ReadyPlanet.com
dot dot
dot
ชมรมบริหารงานบุคคล
dot
bulletสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย
bulletชมรมบริหารงานบุคคล
bulletชมรมบริหารงานบุคคล อยุธยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลรังสิต
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคล อมตะนคร
bulletสมาคมการบริหารงานบุคคล (PAAs)
bulletชมรมบริหารงานบุคคลบางพลี
bulletชมรมนักบริหารงานบุคคลพัทยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลยุคใหม่
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคลจังหวัดราชบุรี
bulletงานบริหารงานบุคคล
bulletชมรมงานบริหารงานบุคคลกรุงเทพฯ
bulletชมรมบริหารงานบุคลสุขสวัสดิ์
dot
ติดต่อราชการศาล
dot
bulletศาลแรงงานกลาง
bulletศาลแรงงานภาค ๒
bulletศาลยุติธรรม
bulletศาลปกครอง
bulletศาลรัฐธรมนูญ
bulletสำนักงานอัยการสูงสุด
bulletกระทรวงยุติธรรม
bulletคณะกรรมการกฤษฎีกา
bulletกรมบังคับคดี
bulletสภาทนายความ
dot
หน่วยงานราชการสำคัญ
dot
bulletกระทรวงแรงงาน
bulletกรมการจัดหางาน
bulletกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
bulletกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
bulletสำนักงานประกันสังคม
bulletกรมสรรพากร
bulletกรมบัญชีกลาง
bulletกรมพัฒนาธุรกิจกาค้า
bulletกระทรวงอุตสาหกรรม
bulletกรมโรงงานอุตสาหกรรม
bulletกรมส่งเสริมอุตสาหรม
bulletการนิคมอุตสาหกรรม
dot
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน
dot
bulletสมบัติลีกัล
bulletเอกเซลสำหรับงาน HR โดย อ.สำเริง
bulletบทความดี ๆ จากโกป้อม
dot
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
dot
dot
Newsletter

dot


พยากรณ์อากาศวันนี้
..................................


ราคาน้ำมันวันนี้
..................................



กระทำความผิดซ้ำคำเตือน article

 

คำพิพากษาฎีกา 2544 - 2545 / 2552

กระทำความผิดซ้ำคำเตือน
 
คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลแรงงานกลางพิจารณาและพิพากษารวมกันโดยให้เรียกพันจ่าอากาศเอกทวีศักดิ์ ศรีสมบูรณ์ ในฐานะพนักงานตรวจแรงงานว่าจำเลยที่ 1 เรียกบริษัทโรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) ว่า จำเลยที่ 2 
 
 
โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องและแก้ไขคำฟ้องเป็นใจความว่า จำเลยที่ 2 มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัด เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2529 จำเลยที่ 2 ว่าจ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้าง ตำแหน่งสุดท้ายคือพนักงานผู้ช่วยพยาบาลแผนกบริบาลทารก ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 7,935 บาท ค่าครองชีพเดือนละ 800 บาท กำหนดจ่ายทุกวันที่ 28 ของเดือน ต่อมาวันที่ 17 พฤศจิกายน 2546 จำเลยที่ 2 ได้มีหนังสือแจ้งเลิกจ้างโจทก์โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2546 โดยโจทก์ไม่มีความผิดและจำเลยที่  2 ไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าตามกฎหมาย ต่อมาวันที่ 20 พฤศจิกายน 2546 โจทก์ได้ร้องต่อพลตรีสุริยะ ผลากรกุล ว่าจำเลยที่ 2 เลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ารวมทั้งค่าเสียหายแต่ได้รับแจ้งว่าเป็นมติของกรรมการสอบสวนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำสั่งเลิกจ้างได้ แต่จะให้เงินช่วยเหลือกรณีพิเศษ 87,350 บาท ต่อมาจำเลยที่ 1 มีคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานที่ 9/2547 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2547 ว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าจ้างและค่าล่วงเวลาในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2546 โจทก์ทราบคำสั่งเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2547 โจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าวเพราะโจทก์ไม่ได้เป็นผู้เริ่มกระทำความผิดก่อน จำเลยที่ 2 ไม่ได้ตั้งกรรมการสอบสวนก่อนและไม่มีพยานหลักฐานว่าโจทก์กระทำผิด ทั้งมิใช่ความผิดร้ายแรง การที่จำเลยที่ 2 ลงโทษตักเตือนโจทก์เป็นหนังสือเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2546 เนื่องจากการกระทำความผิดเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2545 เรื่องฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหมวดที่ 7 ข้อ 6 ข้อ 8 และข้อ 15 และในวันที่ 24 ตุลาคม 2546 ที่จำเลยที่ 2 อ้างว่าโจทก์ได้กระทำผิดซ้ำคำเตือนยังไม่เกิน 1 ปี นับแต่ได้กระทำผิดนั้นจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อโจทก์ไม่มีความผิดจึงมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2546 เป็นค่าจ้าง 291 บาท ค่าล่วงเวลา 220 บาท โจทก์ทำงานติดต่อกันเกินกว่า 10 ปี ขึ้นไปมีสิทธิได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายรวมค่าครองชีพ 300 วัน เป็นเงิน 87,350 บาท และมีสิทธิได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 41 วัน เป็นเงิน 11,937 บาท ทั้งโจทก์ไม่ได้กระทำผิดหลักเกณฑ์เรื่องเงินสะสมหรือเงินสวัสดิการพนักงานของจำเลยซึ่งมีระเบียบว่าพนักงานซึ่งมีอายุงาน 5 ปี ขึ้นไปมีสิทธิได้รับเงินเมื่อออกจากงานโดยมีเงื่อนไขว่าอายุงาน 3 ปี จะได้เท่ากับเงินเดือนสุดท้าย 1 เดือน และจะเพิ่มขึ้นทุก 3 ปี ต่อเดือน จำเลยที่ 2 จึงต้องจ่ายเงินสะสมตามอายุทำงานของโจทก์ 18 ปี เป็นเงิน 52,410 บาท และการเลิกจ้างทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขาดรายได้ประจำ โจทก์มีภาระอุปการะเลี้ยงดูบุตร 3 คน มีค่าใช้จ่ายในการครองชีพ ภาระผ่อนซื้อบ้าน โจทก์ขอเรียกค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมเป็นเงิน 1,048,200 บาท ขอให้เพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานที่ 9/2547 ฉบับลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2547 ให้จำเลยที่ 2 จ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 11,937 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ค่าจ้าง 291 บาท ค่าล่วงเวลา 220 บาท ค่าชดเชย 87,350 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ  15 ต่อปี ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม 1,048,200 บาท และเงินสะสม 52,410 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระแล้วเสร็จแก่โจทก์
 
 
จำเลยที่ 1 ให้การว่า คำสั่งพนักงานตรวจแรงงานกลุ่มงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพื้นที่ 2 ที่ 9/2547 เรื่องค่าชดเชยและค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ชอบด้วยกฎหมายแล้วเพราะโจทก์ถูกจำเลยที่ 2 ลงโทษตักเตือนเป็นหนังสือเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2546 เนื่องจากกระทำความผิดฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับการทำงานในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2545 ต่อมาวันที่ 24 ตุลาคม 2546 โจทก์กระทำผิดซ้ำคำเตือนในระยะเวลาไม่เกินหนึ่งปีนับแต่กระทำผิดครั้งแรก จำเลยที่ 2 จึงเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย แต่โจทก์ได้ขอความช่วยเหลือจากผู้บริหารและได้รับเงินช่วยเหลือจากจำเลยที่ 2 เป็นจำนวน 10 เท่าของค่าจ้างอัตราสุดท้ายเท่ากับค่าชดเชยตามกฎหมาย 87,350 บาท สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเท่ากับค่าจ้าง 1 เดือน เป็นเงิน 8,735 บาท และค่าจ้างเดือนพฤศจิกายน 2546 จำนวน 8,735 บาท รวมเป็นเงิน 17,470 บาท ส่วนค่าล่วงเวลาตามที่โจทก์อ้างก็เป็นระยะเวลาภายหลังเลิกจ้างแล้ว สำหรับเงินสวัสดิการพนักงานตามที่โจทก์อ้างว่าเป็นเงินสะสมนั้น นอกเหนืออำนาจของจำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้อง
 
 
                         จำเลยที่ 2 ให้การทั้งสองสำนวนว่า โจทก์เคยเป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ตำแหน่งพนักงานผู้ช่วยพยาบาลแผนกบริบาลทารก ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 7,935 บาท ค่าครองชีพ 800 บาท และเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2546 จำเลยที่ 2 เลิกจ้างโจทก์และมีผลเป็นการเลิกจ้างตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2546 เนื่องจากโจทก์กระทำความผิดฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระเบียบและคำสั่งของจำเลยที่ 2 ซึ่งชอบด้วยกฎหมายถึง 2 ครั้ง โดยการพูดจาเสียงดัง ข่มขู่ว่าจะฟันแทงนางสาวสุภางค์ ยันตพร หัวหน้าแผนกบริบาลทารกซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา ใช้คำพูดส่อเสียด ข่มขู่ หยาบคายต่อผู้ร่วมงานและผู้บังคับบัญชา ไม่เคารพผู้บังคับบัญชาไม่ยอมรับการโอนย้ายงานตามคำสั่งโดยชอบของจำเลยที่ 2 ทำให้ผู้ร่วมงานและผู้บังคับบัญชาไม่สามารถปฏิบัติงานร่วมกับโจทก์ได้อย่างปกติสุข โจทก์มีหน้าที่ดูแลเด็กอ่อนอย่างใกล้ชิดไม่ควรทำให้เกิดภาวะความเครียดแก่เพื่อนร่วมงานเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อผู้ป่วยและชื่อเสียงของจำเลยที่ 2 การกระดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับและระเบียบของจำเลยที่ 2 หมวดที่ 7 ข้อ 6 ข้อ 8 และข้อ 15 จำเลยที่ 2 ได้มีหนังสือตักเตือนโจทก์แล้วเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2546 แต่ต่อมาโจทก์กระทำผิดซ้ำคำเตือนอีกเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2546 โดยกล่าววาจาหยาบคายขู่อาฆาตเพื่อนร่วมงานต่อหน้าผู้บังคับบัญชาเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับการทำงาน เมื่อเกิดเหตุขึ้นจำเลยที่ 2 ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งสองครั้งและเห็นว่าโจทก์กระทำผิดฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับการทำงานจึงเห็นสมควรเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยค่าเสียหาย รวมทั้งสิทธิประโยชน์ใดๆ แต่ได้จ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าค่าเวรและค่าอาหารแก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว ครั้นเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2546 โจทก์มีหนังสือยอมรับว่าได้กระทำความผิดซ้ำคำเตือนและทำผิดตามหนังสือเลิกจ้างจริงขอให้จำเลยที่ 2 ช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษและตกลงจะไม่เรียกค่าเสียหายหรือเงินได้ส่วนใดอีก จำเลยที่ 2 พิจารณาแล้วได้จ่ายเงินเป็นการช่วยเหลือโจทก์ 87,350 บาท ต่อมาโจทก์ได้ร้องต่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเมื่อจำเลยที่ 1 สอบข้อเท็จจริงแล้วมีคำสั่งว่าโจทก์กระทำผิดฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับการทำงานจริง จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ เมื่อจำเลยที่ 2 เลิกจ้างโจทก์โดยชอบ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ส่วนเงินสวัสดิการพนักงานเมื่อลาออกจากงานเป็นสวัสดิการที่จำเลยที่ 2 เป็นผู้ให้ฝ่ายเดียวเพื่อช่วยเหลือลูกจ้างเมื่อลาออกจากงานหรือเกษียณอายุหรือเสียชีวิตโดยคำนวณจากระยะเวลาทำงานแต่ไม่เกินค่าจ้างอัตราสุดท้ายรวม 10 เดือน แต่จะไม่จ่ายให้แก่ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างเพราะกระทำผิดตามความในข้อ 47 แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานหรือมาตรา 119 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าว ขอให้ยกฟ้อง
 
 
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
 
 
โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
 
 
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว
 
 
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ทำงานเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ตำแหน่งสุดท้ายเป็นพนักงานผู้ช่วยพยาบาลแผนกบริบาลทารก ได้รับค่าจ้างรวมค่าครองชีพเดือนละ 8,735 บาท กำหนดจ่ายทุกวันที่ 28 ของเดือน วันที่ 18 พฤศจิกายน 2545 โจทก์ขอแลกเปลี่ยนเวร แต่นางสาวสุภางค์ ยันตพร ผู้บังคับบัญชาของโจทก์ให้ไปสอบถามเจ้าของเวรก่อน โจทก์ไม่พอใจได้พูดจาหยาบคาย ด่าทอและพูดขู่จะแทงทำร้ายนางสาวสุภางค์ จำเลยที่ 2 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้วเห็นว่าโจทก์มีพฤติการณ์ก้าวร้าวผู้บังคับบัญชา จำเลยที่ 2 เห็นชอบให้มีหนังสือตักเตือนและภาคทัณฑ์โจทก์ตามเอกสารหมาย ล.8 แต่โจทก์ไม่ยินยอมรับหนังสือ ต่อมาวันที่ 24 ตุลาคม 2546 ทารกคนหนึ่งมีปัญหาการดื่มนม โจทก์ป้อนนมให้ทารกแล้วไปล้างขวดนม ทารกร้องขึ้นแต่โจทก์ไม่มาอุ้มทารกกลับไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์นางจิราพร เขินประติยุทธ หัวหน้าพยาบาลเวรได้ไปอุ้มทารกและให้นมแทนแล้วพูดว่ากล่าวตักเตือนโจทก์ โจทก์ไม่พอใจพูดจาเสียงดังไม่ให้เกียรติ ไม่ให้ความเคารพและพูดทำนองชวนทะเลาะวิวาท นางจิราพรได้ทำบันทึกรายงานเสนอต่อนางสาวสุภางค์ โจทก์เข้าไปหาพูดจาหยาบคาย ด่าทอนางจิราพรต่อหน้านางสาวสุภางค์ จำเลยที่ 2 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ระหว่างการสอบสวนจำเลยที่ 2 มีคำสั่งย้ายโจทก์ไปประจำแผนกจ่ายของปราศจากเชื้อกลางเป็นการชั่วคราว แต่โจทก์ไม่ยินยอมลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่ง จำเลยที่ 2 จึงมีคำสั่งให้โจทก์หยุดงานตั้งแต่วันที่ 11 ถึง 13 พฤศจิกายน 2546 โดยจ่ายค่าจ้าง คณะกรรมการสอบสวนแล้วเห็นว่าโจทก์มีพฤติการณ์ก้าวร้าวผู้บังคับบัญชา เห็นสมควรเลิกจ้าง จำเลยที่ 2 เห็นชอบและมีหนังสือเลิกจ้างโจทก์ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2546 โดยไม่จ่ายค่าชดเชยค่าเสียหาย และสิทธิประโยชน์อื่น หลังจากนั้นโจทก์ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อจำเลยที่ 1 ว่าจำเลยที่ 2 เลิกจ้างโดยไม่จ่ายเงินตามกฎหมาย จำเลยที่ 1 สอบสวนแล้วได้มีคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานที่ 9/2547 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2547 ว่า โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าจ้างและค่าล่วงเวลาในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2546 จากจำเลยที่ 2 แล้ววินิจฉัยว่า โจทก์กระทำผิดระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลยที่ 2 โดยใช้วาจาส่อเสียดพูดจาข่มขู่หยาบคายต่อผู้ร่วมงานและผู้บังคับบัญชา อันเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับการทำงานหรือระเบียบหรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้าง แม้มิใช่กรณีร้ายแรงแต่โจทก์กระทำผิดซ้ำคำเตือนภายในระยะเวลาไม่เกินหนึ่งปี และโจทก์ทราบคำสั่งแล้วแม้ไม่ยินยอมลงลายมือชื่อในหนังสือเตือนจำเลยที่ 2 เลิกจ้างโจทก์โดยมีเหตุสมควร ถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
 
 
                         ที่โจทก์อุทธรณ์ประการแรกว่า โจทก์ไม่ได้กระทำผิดตามที่จำเลยที่ 2 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทั้งสองครั้ง หากโจทก์กระทำผิดก็ย่อมลงลายมือชื่อรับทราบความผิดครั้งแรกและครั้งที่ 2 เป็นคนละข้อหาไม่ซ้ำกัน ทั้งเป็นความผิดเพียงเล็กน้อยไม่ถึงกับให้ออกจากงาน คณะกรรมการสอบสวนเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 การสอบสวนไม่โปร่งใสเพราะไม่เคยสอบสวนพยานของโจทก์ พยานที่จำเลยที่ 2 เรียกมาสอบก็มีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์ เห็นว่า โจทก์อุทธรณ์อ้างเหตุต่างๆ เพื่อให้ศาลฎีกาฟังว่าโจทก์ไม่ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหาในคำเตือนทั้งสองครั้ง และไม่ถึงกับเป็นเหตุให้โจทก์ต้องออกจากงาน เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังข้อเท็จจริงของศาลแรงงานกลาง จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ระหว่างการสอบสวนจำเลยที่ 2 มีคำสั่งย้ายแผนกงานโจทก์และต่อมาให้โจทก์หยุดงาน 3 วัน โดยโจทก์ไม่ยินยอมถือเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ การเลิกจ้างของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมไปด้วยนั้น เห็นว่า ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยแล้วว่าโจทก์กระทำผิดซ้ำคำเตือนภายในระยะเวลาหนึ่งปี จำเลยที่ 2 เลิกจ้างโจทก์โดยมีเหตุสมควร ไม่ถือว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ข้ออุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลของคำพิพากษาศาลแรงงานกลางเปลี่ยนแปลง
 
 
                         ปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่า  หนังสือมอบอำนาจของจำเลยที่ 2 ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2546 ให้นางสาวยุรพันธ์ ธาราณัติ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลฝ่ายบริหารทั่วไปและหัวหน้าฝ่ายบุคคล ไปพบพนักงานตรวจแรงงานกรณีของโจทก์ มีการปิดอากรแสตมป์แต่ไม่มีการขีดฆ่า ถือเป็นหนังสือมอบอำนาจที่ไม่ชอบ ตกเป็นโมฆะมีผลเสมือนว่าไม่มีการมอบอำนาจแต่อย่างใด การที่จำเลยที่ 1 วินิจฉัยพยานหลักฐานที่เกี่ยวเนื่องมาจากหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจึงเป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบไปด้วยนั้น เห็นว่า ข้ออุทธรณ์ของโจทก์แม้จะไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาโดยชอบในศาลแรงงานกลาง แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยศาลฎีการับวินิจฉัยให้ ในปัญหาดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 139 (2) บัญญัติว่า ในการปฏิบัติการตามหน้าที่พนักงานตรวจแรงงานมีอำนาจทำหนังสือสอบถามหรือเรียกนายจ้าง ลูกจ้าง หรือบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อเท็จจริงหรือให้ส่งสิ่งของหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาดังนั้นหนังสือมอบอำนาจของจำเลยที่ 2 ที่จำเลยที่ 2 มอบหมายให้พนักงานไปพบหรือให้ปากคำต่อพนักงานตรวจแรงงานตามหนังสือเรียกของพนักงานตรวจแรงงานแม้จะมิได้ขีดฆ่าอากรแสตมป์ให้ถูกต้อง จำเลยที่ 1 ในฐานะพนักงานตรวจแรงงานก็มีอำนาจที่จะสอบถามพนักงานของจำเลยที่ 2 ที่มาให้ปากคำหรือส่งสิ่งของหรือเอกสารที่มีหนังสือเรียกไปเป็นพยานหลักฐานเพื่อประกอบการวินิจฉัยสั่งการได้ และไม่มีผลให้คำสั่งของจำเลยที่ 1 เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ตราประทับของจำเลยที่ 2 ในหนังสือมอบอำนาจลงวันที่ 22 ธันวาคม 2546 กับตราประทับของจำเลยที่ 2 ในหนังสือรับรองนิติบุคคลเป็นคนละตรากัน การมอบอำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมายมีผลให้การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย เห็นว่า ข้อนี้เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
 
 
                           พิพากษายืน

 




อัพเดท ฎีกาน่าสนใจ

ขึ้นทะเบียนรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเกิน ๓๐ วัน ยังมีสิทธิได้รับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานได้ article
ลักษณะความผิดเดียวกัน แต่ระดับความร้ายแรงแตกต่างกัน นายจ้างพิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ผู้จัดการสาขา เสนอรายชื่อลูกค้าที่ขาดคุณสมบัติทำประกันชีวิต ถือว่าจงใจทำให้นายจ้างเสียหาย / ผิดร้ายแรง article
หยุดกิจการชั่วคราวตาม มาตรา ๗๕ article
สัญญาจ้างเป็นสัญญาต่างตอบแทน นายจ้างออกค่าใช้จ่ายในการเข้าทดสอบเพื่อรับเกียรติบัตร เมื่อทดสอบผ่านต้องทำงานกับนายจ้าง ๕ ปี บังคับใช้ได้ article
ศาลแรงงานกลางมีอำนาจสั่งรับพยานเอกสารได้ แม้ไม่ได้ส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายก็ตาม article
ประกอบธุรกิจแข่งขัน / ไปทำงานกับนายจ้างอื่น ในลักษณะผิดต่อสัญญาจ้าง เมื่อลูกจ้างได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้างตามสัญญาแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะบังคับ / ห้ามทำงานตามเงื่อนไขในสัญญาจ้างอีกต่อไป article
คดีแรงงานเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้คดีอาญายกฟ้อง แต่พฤติกรรมการกระทำผิด เป็นเหตุให้นายจ้างไม่อาจไว้วางใจในการทำงานได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
เลิกจ้างเนื่องจากปรับโครงสร้างองค์กร แต่กำหนดรายชื่อไว้ล่วงหน้า ถือเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม article
การหักลบกลบหนี้ หนี้อันเกิดจากสัญญาจ้าง กรณีลูกจ้างกระทำผิดกับสิทธิประโยชน์ที่มีสิทธิได้รับตามสัญญาจ้าง ถือเป็นมูลหนี้อันเป็นวัตถุอย่างเดียวกันหักลบกลบหนี้กันได้ article
เล่นการพนันฉลากกินรวบ เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กรณีร้ายแรง article
กรณีไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจแข่งขันหรือไม่ถือว่าทำงานกับนายจ้างใหม่ในลักษณะธุรกิจเดียวกับนายจ้าง article
สัญญาฝึกอบรม นายจ้างกำหนดเบี้ยปรับได้ เป็นสัญญาที่เป็นธรรม article
ค้ำประกันการทำงาน หลักประกันการทำงาน การหักลบกลบหนี้ค่าเสียหายจากการทำงาน article
ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์แต่ตนเอง เรียกรับเงินจากลูกค้า ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ article
ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา มาทำงานสายประจำ ถือว่า กระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สหภาพแรงงานทำบันทักข้อตกลงเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างกับนายจ้าง อันส่งผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ของสมาชิก ขัดกับข้อตกลงเดิมและมิได้ขอมติที่ประชุมใหญ่ ข้อตกลงดังกล่าวไม่อาจใช้บังคับได้ article
ขอเกษียณอายุก่อนกำหนดตามประกาศ ถือเป็นการสมัครใจเลิกสัญญาจ้างแรงงานต่อกัน มิใช่การเลิกจ้างหรือการเกษียณอายุ จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยตามระเบียบกรณีเกษียณอายุ article
สถาบันวิจัยอันเป็นส่วนหนึ่งของกิจการมหาวิทยาลัยถือเป็นหน่วยงานของรัฐ ได้รับยกเว้น ไม่อยู่ภายใต้บังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา ๔ (๑) article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จากการเลิกจ้างมีอายุความฟ้องร้องได้ภายใน ๑๐ ปี article
ทะเลาะวิวาทเรื่องส่วนตัวไม่ส่งผลกระทบต่อการบังคับบัญชา ไม่เป็นความผิด กรณีร้ายแรง ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ article
พี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกัน มิใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ และเงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต ตามพระราชบัญญัติ ประกันสังคม มาตรา ๗๓ และมาตรา ๗๗ article
ขับรถเร็วเกินกว่าข้อบังคับกำหนด เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนคำสั่งโยกย้าย เลิกจ้างได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ประกาศใช้ระเบียบใหม่ ไม่ปรากฏว่ามีพนักงานโต้แย้งคัดค้าน ถือว่าทุกคนยินยอมปฏิบัติตามระเบียบ article
เงินค่าตอบแทนพิเศษกับเงินโบนัส มีเงื่อนไขต่างกัน หลักเกณฑ์การจ่ายต่างกัน จึงต้องพิจารณาต่างกัน article
ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินกองทุนเงินทดแทน article
ค่ารถแทนรถยนต์ประจำตำแหน่ง ไม่ถือเป็นค่าจ้าง และ ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมให้ถือตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่กำหนดไว้ article
เจรจาให้ลาออก ลูกจ้างไม่ตกลง ขอเวลาตัดสินใจและหยุดงานไป นายจ้างแจ้งให้กลับเข้าทำงานตามปกติ ถือว่านายจ้างยังไม่มีเจตนาเลิกจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ แอบนอนหลับในเวลาทำงาน ถือเป็นเหตุในการเลิกจ้างได้ เลิกจ้างเป็นธรรม article
ลาออกโดยไม่สุจริต ไม่มีผลใช้บังคับ article
ทำความผิดคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน พิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ประกอบธุรกิจ บริการ ด่าลูกค้าด้วยถ้อยคำหยาบคาย " ควาย " ถือเป็นการกระทำความผิดกรณีร้ายแรง article
ข้อบังคับ ระบุให้ผู้บังคับบัญชาเหนือกว่ามีอำนาจแก้ไข เพิ่มโทษ หรือลดโทษได้ การยกเลิกคำสั่งลงโทษเดิมและให้ลงโทษใหม่หนักกว่าเดิมจึงสามารถทำได้ article
เลือกปฏิบัติในการลงโทษระเบียบการห้ามใส่ตุ้มหูมาทำงาน บังคับใช้ได้ แต่เลือกปฏิบัติในการลงโทษไม่ได้ article
ลงโทษพักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างและเตือนในคราวเดียวกันได้ ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน article
จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย article
ข้อตกลงรับเงินและยินยอมปลดหนี้ให้แก่กัน ถือเป็นการตกลงระงับข้อพิพาทแม้จะทำขึ้นก่อนคำสั่งเลิกจ้างมีผลใช้บังคับ article
ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่คู่ความอ้างส่งศาลได้ แม้มิได้ระบุบัญชีพยานไว้ก็ตาม article
สัญญาจ้างห้ามลูกจ้างไปทำงานกับนายจ้างใหม่ที่ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกันมีกำหนดเวลา บังคับใช้ได้ article
เลิกจ้างและรับเงินค่าชดเชย ใบรับเงิน ระบุขอสละสิทธิ์เรียกร้องเงินอื่นใดใช้บังคับได้ ลูกจ้างไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องสินจ้างและค่าเสียหายได้อีก article
เกษียณอายุ 60 ปี ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยนับแต่วันครบกำหนดเกษียณอายุ แม้นายจ้างไม่ได้บอกเลิกจ้างก็ตาม article
ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและเพิกเฉยไม่ดูแลผลประโยชน์ของนายจ้าง เป็นเหตุให้นายจ้างไม่ไว้วางใจในการทำงานได้เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ละเลยต่อหน้าที่ ไม่รายงานเคพีไอ นายจ้างตักเตือนแล้ว ถือว่าผิดซ้ำคำเตือน เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ทำสัญญาจ้างต่างด้าวทำงานในอาชีพต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว สัญญาจ้างถือเป็นโมฆะ article
ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง article
ศาลมีคำสั่งให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาตามหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน ในขณะที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ยุติ ต้องสืบพยานใหม่และพิพากษาใหม่ไปตามรูปคดี article
แม้สัญญาจ้างไม่ได้ระบุระยะเวลาทดลองงานไว้ แต่นายจ้างก็สามารถประเมินผลการทำงานของลูกจ้างได้ article
การควบรวมกิจการ สิทธิและหน้าที่โอนไปเป็นของบริษัทใหม่ การจ่ายเงินสมทบบริษัทใหม่ที่ควบรวมจึงมีสิทธิจ่ายเงินสมทบในอัตราเดิมตามสิทธิ มิใช่ในอัตราบริษัทตั้งใหม่ article
เลิกจ้างรับเงินค่าชดเชยแล้วตกลงสละสิทธิ์จะไม่เรียกร้องผละประโยชน์ใดๆ ถือว่าสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเป็นอันระงับไป article
รับเหมาก่อสร้าง ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบ จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแทนผู้รับเหมาช่วง หากผู้รับเหมาช่วงไม่นำส่งเงินสมทบตามกฎหมายโดยคำนวณจากอัตราค่าจ้างที่ระบุตามแบบ ( ภ.ง.ด. 50 ) และบัญชีงบดุล article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานระบุห้ามทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายร่างกาย ผู้บังคับบัญชา เพื่อนพนักงาน ทั้งในสถานที่ทำงาน หรือสถานที่อื่นๆ ฝ่าฝืนถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง ใช้บังคับได้ไม่ขัดต่อกฎหมาย article
ไส้ติ่งอักเสบ แพทย์วินิจฉัยให้ผ่าตัด ถือเป็นกรณีฉุกเฉิน เบิกค่ารักษาได้ มีสิทธิรับเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ได้ article
ค่าเช่าที่พัก ค่าใช้จ่ายเดินทางเป็นสวัสดิการไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่ารถยนต์ซึ่งกำหนดเป็นสวัสดิการไว้ชัดเจนแยกจากฐานเงินเดือนปกติ ถือเป็นสวัสดิการไม่ใช่ค่าจ้าง article
ละเมิดข้อตกลงสภาพการจ้าง ละเมิดสัญญาจ้าง มีอายุความ 10 ปี มิใช่ 1 ปี article
พฤติกรรมการจ้างที่ถือว่าเป็นการจ้างแรงงาน ถือเป็นลูกจ้าง / นายจ้างตามกฎหมาย article
พนักงานขายรถยนต์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ประจำบูธ ตามที่ได้รับมอบหมาย ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
เลือกตั้งคณะกรรมการสหภาพฯ ขัดต่อข้อบังคับสหภาพหรือขัดต่อกฎหมาย ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบ article
ฝ่าฝืนสัญญาจ้าง กรณีห้ามทำการแข่งขันกับนายจ้างหรือทำธุรกิจคล้ายคลึงกับนายจ้างเป็นเวลา 2 ปี นับจากสิ้นสุดสัญญาต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้าง article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระบุให้นายจ้างเลิกจ้างเพราะเหตุคนล้นงาน ปรับลด ขนาดองค์กรได้ ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเลิกจ้างลูกจ้างได้ article
ข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีตัดสิทธิ์รับเงินสมทบพร้อมผลประโยชน์หากกระทำผิดถูกปลดออกจากงานบังคับใช้ได้ article
ทะเลาะวิวาทกัน นอกเวลางาน นอกบริเวณบริษัทฯ ไม่ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนไม่ไปตรวจสารเสพติดซ้ำตามคำสั่งและนโยบาย ถือว่าฝ่าฝืน ข้อบังคับ หรือ ระเบียบ กรณีร้ายแรง article
วันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วน article
เป็นลูกจ้างที่มีอำนาจกระทำการแทนนายจ้างในการจ้างงาน ไม่มีสิทธิได้รับค่าทำงานในวันหยุด และลักทรัพย์เอาต้นไม้ของนายจ้างไป ถือว่ากระทำผิดอาญาแก่นายจ้าง เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ผลการทำงานดีมาโดยตลอดและไม่เคยกระทำผิดมาก่อน แต่ปีสุดท้ายผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่ถือเป็นเหตุที่จะอ้างในการเลิกจ้าง article
ได้รับบาดเจ็บรายการเดียว เข้ารักษา 2 ครั้ง ถือว่าเป็นการรักษารายการเดียว นายจ้างสำรองจ่ายเพิ่มเติมไม่เกิน 50,000 บาท ไม่ใช่ 200,000 บาท article
ผู้บริหารบริษัท ฯ ถือเป็นลูกจ้างหรือไม่ ดูจาก_________ ? article
ขับรถออกนอกเส้นทาง แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรงและก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้าง นายจ้างหักเงินประกันการทำงานได้ article
ค่าจ้างระหว่างพักงาน เมื่อข้อเท็จจริง ลูกจ้างกระทำความผิดจริง จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างระหว่างพักงาน article
“ นายจ้าง ” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 5 article
สัญญารักษาความลับ ข้อมูลทางการค้า (ห้ามประกอบหรือรับปฏิบัติงานแข่งขันนายจ้าง) มีกำหนด 2 ปี บังคับใช้ได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย และการกำหนดค่าเสียหาย ถือเป็นเบี้ยปรับตามกฎหมาย ศาลปรับลดได้ตามสมควร article
เงินรางวัลการขายประจำเดือน จ่ายตามเป้าหมายการขาย ที่กำหนดไว้ ไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่าโทรศัพท์ เหมาจ่าย ถือเป็นค่าจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ 3 วันทำการ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เลิกจ้างเป็นธรรมไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ลาออกมีผลใช้บังคับแล้ว ออกหนังสือเลิกจ้างภายหลังใช้บังคับไม่ได้ article
ตกลงรับเงิน ไม่ติดใจฟ้องร้องอีกถือเป็นการตกลงประนีประนอมกันบังคับได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย
เลิกจ้างระหว่างทดลองงาน ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ข้อตกลงว่า “หากเกิดข้อพิพาทตามสัญญาจ้างแรงงาน ให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย” ไม่เกี่ยวกับสิทธิตามกฎหมายแรงงาน เมื่อเกิดสิทธิตามกฎหมาย ฟ้องศาลแรงงานได้ โดยไม่ต้องให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย article
เลิกจ้างด้วยเหตุอื่น อันมิใช่ความผิดเดิมที่เคยตักเตือน ไม่ใช่เหตุที่จะไม่จ่ายค่าชดเชย เลิกจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย article
นำรถยนต์ไปใช้ในกิจธุระส่วนตัว มีพฤติกรรมคดโกง ไม่ซื่อตรง พฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ไม่น่าไว้วางใจ ลงโทษปลดออกจากการทำงานได้ article
การกระทำที่กระทบต่อเกียรติ ชื่อเสียงของนายจ้าง และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แม้กระทำนอกสถานที่ทำงานและนอกเวลางาน ก็ถือว่า ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรง article
สัญญาค้ำประกันการทำงานไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ต้องรับผิดชอบตลอดไป article
ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเลิกจ้างได้ ถือว่าเลิกจ้างเป็นธรรมและความผิดที่ลงโทษแล้วจะนำมาลงโทษอีกไม่ได้ article
ผิดสัญญาจ้างไปทำงานกับคู่แข่ง นายจ้างฟ้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาได้ แต่ค่าเสียหาย เป็นดุลพินิจของศาลจะกำหนด article
จงใจกระทำผิดโดยผิดกฎหมายเป็นเหตุให้นายจ้างเสียหาย ถือว่า กระทำละเมิดต่อนายจ้าง ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น article
ตกลงสละสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย ภายหลังเลิกจ้าง ใช้บังคับได้ ไม่เป็นโมฆะ article
ก้าวร้าวไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ามิใช่ค่าจ้าง คิดดอกเบี้ยในอัตรา 7. 5 ต่อปี article
ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของนายจ้างในเรื่องส่วนตัวเป็นประจำ ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่กาปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต เลิกจ้างเป็นธรรม article
สั่งให้พนักงานขับรถ ขับรถออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้มีส่วนในการขับรถ ถือว่าผิดต่อสัญญาจ้าง แต่ไม่ต้องรับผิดอันมีผลโดยตรงจากมูลละเมิด ( ขับรถโดยประมาท ) article
จ่ายของสมนาคุณให้ลูกค้า โดยไม่ตรวจสอบบิลให้ถูกต้อง มิใช่ความผิดกรณีร้ายแรงไม่ใช่การทุจริตต่อหน้าที่ แต่ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เสร็จลุล่วงไปโดยถูกต้อง และสุจริต เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ฟ้องประเด็นละเมิด กระทำผิดสัญญาจ้าง ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง มีอายุความ 10 ปี article
ตกลงยินยอมให้หักค่าจ้างชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ นายจ้างสามารถหักค่าจ้างได้ตามหนังสือยินยอมโดยไม่ต้องฟ้อง article
กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างและประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง article
“ งานโครงการตามมาตรา 118 วรรค 4 ” บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ว่าจ้างลูกจ้างทำงานตามโครงการที่รับเหมา ถือว่าจ้างงานในปกติธุรกิจของนายจ้าง มิใช่งานโครงการ article
เงินโบนัสต้องมีสภาพการเป็นพนักงานจนถึงวันกำหนดจ่าย ออกก่อนไม่มีสิทธิได้รับ article
ระเบียบกำหนดจ่ายเงินพิเศษ ( gratuity ) เนื่องจากเกษียณอายุ โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายแตกต่างจากการจ่ายค่าเชย ถือว่านายจ้างยังไม่ได้จ่ายค่าชดเยตามกฎหมาย article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.

บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด

เลขที่ 511/4 ถนนประชาอุทิศ 117/1 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร (10140)

โทร/Tel : 02 - 8159522, แฟกซ์/Fax : 02 - 8159523, มือถือ/Mobile : 081 - 7936156

อีเมล/E-mail : sawai.prm@gmail.com, เว็บไซต์/Web : www.parameelaw.com