15 มิ.ย.จดทะเบียนแรงงาน3สัญชาติ
จากปัญหาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และลักลอบการทำงานที่กระจายตัวอยู่ในทุกพื้นที่ในประเทศไทย ซึ่งมีการคาดกันว่าประมาณ 2,000,000 คน ส่งผลต่อประเทศทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและสาธารณสุข ประกอบกับในภาคอุตสาหกรรมบางประเภท กิจการมีการขาดแคลนแรงงานระดับล่างเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะงานที่มีลักษณะงานที่สกปรก เสี่ยงอันตรายและงานที่หนัก เช่น ก่อสร้าง ประมง กิจการที่ต่อเนื่อง เกษตรกรรม ดังนั้นกระทรวงแรงงานจึงได้เสนอมาตรการในการจัดระบบแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองทั้งระบบ ซึ่งผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง (กบร.)
เมื่อเร็วๆ นี้ กรมการจัดหางานได้จัดประชุมซักซ้อมความเข้าใจการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว กัมพูชา รวมทั้งผู้ติดตามที่เป็นบุตรของแรงงานต่างด้าวที่มีอายุไม่เกิน 15 ปี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2554 ซึ่งจะเริ่มเปิดจดทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2554
นางสุทัศนี สืบวงศ์แพทย์ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2554 ให้มีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว กัมพูชา รวมทั้งผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรที่มีอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานระดับล่าง และให้แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว กัมพูชา ที่ลักลอบทำงานเข้าสู่ระบบการจ้างงานที่ถูกต้อง และได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ซึ่งจะสามารถเริ่มดำเนินการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวได้พร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2554 เป็นต้นไป
โดยนายจ้างจะต้องมายื่นคำร้องขอจ้างคนต่างด้าว (แบบ ท.ต.1) ได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด/สำนักจัดหางานกรุงเทพฯ เขตพื้นที่ 1-10 ที่เป็นที่ตั้งของสถานที่ทำงาน หลังจากนั้นยื่นคำร้องขอจัดทำทะเบียนประวัติคนต่างด้าว ณ สำนักงานอำเภอหรือท้องถิ่น และติดต่อขอนัดตรวจสุขภาพและทำประกันสุขภาพ ณ สถานพยาบาลที่กำหนด โดยเสียค่าตรวจสุขภาพ 600 บาท ประกันสุขภาพ 1,300 บาท รวม 1,900 บาท และยื่นคำขออนุญาตทำงาน (ต.ท.8) ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดหรือสำนักจัดหางานกรุงเทพฯ เขตพื้นที่ 1-10 พร้อมชำระค่าธรรมเนียม ค่ายื่นคำขอ 100 บาท ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานปีละ 900-1,800 บาท ขึ้นอยู่กับพื้นที่การทำงานและประเภทกิจการ
นางสุทัศนีกล่าวว่า การจดทะเบียนในครั้งนี้จะดำเนินการอยู่บนพื้นฐานของความมั่นคงเป็นอันดับแรก เศรษฐกิจเป็นอันดับสอง และสังคมเป็นอันดับสาม เพื่อให้แรงงานต่างด้าวได้เข้าสู่ระบบการจ้างงานที่ถูกต้อง และได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย รวมทั้งได้ทราบจำนวนที่แท้จริง สามารถตรวจสอบติดตามและควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปลัดกระทรวงแรงงานได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานมีการประสานงานกัน เพื่อให้เกิดความสะดวกแก่นายจ้างและสถานประกอบการมากที่สุด โดยตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จหรือ One Stop Service และเร่งประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจขั้นตอนการปฏิบัติงาน และลดการใช้เอกสารให้มากที่สุด รวมทั้งการควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงาน เพื่อป้องกันการลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าวรายใหม่ เข้ามาทำงานรวมทั้งป้องกันการหลบหนีนายจ้าง
"คาดว่าจะมีนายจ้างและสถานประกอบการประมาณ 200,000 ราย มายื่นขอใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานต่างด้าว และหากพ้นกำหนดระยะเวลาที่กำหนด แรงงานต่างด้าวที่ไม่เข้าสู่ระบบ จะถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจังกับทั้งนายจ้างและตัวแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบทำงาน นายจ้างที่ลักลอบจ้างแรงงานต่างด้าว จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 มีความผิดปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาทต่อการจ้างแรงงานต่างด้าวหนึ่งคน ส่วนแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบทำงานจะมีความผิด จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" อธิบดีกรมการจัดหางานเผย
กรมการจัดหางาน ขอประชาสัมพันธ์ให้นายจ้างและสถานประกอบการ รีบมาดำเนินการขอใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว กัมพูชา เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ หากมีข้อสงสัยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักจัดหางานกรุงเทพฯ เขตพื้นที่ 1-10 สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว โทร. 0-2354-1767 หรือศูนย์มิตรไมตรี กรมการจัดหางาน โทร.1694.