เคล็ดลับเวิร์กกิ้งวูแมนรับมือกับความอ่อนล้า
เมื่อผู้หญิงเราเมื่อก้าวเข้าสู่วัยทำงาน สิ่งแรกที่ต้องเจอคือภาระและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น ไหนจะงานที่บ้าน ไหนจะงานที่ทำงานเพียงแค่นี้แต่ละวันของสาววัยทำงานก็หมดไปอย่างรวดเร็วและเหนื่อยล้า
นอกจากภาระอันหนักอึ้งนี้แล้ว ยังต้องเจอกับอายุที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันด้วยเหตุนี้หลายคนจึงหนีไม่พ้นอาการอ่อนล้าจากภาวะที่เรียกว่า "Energy Short" หรือพลังงานเกิดจากการลัดวงจรจากการที่ร่างกายทำงานหนักทางออกที่ดีคือการหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกายและใจด้วย 5 เคล็ดลับจาก ม.ร.ว.พรรณนิภาจันทรทัต ประธานชมรมโภชนวิทยามหิดลมาฝากกันเป็นการต้อนรับกลับจากเทศกาลสงกรานต์ที่ต้องทำให้คุณสาวๆลุยงานอย่างเต็มที่ค่ะ
1.กินอาหารเช้าเป็นประจำ ก่อนจะใช้พลังงานในการทำงานตลอดทั้งวันร่างกายจำเป็นต้องเติมพลังงานและสารอาหารเสียก่อนเพราะในขณะนอนหลับเราไม่ได้รับสารอาหารเพิ่มเติม แต่ร่างกายยังคงใช้สารอาหารต่างๆอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นมื้อเช้าจึงเป็นมื้อสำคัญที่ขาดไม่ได้แต่การงดอาหารเช้ากลับเป็นกิจวัตรยอดฮิตของคนทำงาน เพียงเพราะคำอ้างที่ว่าไม่มีเวลาทางออกที่ดีสำหรับคนทำงาน คือ กินอาหารเช้าที่ง่าย สะดวกแต่ยังมีคุณค่า เช่นนมหรือเครื่องดื่มธัญญาหารธรรมชาติ แซนวิชทูน่าโฮลวีท และผลไม้เพื่อให้ได้สารอาหารอย่างครบถ้วนและไม่มีไขมันสูงเท่านี้ก็พร้อมรับมือกับการเริ่มต้นทำงานในแต่ละวันแล้ว
2.ดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มธัญญาหารระหว่างวัน ภาวะขาดน้ำอาจทำให้ร่างกายอ่อนล้าในระหว่างวันจึงควรดื่มน้ำเพื่อเพิ่มความสดชื่นและกระตุ้นให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าพร้อมจะทำงานอยู่เสมอหรือหันมาดื่มเครื่องดื่มที่ให้คุณประโยชน์จากสารอาหารธรรมชาติแบบหวานน้อยแทนเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมและกาแฟเพราะปัจจุบันเครื่องดื่มบางชนิดได้เพิ่มคุณประโยชน์จากธรรมชาติเข้าไป เช่น มอลต์นมโค งาดำ ลูกเดือย ถั่วเหลือง หรือจมูกข้าวสาลีซึ่งล้วนเป็นแหล่งโปรตีนคาร์โบไฮเดรต วิตามิน แคลเซียม และแร่ธาตุหลายชนิดจึงช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานอย่างรวดเร็วและลดอาการล้าอ่อนเพลียจากภาวะที่เรียกว่า "Energy Short" ได้เป็นอย่างดีทั้งยังช่วยให้อยู่ท้องไม่หิวระหว่างวันอีกด้วย
3.กินอาหารถูกหลัก โดยกินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเช่น ธัญญาหาร ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีทซึ่งมีเส้นใยสูงจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด กินไขมันดี (HDL) เช่นน้ำมันมะกอก ปลาทะเล เป็นต้น กินโปรตีนเล็กน้อย โดยเลือกโปรตีนที่ดีได้แก่เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา เต้าหู้ ถั่วต่างๆเพราะโปรตีนจะช่วยให้ทำงานได้นานกว่าการกินแต่คาร์โบไฮเดรตเพิ่มผักและผลไม้และธัญญาหารในมื้ออาหารให้มากขึ้น อาจใช้วิธีกินผักครึ่งหนึ่งอาหารอย่างอื่นครึ่งหนึ่ง และอย่าลืมดื่มนมหรือเครื่องดื่มธัญญาหารอย่างน้อยวันละ 2 แก้ว เพื่อเพิ่มแคลเซียม
4.เติมพลังงานด้วยอาหารมื้อเล็กๆ บ่อยๆ เพื่อให้มีพลังงาน อยู่ตลอดทั้งวัน เพราะคนทำงานต้องใช้พลังงานร่างกายและสมองตลอด 8-12 ชั่วโมง โดยในมื้อย่อยให้กินอาหารที่มีเส้นใย ไขมันต่ำ น้ำตาลต่ำ เช่นเครื่องดื่มธัญญาหาร เครื่องดื่มผสมมอลต์ โยเกิร์ตซึ่งล้วนเป็นอาหารว่างที่ให้พลังงานต่ำ มีสารอาหารและกากใยสูง เลิกนิสัยแบบเดิมๆที่มักกินขนมปัง กาแฟ หรือคุกกี้ระหว่างทำงานเพราะอาจต้องเจอกับปัญหาอ้วนลงพุงได้
5.ปรับอารมณ์ การเคร่งเครียดกับการทำงาน ความอ่อนล้าเหน็ดเหนื่อยสะสมเป็นอุปสรรคสำคัญของคนทำงาน การจะผ่านสิ่งเหล่านี้ไปได้ต้องฝึกผ่อนคลายอารมณ์ หัดมีอารมณ์ขัน ลองพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานบ้าง หาวิธีคลายเครียดด้วยการนวดใบหู ฟังเพลง หาเวลาไปออกกำลังกายบ้าง หรือพักสายตาสักนิดจะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น เพราะหากรู้สึกอ่อนล้าร่างกายจะไม่อยากทำงาน บางทีอาจทำให้คนรอบข้างรู้สึกตามไปด้วย การปรับอารมณ์ให้สดใส สดชื่น จะช่วยเพิ่มพลังใจให้มีแรงสู้กับการทำงาน เพราะสภาพจิตใจมีพลังมากกว่าพลังกายเสียอีก อย่างไรก็ตาม เมื่อเริ่มรู้สึกอ่อนล้าควรหาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์จากธรรมชาติ พร้อมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่าโหมงานหนักจนเกินไป
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์