ศาลนัดไกล่เกลี่ย บ.แรงงานฟ้องเอ็นบีที 4 ต.ค.นี้
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ศาลนัดพร้อมคู่ความคดีที่ นายสุรเชษฐ์ หลินไพโรจน์ ทนายความรับมอบอำนาจจาก บริษัทจัดหางานเงินและทองพัฒนาจำกัด เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.ศันสนีย์ มีชูสาร ผู้ดำเนินรายการรู้ทันเล่ห์เหลี่ยม ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ หรือเอ็นบีที กับพวกเป็นจำเลยที่ 1-9 ในความผิดฐานหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหายจำนวน 140 ล้านบาท กรณีที่พวกจำเลยนำคำสัมภาษณ์ของนายมานะ พึ่งกล่อม และนายอำนวยพร ดาท่าราช สองแรงงานไทยที่เคยทำงานในประเทศลิเบีย จำเลยที่ 6-7 คดีนี้ มาออกอากาศเมื่อวันที่ 24 พ.ค. และ 8 มิ.ย. 2554 ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง
นายสุรเชษฐ์ ทนายความรับมอบอำนาจจากบริษัทจัดหางานเงินและทองพัฒนา จำกัด กล่าวว่า ในวันนี้ ศาลแนะนำให้คู่ความทั้งสองฝ่ายไปตกลงเจรจาไกล่เกลี่ยกันก่อน โดยศาลนัดไกล่เกลี่ยอีกครั้งในวันที่ 4 ต.ค. นี้
อรป.บุกทำเนียบ ร้องนายกฯ ปล่อยตัว สมยศ พร้อมเรียกร้องแก้ประมวล กม.อาญา 112
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ผ่านมา นายพรมมา ภูมิพันธ์ พร้อมด้วย กลุ่มองค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย (อรป.) ประมาณ 20 คน เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล บริเวณทางเข้าประตู 4 เพื่อยื่นหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมี นายพันธ์ศักดิ์ เจริญ ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือดังกล่าว โดยเรียกร้องให้ปล่อยตัว นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาฯ เพื่อประชาธิปไตย และผู้ถูกกล่าวหาคนอื่น ที่ถูกจับกุมตัวจากความขัดแย้งทางการเมือง ให้ได้รับสิทธิ์ในการประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งถูกคุมขังกว่า 80 วันแล้ว
พลาสติกขาดแรงงานอื้อ จี้รัฐเร่งผลักดันทักษะฝีมือ
นายวีระศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ในภาพรวมอุตสาหกรรมพลาสติกยังประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะประมาณแสนคน ซึ่งตั้งแต่ระดับ ปวช.ขึ้นไปรวมประมาณ 3-4 พันคน ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำประ มาณ 300 บาทต่อวันของรัฐบาลใหม่ เพราะปัจจุบันมีการจ้างงานสูงกว่าระดับดังกล่าวอยู่แล้ว ทั้งนี้ผู้ประกอบการคาดหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่ จะมีส่วนช่วยผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติก โดยการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ ฝีมือแรงงาน รวมทั้งเพิ่มแรงจูงใจในรูปของภาษีมากขึ้น ซึ่งเชื่อมั่นว่าหากรัฐบาลร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการบริหารประเทศจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตประมาณ 5-6% ได้ในปี 2555
ทั้งนี้การส่งออกพลาสติกของไทยในภาพรวมปีนี้ คาดว่าน่าจะมีมูลค่าใกล้ระดับ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มจากปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า 2,300 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากการเพิ่มมูลค่าด้วยการแปรรูปและการเพิ่มกำลังการผลิต โดยอุตสาห กรรมนี้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่า 300,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 3-4% ของจีดีพี ของประเทศ
"ปัจจุบันตลาดส่งออกที่สำคัญของอุตสาห กรรมพลาสติก ได้แก่ อินโดนีเชีย ถือว่าเป็นประเทศที่ยังมีกำลังผลิตได้สูงอยู่ เพราะยังผลิตได้น้อยกว่าความต้องการในประเทศอ เวียดนาม ฟิลิป ปินส์ มาเลเซีย จีน อเมริกา เป็นต้น"