระดับหนึ่งได้รับค่าจ้างวันละ 330 บาท ระดับสองได้ค่าจ้าง 430 บาท ระดับสามได้รับค่าจ้าง 550 บาท
2.สาขาช่างเชื่อมแม็ก ระดับหนึ่งได้รับค่าจ้างวันละ 300 บาท ระดับสองได้ 380 บาท ระดับสามได้ 500 บาท
3.ช่างเชื่อมทิก ระดับหนึ่งได้ค่าจ้างวันละ 370 บาท ระดับสองได้ 500 บาท ระดับสามได้ 690 บาท
4.ช่างไม้ก่อสร้าง ระดับหนึ่งได้ค่าจ้างวันละ 300 บาท ระดับสองได้ 410 บาท ระดับสามได้ 520 บาท
5.ช่างก่ออิฐ ระดับหนึ่งได้รับค่าจ้างวันละ 260 บาท ระดับสองได้ 380 บาท ระดับสามได้ 500 บาท
6.ช่างฉาบปูน ระดับหนึ่งได้รับค่าจ้างวันละ 300 บาท ระดับสองได้ 410 บาท ระดับสามได้ 520 บาท
7.ช่างอะลูมิเนียมก่อสร้าง ระดับหนึ่งได้รับค่าจ้างวันละ 280 บาท ระดับสองได้ 390 บาท ระดับสามได้ 500 บาท
8.ช่างเย็บ ระดับหนึ่งได้รับค่าจ้างวันละ 250 บาท ระดับสองได้ 340 บาท ระดับสามได้ 430 บาท
9.ช่างเครื่องประดับอัญมณี ระดับหนึ่งได้รับค่าจ้างวันละ 300 บาท ระดับสองได้รับค่าจ้าง 400 บาท ระดับสามได้ 550 บาท
10.ช่างเครื่องเรือนไม้ ระดับหนึ่งได้รับค่าจ้างวันละ 300 บาท ระดับสองได้ 350 บาท ระดับสามได้ 400 บาท และ
11.ช่างบุครุภัณฑ์ ระดับหนึ่งได้รับค่าจ้างวันละ 250 บาท ระดับสองได้รับค่าจ้าง 315 บาท ระดับสามได้รับค่าจ้าง 380 บาท
ทั้งนี้สามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ http://home.dsd.go.th/standard หรือโทร. 0-2643-4987 เมื่ออัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานมีผลบังคับใช้แล้ว หากนายจ้างไม่ปฏิบัติตามมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
ปลัดกระทรวงแรงงานระบุว่า ตั้งเป้าผลักดันค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานให้ได้ครอบคลุมทั้ง 120 สาขาอาชีพ โดยผู้ที่ประสงค์จะเข้าสู่ระบบค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ สามารถเข้ารับการทดสอบเพื่อวัดระดับฝีมือได้กับศูนย์ หรือสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานในทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยขณะนี้มีผู้ผ่านการทดสอบแล้วกว่า 9.4 หมื่นคน และคาดว่าเมื่อประกาศบังคับใช้แล้ว จะมีผู้เข้ารับการทดสอบในช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคม 2554 อีกไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นคน.